จาตุมหาราชิกาภูมิ
จาตุมหาราชชิกาภูมิ (สวรรค์ชั้นที่ 1)
แดนสุขาวดี มีเทวราชผู้ยิ่งใหญ่ 4 พระองค์ ทรงเป็นผู้ปกครองดูแล จึงได้ชื่อว่า จาตุมหาราชิกาเทวภูมิ คือ ภูมิเป็นที่อยู่แห่งทวยเทพ
มีท้าวจาตุมหาราช ทรงเป็นใหญ่ เทพยดาในสวรรค์ชั้นนี้มีอาหารทิพย์ อาหารแห้ง หายเข้าสู่ร่างกาย ไม่มีกากมูลอุจจาระ ปัสสาวะ ไม่เจ็บป่วย อยู่กับครอบครัวลูกเมียเป็นสุขสบาย เทพยดานั้นจะย่อตัวขยายตัวได้ตลอด รูปโฉมโนมพรรณจะสดใสเป็นหนุ่มสาวอยู่ราว 16 ปีตลอด ร่างกายบริสุทธิ์สะอาดหอมอยู่ตลอดเวลา ปราศจากมลทินใดใด โดย 50ปีของมนุษย์ เป็น1วัน1คืนของสวรรค์ชั้นนี้
สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา มีเมืองใหญ่เป็นเทพนครอยุ่ถึง 4 เทพนคร แต่ละเทพนครมีป้อมปราการ กำแพงทองทิพย์ เหลืองอร่ามงามนัก ประดับประดาไปด้วยสัตตรัตนะแก้ว 7 ประการ ภายในเทพนครอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้น มีปราสาทแก้ว ซึ่งเป็นวิมานที่อยู่ของเทพยดาชาวฟ้าทั้งหลาย
ตั้งเรียงรายอยู่มากมาย นอกจากนี้ ยังมีสระโบกขรณี ซึ่งมีน้ำใสยิ่งกว่าแก้ว เต็มไปด้วยดอกบัวนานาชนิด ส่งกลิ่นทิพย์ หอมตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ มีดอกไม้นานาพรรณ สีสันวิจิตรตระการตา และมีรุขชาติต้นไม้สวรรค์ ซึ่งมีผลอันโอชายิ่ง มิ่งไม้ในสวงสวรรค์ มีดอกมีผลเป็นทิพย์ ปรากฏให้เหล่าชาวสวรรค์ได้ชื่นชมตลอดกาล ไม่มีวันร่วงโรยและหมดไปเลย
สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา จำแนกย่อยพื้นที่บริเวณของหมู่เทพละเอียดลงไปอีก ตามขั้นตอนการถือกำเนิดเอาไว้ ดังนี้
อุปัตติเทพ การถือกำเนิดด้วยการอุบัติขึ้นมา โดยมีกายทิพย์ หรือ กายละเอียด เป็นวัยหนุ่มสาวขึ้นมาทันใด ถ้าเป็นเพศชาย เมื่อสร้างบุญมากพอที่จะมีวิมานของตนเอง ก็จะไปถือกำเนิดเป็นบุตรของเทวดาองค์ใดองค์หนึ่ง ถ้าเป็นเพศหญิง เมื่อสร้างบุญมาไม่มากพอที่จะมีวิมานของตนเอง ต้องไปถือกำเนิดเป็นบาทบริจาริกาของเทวดาองค์ใดองค์หนึ่ง ถ้าหญิงหรือชายสร้างบุญไว้น้อย ก็จะถือกำเนิดเป็นเทพผู้คอยดูแลในเรื่องเครื่องทรงของเทวดาองค์ใดองค์หนึ่ง ถ้าสร้างบุญกุศลไว้มากพอ ก็จะอุบัติขึ้นมาเป็นเจ้าของวิมาน พรั่งพร้อมด้วยบริวาร และสิ่งของอันเป็นทิพย์
บาดาล ภพที่ใกล้มนุษย์มากที่สุด มีลักษณะเป็นงูต่างๆและนาคา
ภูมะ ที่อยู่ของภูมิเจ้าที่ต่าง ๆ
รุกขภูมิ ภูมิที่อยู่เหนือหัวเราขึ้นไปเพียงศอกเดียว มีวิมานอยู่บนต้นไม้
ฉิมพลีภูมิ ดินแดนแห่งเทพผู้มีปีก กึ่งเทพ กึ่งสัตว์ มีฤทธิ์มาก
คนธรรพ์ภูมิ ดินแดนรอยต่อระหว่างมนุษย์โลกกับเทวโลก
หิมพานต์ ดินแดนรอยต่อระหว่างมนุษย์โลกกับเทวโลก
บรรพภูมิ ดินแดนแห่งฤาษีผู้บำเพ็ญพรต ที่หลบลี้จากโลกมนุษย์
อโยธยาภูมิ ภูมิของผู้มีบุญคุณต่อแผ่นดิน เช่น พ่อหลักเมือง
ลับแลภูมิ ภูมิของหญิงสาวที่บำเพ็ญเพียร ถือสัจจะเป็นหลัก
ภุมมา ที่สถิตของเทพบุตร เทพธิดาต่างๆ ที่ยังมีกิเลศ เป็นภูมิที่อยู่ต่อจากมนุษย์ภูมิขึ้นไป
มหาราชทั้ง 4 พระองค์
นครด้านทิศตะวันออก มีเทวาผู้ยิ่งใหญ่ ทรงพระนามว่า ท้าวธตรัฏฐะมหาราช เป็มจอมเทพผู้ปกครอง มีบุญญานุภาพมาก มีรัศมีมาก เทวาอุบัติเกิดเป็นบุตรพระองค์มากมาย ล้วนแต่มีกำลังมาก มีฤทธิ์มีอานุภาพ มีรัศมี มียศเป็นอันมาก และทรงเป็นอธิบดีปกครองหมู่คนธรรพ์อีกด้วย คนธรรพ์เป็นเทวาพวกหนึ่งอยู่ในสวรรค์ชั้นนี้ มีความถนัดในดนตรี ศิลปะรำฟ้อน และชำนาญในการขับเพลงเป็นอันมาก
นครด้านทิศใต้ มีเทวาผู้ยิ่งใหญ่ทรงพระนามว่า ท้าววิรุฬหกมหาราช เป็นจอมเทพผู้ปกครองซึ่งมีบุญญานุภาพมาก พระองค์ยังทรงเป็นอธิบดี ของพวกกุมภัณฑ์อีกด้วย กุมภัณฑ์นี้เป็นยักษ์พวกหนึ่งมีรูปร่างแปลกประหลาด คือ มีท้องใหญ่ และมีอัณฑะเหมือนหม้อ พวกกุมภัณฑ์นี้มีความจงรักภักดี เทิดทูนบูชาเคารพ และเกรงกลัวต่อท่านท้าววิรุฬหก ผู้เป็นนายของตนยิ่งนัก
นครด้านทิศตะวันตก มีเทวาผู้ยิ่งใหญ่ทรงพระนามว่า ท้าววิรูปักษ์มหาราช เป็นจอมเทพผู้ปกครองซึ่งมีบุญญานุภาพมาก และเป็นอธิบดีของพวกนาคาอีกด้วย พวกนาคนี้มีฤทธิ์มาก พิษแห่งนาคทั้งหลายมีฤทธิ์กล้าอาจตัดเอาผิวหนังแห่งบุคคลให้ถึงแก่ความตายในพริบตาเหมือนกับคมดาบ และเหล่านาคย่อมรู้จักเนรมิตรตนได้ เมื่อจะเที่ยวไปในที่ต่างๆ บางคราวย่อมเนรมิตตนเป็นงู บางคราวก็เป็นเทพเทวา บางคราวก็เนรมิตเป็นกระแตเที่ยวไปในไพรโดยสุขสำราญ มิรู้เบื่อรู้หน่ายทุกกาลเวลา
นครด้านทิศเหนือ มีเทวาผู้ยิ่งใหญ่ทรงพระนามว่า ท้าวเวสสุวัณมหาราช เป็นจอมเทพผู้ปกครองซึ่งมีบุญญานุภาพมาก ยังมีพระนามปรากฏอีกนามหนึ่งว่า "ท้าวกุเวร" เป็นเทพองค์เดียวกัน ทรงเป็นอธิบดีปกครองพวกยักษ์ ท่านมีหน้าที่มากมาย เช่น การทำนุบำรุงพระศาสนา ปกป้องผู้ทรงความดี ผู้บำเพ็ญกรรมฐาน (ในคติคนไทยสมัยก่อนปรากฎภาพท่านเป็นยักษ์มีพลองในมือเป็นอาวุธคู่กาย ที่เราเห็นรูปปั้นตามวัดนั่นเอง)
ทางไปสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงตรัสไว้ในทานสูตรว่า...
"ดูกรสารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลมีความหวังให้ทานมีจิตผู้พันในผลแห่งทาน แล้วให้ทาน มุ่งการสั่งสมทานให้ทาน ด้วยคิดว่า เราตายไป แล้วจักได้เสวยผลแห่งทานนี้ เขาผู้นั้น เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงความเป็นสหาย แห่งเทวดาชั้นจาตุมหาราช"
......................................................................................