ลูกจะรู้บ้างไหมใครคิดถึง
ลูกจะรู้บ้างไหมใครคิดถึง
พ่อ-แม่ ซึ่งอยู่ข้างหลังนั่งห่วงหา
เฝ้านั่งคอยรอรับลูกกลับมา
สู่เคหาอีกครั้งยังนั่งรอ
พ่อ-แม่ คิดถึงเจ้าๆรู้ไหม
กินอะไรถูกปากหรือเปล่าหนอ
แม่จะเตรียมของโปรดไว้เฝ้ารอ
แม่กับพ่อคงดีใจเมื่อได้เจอ
"กตัญญูกตเวที ทำได้ทุกวัน"
" ลูกรู้ไหม ว่าแม่ นี้เหนื่อยนัก
ลูกรู้ไหม งานนี้หนัก สักเพียงไหน
ลูกรู้ไหม ว่าแม่ ทำเพื่อใคร
เพื่อลูกรัก หนักเท่าใด แม่ก็ยอม "
" แม่ไม่ขออะไรมากมาย แค่ส่งความห่วงใยมาให้บ้างก็พอ "
แลกด้วยชีวิตของแม่
นายหยางลิน อายุ 33ปี ยิ้มอย่างเบิกบานกับคุณแม่บุญธรรมของเขา แม้เขาจะป่วยเป็นโรคพิการทางสมองตั้งแต่เกิด แต่คุณแม่บุญธรรมก็ไม่คิดจะทิ้งขว้างเขา ทุ่มเทเวลาทั้งหมดเพื่อเลี้ยงหยางลินให้มีความสุข ราวกับเป็นสมบัติอันล้ำค่าของชีวิต ทั้งๆที่คุณหมอบอกว่าเขาน่าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึง 7ปี
หากมีใครสักคนไปถามคุณแม่ท่านนี้ว่า
"ทำไมต้องดูแลเด็กที่ไม่ใช่แม้แต่ลูกของคุณขนาดนี้"
คำตอบที่ได้ก็คือ
"นับตั้งแต่วันแรกที่ได้เห็นเด็กคนนี้ ดิฉันก็ได้สัญญากับตัวเองว่า เด็กคนนี้เกิดมาพิการก็น่าสงสารมากพอแล้ว ดิฉันจะรักและเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุด แม้จะต้องแลกกับทุกสิ่งที่ดิฉันมี หรือแม้กระทั่งด้วยชีวิตของดิฉันก็ตาม"
และนี่คือคำตอบจากใจของแม่ ที่ยิ่งใหญ่กว่าทุกสิ่งและจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป