ว่ากันว่า การนอกใจส่วนใหญ่เกิดจากความไว้วางใจเกินไป (รึปล่าวหนอ) เอ๊ะ !  หรือเป็นเพราะว่าเราไม่ดีพอ หรือเป็นเพราะคู่กรณีลีลาเด็ดกันแน่ฟะ  โอ้ว! แม่เจ้า ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้เกิดขึ้นมาจากเสียงบ่นของคนที่กำลังกลุ้มจายยยยย…..ที่แฟนตัวเองแอบไปมีกิ๊กแบบไม่มีกั๊กซะงั้น

   ทำไง้…ทำไงล่ะทีนี้ เรียกว่าจับต้นชนปลายก็ไม่ถูก จะโทษแฟนที่หลายใจ จะโทษกิ๊กที่(ลีลา หน้าตา แอนด์ คารม) เด็ดฝ่า รึจะโทษเราที่ให้ความไว้ใจแฟนมากเกินไป รึจะถูกทุกข้อดีน๊า แต่บางนางก็หารู้ไม่ว่าตัวเองกำลังจะถูกแทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจเลยซินั่น โอ๊ะ! โอ๊ย พูดแล้วมันเจ็บจริงๆเลย

 

 

รู้ได้ไงว่าแฟนเรากำลังจะมีกิ๊ก?

 

 พฤติกรรมเปลี่ยนแถมอ้างว่าไม่มีเวลา

          แต่ถ้าหากเป็นคุณซะมีที่อยู่กินกันแบบครอบครัวแล้ว การกลับบ้านดึกกว่าปกติ ซึ่งบ่อยเกินไป  หรือหากที่บ้านมีคอมพิวเตอร์ ก็อาจจะนั่ง(แชท)อยู่กับหน้าจอคอมมากเกินไป แฟนถามก็บอกว่าทำงาน หรือการใช้จ่ายที่มากผิดปกติ (เพราะเอาไปส่งส่วยให้กิ๊กอ่ะดิ)  แถมหลังๆ ชอบอ้างว่าไม่มีเวลา  เพราะตอนจีบหรือคบกันแรกๆ  ชวนไปไหนก็ไป พอเป็นแฟนกัน หรือเป็นครอบครัวแล้ว เวลาจะชวนไปไหนแต่ละที แทบกราบแน่ะ  แหม! ก็ทูนหัวล่ะชอบบ่นเหลือเกิ๊นว่าช่วงนี้งานยุ่ง  อาเซียนเข้า ต้องประชุมรองรับอาเซียน (พูดอย่างกับมันจะมาพรุ่งนี้)  เดี๋ยวไปเลี้ยงต้อนรับนายคนใหม่บ้าง ไปกินข้าวกับลูกค้าบ้าง เมียเพื่อนคลอดลูกบ้าง   ไม่มีเวลาจริงจริ๊ง…..แถมบางทีนัดเราแล้วก็ปล่อยให้เป็นแม่สายบัวคอยเก้อ แล้วหาข้อแก้ตัวทีหลัง

 

พกโทรศัพท์ติดตัวตลอด

            หากคนที่กำลังคบกันเป็นแฟน สังเกตจากเวลาที่เราโทรศัพท์ไป หากสายไม่ว่างก็จะเจอสายซ้อน ซึ่งแม้เราจะพยายามโทรไปหลายครั้ง ก็ยังคงได้แต่ร้องเพลงรอ ร๊อ รอ ครั้งแรกๆ อาจจะยังไม่รู้สึกเพราะเค้าอ้างได้ว่า คุยธุระกับเจ้านาย คุยกับเพื่อน คุยเรื่องงาน แต่เมื่อบ่อยเข้า ก็ต้องมีเอะใจกันบ้างแล้วล่ะ  แถมบางทียังออกอาการหวงมือถืออีกอเพราะไม่ว่าคุณแฟน จะกิน จะอี้ จะฟิชเจอริ่ง เป็นต้องพกติดตัวตลอด ยิ่งเวลาที่กิ๊กเผลอโทรมาตอนที่เราอยู่ด้วยกันกับคุณแฟนด้วยแล้วนะ เวลารับสายสีหน้าจะดูเคร่งขรึม  (ประมาณว่าช็อค แล้วแอบคิดในใจ เฮ้ย! โทรมาไมตอนนี้ฟะ)  น้ำเสียงก็จะเปลี่ยนไปด้วย     การพูดก็ห้วนไม่เอ่ยชื่ออีกฝ่าย ทำให้เดาไม่ได้เลยว่ากำลังคุยอยู่กับใคร เสียงเรียกเข้าเปิดแบบสั่นแทน  บางทีไม่เมมชื่อนะ แต่อาศัยจำเลขท้าย เวลาโทรมาก็แกล้งไม่รับซะงั้นบอกว่าคงโทรผิด  แถมบางทีเวลานอนก็ชอบแอบเอาโทรศัพท์ไว้ใต้หมอน เวลาข้อความมา ถ้าตั้งแบบสั่นไว้นะ รับรองสะเทือนไปทั้งเตียง แต่ถ้าตั้งแบบเงียบ มันก็จะเป็นไฟกระพริบเตือน  อันนี้คุณมะเมียต้องสังเกตดีๆนะคร้า…

 

รายจ่ายเยอะขึ้น แต่หันมาเปลี่ยนลุคส์ตัวเองให้ดูดี

          ถ้ายังเป็นแค่แฟนกันอาจจะยังดูไม่ออกเท่าไหร่ อาจจะรู้สึกแค่เขาไม่ค่อยสปอร์ตเหมือนตอนแรกเท่านั้น แถมบางทีบอกให้เราจ่ายไปก่อนก็มี  แต่ถ้าเป็นซะมีภรรยากันแล้ว หลักฐานที่จะบ่งบอกว่าคุณซะมีใช้จ่ายเงินยังไงบ้าง มันก็จะออกมาในรูปสลิป จากพวกเครดิตการ์ดทั้งหลาย ที่คุณซะมีเผลอขยำทิ้งในถังขยะนั่นแหละ เพราะรายการของจากสลิปน่ะ คุณมะเมียยังมิเคยได้ยลโฉม กันเร้ย…..   และจากเมื่อก่อนที่เคยเคี่ยวเข็ญให้คุณแฟนหรือคุณซะมี แต่งตัวดีๆบ้าง ไม่มีหรอกที่จะเชื่อเรา  แต่ ณ วันหนึ่ง เมื่อทุกอย่างเปลี๊ยนไป๋ คุณผู้ชายลุกขึ้นมาอัพเดทตัวเอง แบบนิวลุคส์ ขนาดเราเห็นยังอดที่จะชวนไปนอกรอบ เอ๊ย! ชวนไปข้างนอกไม่ได้เร้ย  แต่ก็พาลที่จะอดสงสัยไมได้ว่า อะไรเข้าสิงให้เจ้าเป็นเยี่ยงนี้หนอ แถมกลิ่นน้ำหอมเนี่ยเตะจมูกไปสามบ้านสี่บ้าน  แล้วยิ่งสมัยนี้เค้ากำลังเทรนด์ในเรื่องซิกแพ็ก ก็เอากับเค้ามั่ง นี่ล่ะมันเข้าข่ายน่าสงสัยจริงๆ

 

อารมณ์ผิดปกติแถมไม่ยอมทำการบ้าน

           ไม่รู้เหมือนกันว่าไปกินรังแตนมาจากไหน ถึงได้อารมณ์เสียอยู่ตลอดเวลา  (อาจจะโทรหากิ๊กแล้วกิ๊กปิดเครื่อง หรือไม่รับสาย)  เวลาที่เราคุยด้วยดีๆ หรือจะเอาใจซะหน่อย ดูคุณแฟนจะไร้อารมณ์ แถม ยังทำท่าหงุดหงิด ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งที่เราทำให้ จ แต่บางครั้งก็น่ารักผิดปกติแบบหาสาเหตุไม่ได้ จะเป็นเพราะ กิ๊กชวนเดท หรือเพราะเขาเกิดกลับตัวกลับใจด้วยการมาง้อหรือ พูดดีๆกับเรา แบบน่าสงสัย ให้ดูพฤติกรรมเขาไปเรื่อยๆก่อน   หรือหากแฟนของคุณเริ่มที่จะพยายามเลี่ยงการฟิชเจอริ่งกับคุณ ทั้งๆที่วันนี้อากาศก็ดี๊ดี  แบบบรรยากาศน่าเสียตัวประมาณนั้น  แต่คุณแฟนหรือคุณซะมีกลับบ่นว่าเหนื่อย นกเขาไม่ทำงาน ทั้งๆที่จริงแล้ว เค้าอาจจะเต็มที่กับคุณกิ๊กมาแบบสุดเหวี่ยงแล้วก็เป็นได้ ครั้งสองครั้งไม่เท่าไหร่ แต่ถ้ามันตลอดไป ก็ต้องคิดหนักแล้วล่ะ

     สมัยนี้จะกล้ายอมรับกันหรือเปล่าว่ามีกิ๊กกี่คนแล้ว ยากนะที่จะหาคนยอมรับความจริงได้ เพราะในสังคมไทย ไม่ว่าจะคบกันเป็นแฟน หรืออยู่กินกันแบบสามีภรรยา ก็อยากให้เป็นแบบ ผัวเดียวเมียเดียวทั้งนั้น แต่เพราะอะไร ถึงทำให้คุณแฟนถึงใส่เกียร์เดินหน้าหากิ๊กกันหนอ แล้วถ้าเรารู้ว่าคุณแฟนมีกิ๊กแล้วจะทำตัวยังไงบ้าง?

 

สาเหตุที่ทำให้แฟนมีกิ๊ก

 

เพราะเราเริ่มทำตัวน่าเบื่อ ทำอะไรซ้ำซาก บ่นเก่ง ชอบบังคับ หรือเอาแต่ใจมากเกินไป ยังรวมไปถึงการปล่อยเนื้อปล่อยตัว จากตอนแรกที่เป็นแฟนกัน ก็รู้จักทำตัวเองให้ดูดี แต่เมื่อคบกันแล้ว (เพราะจีบติดแล้ว) ก็เลยคิดว่า ยังไงซะลูกไก่ก็อยู่ในกำมือ  ก็แหม! เป็นแฟนกันแล้ว เป็นครอบครัวกันแล้วนี่ ยังไงซะเขาจะไปไหนเสีย บอกได้คำเดียวว่าคิดผิดซะแล้วท่าน เพราะนอกจากเราจะมีสิ่งที่ตรงข้ามกันกับกิ๊กไปซะทุกอย่าง โดยเฉพาะ ความสวย ความสาวกว่า ของคู่ต่อสู้ แถมเผลอๆอาจมีลีลาเด็ดสะละตี่กว่า โอ๊ย! ไม่อยากเซด แน่นอนว่ายังไง๊ ยังไง ก็ต้องไปอยู่ดี  ฮุฮุ…..ข้อเสียทั้งน้าน

 

วิธีปราบกิ๊ก…..เอ๊ะ! ไม่สิ วิธีรับมือหลังรู้ว่าแฟนมีกิ๊ก  (จะมีรึเปล่าน๊า)

 

 1. หลายคนบอกว่า หากคุณแฟนมีกิ๊ก แล้วเลิกไปแล้ว จะด้วยวิธีไหนก็ตาม แต่ถ้านิสัยคุณแฟนยังเป็นเหมือนเดิมอีก เมื่อเลิกได้ ก็คบใหม่ได้  อันนี้ก็ต้องบอกว่า ให้เราทำใจไว้ซะเหอะ เพราะสันดานชายยากแท้จะเปลี่ยนได้  แต่ถ้าเป็นแค่ความคิดชั่ววูบ หลงผิด หลงรูป หลงอะไรต่อมิอะไรของกิ๊ก โดยหาเป็นสันดานของคุณแฟนไม่  อีกไม่นานคุณแฟนก็คงจะคิดได้แล้วกลับมาหาคุณ แน่นอน  แต่ก็ขึ้นอยู่ที่คุณแล้วล่ะว่า จะยอมรับเขาเหมือนเดิมไหม เพราะอย่างน้อยความเชื่อใจระหว่างทั้งสองฝ่ายอาจจะลดลง  แต่หากบางคนที่รับได้ก็จะยอมก้มหน้าทำใจและพร้อมที่จะให้อภัยและเริ่มต้นใหม่เสมอ

2. แม้ผู้หญิงบางคนจะพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างกับคุณแฟนให้ดีที่สุด โดยที่ไม่ต้องถาม ไม่ต้องระแวง และยังคงให้ความรักกับเค้า ทำให้เค้ารู้ว่า คุณดีและรักคุณแฟนมากแค่ไหน แต่ถ้าคุณแฟนยังไม่เลิกเจ้าชู้ วิธีสุดท้ายคือ คุณอาจจะเป็นฝ่ายใส่เกียร์ถอยแล้วเดินออกจากชีวิตเขาไปโดยไม่ให้เขารู้ตัว

3. มีคนเคยบอกว่าไม่ต้องทำอะไรหรอก กิ๊กไม่ใช่ผีไม่ต้องปราบ  ลองหันหน้าคุยกับคุณแฟน ให้เวลาและโอกาสเค้าเรียนรู้คนคนนั้นก่อน ( หากคุณทำใจได้ และใจเย็นพอ)  แต่หากแฟนเราเห็นว่ากิ๊กน่าคบหา แสดงว่าเขายอมเป็นกิ๊ก ยอมเป็นรองจากเรา คิดดูสิกิ๊กฉลาดตรงไหนมิทราบคร๊า…..

 

     

     

            สุดท้าย ท้ายสุดแล้ว บอกได้คำเดียวว่ายากส์  เพราะคนที่จะปราบและแก้ไขปัญหาได้จริงๆ ก็คือคนกลางหรือ คุณแฟนนั่นเอง ที่จะเป็นคนตัดสินใจว่าจะคบต่อ หรือจะเลิกกิ๊กดี…….หากปัญหานี้เกิดขึ้นกับคุณผู้หญิงจริงๆ อยากให้ใช้สติและคิดถึงสิ่งดีๆ ที่เคยมีร่วมกัน(ในอดีต)  หันหน้าคุยกัน  หาข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น พร้อมที่จะยอมรับและให้อภัย แต่หากเคลียร์กันแล้วไม่ลงตัว คุณจะยอมสวมคอนเวิร์สหรือจะยอมซดน้ำใบบัวบกล่ะ?

 

 

ซ้ำขออภัยค่ะ

 

รูปประกอบ  :  Google