8 วิธีจีบอันตรายของผู้ชายไม่จริงใจ

8 วิธีจีบอันตราย “มาแบบนี้ไม่หวังดี(ประสงค์รัก)แน่นอน”

“นารีมีมากเหมือนฝูงลิง จะจีบทิ้งจีบขว้างก็ยังไหว ^ . ^” เป็นคติพจน์ประจำใจของ “ผู้ชายบางคน” แต่ผู้หญิงอย่างเราคงไม่อยากถูก “หลอก” จีบเพื่อเก็บไว้เป็นกิ๊กใช่ไหม?

เรื่องของความรักต้องระวังตัวไว้ให้มาก เราไม่สามารถรู้ได้ว่าคนที่เข้ามาหาเรา มีแฟนเป็นตัวเป็นตนหรือมีครอบครัวแล้วหรือยัง จุดประสงค์ที่เข้ามาหาเพราะต้องการเงินทอง  หรือต้องการแค่คนแก้เหงา แล้วลักษณะแบบไหนที่เรียกว่ามาร้าย พฤติกรรมแบบไหนของคนที่เข้ามาแล้วคุณควรระวังตัว คุณผู้หญิงทั้งหลายจึงต้องตรวจเช็คว่าผู้ชายที่เดินหน้ามาจีบคุณมีพฤติกรรม “อันตราย” แบบนี้หรือไม่?

1.มาๆหายๆคล้ายนินจา

ความ (ดี) เสมอต้นเสมอปลายคือสิ่งที่คนทุกคนต้องการ สำหรับนิสัยที่ไม่ดีก็ควรปรับปรุงให้ดีขึ้น ถ้าเจอคนทำตัวเหมือนนินจามาๆหายๆโดยไม่ได้ถือสัญชาติญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ คุณควรระวังตัวไว้ให้ดีเพราะพฤติกรรมแบบนี้เขาอาจมีลับลมคมในอะไรซ่อนอยู่ หมายความว่าก่อนที่เขาจะมาหาคุณได้ เขาต้องสับหลีกหรือแบ่งเวลามาได้เฉพาะช่วงที่คนรักของเขาไม่ว่าง หรือไม่เขาก็กำลังทำสกอร์จีบคุณพร้อมกับจีบใครอีกคนไปพร้อมๆกัน โปรดอย่าเชื่อสาระพัดข้ออ้างที่เขาพูดมาเวลาที่มาพบหน้าคุณไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น แม่ป่วย น้องพิการ งานยุ่ง ฯลฯ  เพราะการพลิกลิ้นหลอกผู้หญิงนี่แหล่ะ งาน “ถนัด” ของผู้ชายประเภทนี้เลย

2.มือปลาหมึกมาแล้วจ้า

ผู้หญิงทุกคนไม่ควรคิดว่าการ กอด จูบ นิดหน่อยเป็นเรื่องธรรมดา โดยเฉพาะช่วงที่เริ่มต้นคบกันใหม่ๆผู้ชายมือปลาหมึกส่วนใหญ่ไม่ได้มาตามหา “รักแท้” แต่มาหาผู้หญิงไปเล่นสนุก บนเตียง กับเขามากกว่า จุดประสงค์ในการเลื้อยของผู้ชายประเภทนี้ต่างกันออกไปแล้วแต่คน บางคนทำเพื่อ “โชว์” เพื่อนในกลุ่ม บางคนทำเพื่อ “ย้ำ” ให้คุณผู้หญิงรู้ว่า “คุณเป็นแฟนเขาแล้ว” บางคนทำเพื่อแสดงให้ผู้ชายคนอื่นเห็นว่า “ผู้หญิงคนนี้เป็นสมบัติของเขาแล้วอย่าได้มายุ่งด้วย” อย่าได้ไว้วางใจผู้ชายประเภทนี้ เพราะเขาอาจเป็นจอมยุทธ์แซ่ “หวัง” ชื่อ “ฟันเจ้า”เท่านั้น อย่าคิดว่าเรื่องของการถึงเนื้อถึงตัวนั้นจะเกิดได้เฉพาะกับผู้หญิงฝ่ายเดียวเท่านั้น ในทางตรงกันข้ามมีผู้หญิงบางคนที่ใช้จุดอ่อนของการสัมผัสเพื่อให้ผู้ชายรู้สึก ว่าเขาเป็นฝ่ายครอบครองหรือเป็นเจ้าของเพื่อให้ได้สิ่งที่เธอเหล่านั้น “ต้องการ” เช่นเดียวกัน

3.คบ “คนเดียว” ไม่เป็น

ถ้าคุณพบว่าผู้ชายที่กำลังส่งขนมจีบให้คุณอยู่ทุกวันนั้น ไปส่งขนมจีบให้สาวสวย(กว่าคุณ)คนอื่นอยู่ด้วย ขอให้คุณจงทิ้งเขาโดยพลันเพื่อความสงบสุขและเป็นสิริมงคลกับชีวิตของคุณเอง ผู้หญิงบางคนอาจรับได้ที่ผู้ชายบางคน “คบ” เผื่อเลือกแต่คุณต้องไม่ลืมว่าคนเรานั้นมัก เลือกสิ่งที่ดีที่สุด(เท่าที่จะหาได้) ให้กับตัวเองแต่เคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าถ้าหลังจากที่เขาเลือกแล้วคนที่เขากากบาททิ้งเป็น “คุณ” ขึ้นมาล่ะ คนที่เจ็บปวดและเสียเวลาไปอย่างไร้คุณค่าก็ตัวคุณเองเห็นๆ กว่าจะตั้งหลักได้คงต้องใช้เวลาอีกนานพอดู

4.ไปค้างคืนกันเถอะ

ถ้าเริ่มจีบกันใหม่ๆได้ไม่ทันไรเขาก็ชวนคุณไปเที่ยวและพักค้างแรมที่บ้านของเขาที่ต่างจังหวัดซะแล้ว คุณผู้หญิงทั้งหลายลองมองเข้าไปในดวงตาของเขาดู ร้อยทั้งร้อยจะเห็น “ปิศาจราคะ” นั่งน้ำลายหยดแหม่ะ แหม่ะอยู่ในดวงตาคู่นั้น  การชวนไปบ้านของเค้าเหมือนปราการด่านสุดท้ายที่คุณต้องทำคะแนนให้ดีที่สุด เพราะนั่นหมายความว่าเขากำลังจะพาคุณไปพบ พ่อแม่ของเขาแต่ในกรณีที่เพิ่งรู้จักและเริ่มคบกันไม่นาน แต่อีกฝ่ายพยายามชวนคุณไปค้างแรมต่างจังหวัดสองต่อสองตลอดเวลาให้คิดไว้ก่อนเลยว่ามีอะไรแอบแฝงอยู่แน่นอน เพราะผู้ชายที่พาผู้หญิงไปค้างแรมสองต่อสองที่ต่างจังหวัดแล้วปล่อยกลับมาโดยที่ผู้หญิงไร้รอยขีดข่วนนั้น ปัจจุบันนี้ผู้ชายแบบนั้นหายากพอๆกับ “ผงทองในทะเลทราย”

5.จดหมายรักฉบับ “โรคจิต”

ถ้าเขาส่งการ์ด อีเมล์ เมสเสจและอื่นๆอีกมากมายผ่านช่องทางสื่อสารมาให้คุณ แต่ดันมีความหมายไปในทาง “ขู่เข็ญ คุกคาม” ให้คุณรับรักเขา โปรดอย่ามองโลกในแง่ดีหลงละเมอไปว่าความสวยของคุณนั้นไปทำปฎิกิริยากับรอยหยักในสมองของเขา จนเขาไม่สามารถควบคุมสติอารมณ์ให้เป็นปกติได้ โฮะ โฮะ!! (ตื่นจากความฝันได้แล้วค่ะคุณผู้หญิง) ในโลกแห่งความเป็นจริงนี้เราขอให้คุณจัดผู้ชายคนนี้เข้าพวก “โรคจิต” เลยค่ะ ผู้ชายประเภทนี้มีแนวโน้มว่าจะใช้กำลังทำร้ายร่างกายผู้หญิงเมื่อไม่ได้ดั่งใจของเขา และเขามีบรรพบุรุษร่วมกับอดีตคาสโนว่าแซ่ “หวัง” นามกรว่า “ฟันเจ้า” ซึ่งเป็นต้นตระกูลของ “แบดบอยที่มาเร็ว เคลมเร็ว(กรุณาเข้าใจว่าตอนนี้เราไม่ได้ซื้อขายประกันภัยอะไรกันอยู่) และชิ่งหนีโดยเร็วทั้งหลาย”

6.มั่วนิ่มแบบเนียนว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน

เจอหน้า เดินเข้ามาทัก คุยกันไม่กี่คำแล้วก็แยกย้ายกันไป ผู้ชายบางคนก็เที่ยวไปป่าวประกาศจนทั่วมหาวิทยาลัยหรือบริษัท ว่าคุณกับเขา “คบหาดูใจเป็นแฟนกันแล้ว” ทั้งที่ในความเป็นจริงคุณคุยกับเขาแค่เรื่องทั่วๆไปไม่ได้มีเรื่องส่วนตัวใดๆมาปะปนด้วยเลยแม้แต่น้อย นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ แต่คุณผู้หญิงทั้งหลายไม่ควรเห็นเป็นเรื่องธรรมดาแล้วนิ่งเฉย เพราะคนขี้ตู่พวกนี้หาใช่ธรรมดาเขาเป็นผู้ชาย “หลงตัวเอง” เหลือประมาณ เพ้อเจ้อเข้าข้างตัวเองอยู่ฝ่ายเดียวว่าความหล่อแบบแผ่วๆของเขานั้นสะกดสาวให้หลงใหลมามากมายหลายรายแล้ว(รวมทั้งคุณด้วย) ถ้ามีคนถามคุณถึงเรื่องนี้ว่า “คุณกับเขาคบกันแบบแฟนใช่ไหม” ให้คุณยืนยันอย่างหนักแน่นกับคนถามไปเลยว่า “เราเป็นแค่เพื่อนกัน” ถ้าคุณมีแฟนอยู่แล้ว(แต่ยังไม่ได้เปิดตัวให้ใครรู้) ก็ควงมาให้ทุกคนเห็น(เพื่อเป็นการยืนยันว่าคุณไม่ได้คิดอะไรกับผู้ชายหลงตัวเองคนนั้น) แล้วอย่าลืมเดินโฉบไปให้ผู้ชายหลงตัวเองคนนั้นเห็นด้วยว่า “คุณมีแฟนอยู่แล้ว” เพื่อตอกย้ำว่าสิ่งที่เขาพูดไปไม่เป็นความจริง(และไม่มีวันเป็นจริง) และหลังจากนี้ไปให้คุณรักษาระยะห่างจากเขาไว้ถ้าจำเป็นต้องพูดด้วยต้องมีบุคคลที่สามที่ไว้ใจได้(เพื่อนของคุณหรือบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนของเขา)อยู่ด้วยเสมอ กันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ผู้ชายหลงตัวเองประเภทนี้มักดูถูกผู้หญิงที่ตัวเองไปตู่ว่าเป็นแฟนด้วย ยิ่งฝ่ายหญิงนิ่งเฉยไม่ทำอะไรยิ่งได้ใจป่าวประกาศไปทั่วว่าผู้หญิงคนนั้น “ง่าย” คุยด้วยไม่กี่คำก็ยอมเป็นแฟนด้วยแล้ว ก่อนที่เรื่องราวจะลุกลามไปมากกว่านี้คุณผู้หญิงทั้งหลายควรตัดไฟตั้งแต่ต้นลมไว้จะดีกว่า

7.สต็อกเกอร์มาเอง

สต็อกเกอร์(Stalker) หมายถึงบุคคลลึกลับที่ชอบสะกดรอยตามผู้หญิง บางรายตามอย่างเดียวไม่พอ มีการปีนเข้าห้องนอนผู้หญิงแอบเอาชุดชั้นในติดไม้ติดมือมาด้วย ถ้าผู้ชายที่เข้ามาจีบคุณมาดักรอคุณทุกวัน ตามคุณไปทุกที่ไม่ว่าจะไปทำงานหรือตามไปแม้กระทั่งถึงที่บ้าน ซอกแซกอยากรู้เรื่องของคุณทุกเรื่องไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องส่วนตัวของคุณ แอบถ่ายรูปของคุณไว้ทุกอิริยาบถ ฯลฯ คนๆนี้ก็จัดอยู่ในประเภทไว้วางใจไม่ได้ซะแล้ว สต็อกเกอร์นั้นดูผิวเผินเหมือนจะไม่มีอันตราย แต่ถ้าเครียดหรือโกรธขึ้นมาอาจทำร้ายเหยื่อได้ทุกเมื่อ และที่เขาทำตัวลับๆล่อๆอยู่นี่ก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าเขาแค่อยากเห็นหน้า หรือกำลังวางแผนลักพาตัวคุณ ในตำราคนบ้าห้าร้อยจำพวก จัด “สต็อกเกอร์” อยู่ในประเภท “คุ้มดีคุ้มร้าย” ถ้าผู้ชายที่เข้ามาใกล้คุณมีลักษณะแบบนี้ ให้รีบถอยหนีโดยด่วน!!!!!

8.มาจีบเราแต่สายตากลับมองแต่เพื่อนของเรา

ผู้ชายบางคนมาจีบผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อใช้เป็น “สะพาน” ทอดไปหาเพื่อนสาวในกลุ่มเดียวกัน ถ้ามีคนเข้ามาจีบคุณแต่กลับถามเรื่องราวของเพื่อนคุณอย่างละเอียดหรือชวนคุณคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อยแต่ก็วนกลับมาที่เรื่องของเพื่อนคุณจนได้ หรือเวลาที่ชวนคุณไปเที่ยวเขาก็บอกให้ชวนเพื่อนคนนี้ไปด้วย ไม่ว่าจะเทศกาลอะไร ปีใหม่ เช็งเม้ง ต้องมีของมาฝากเพื่อนคุณคนนี้(แถมกล่องใหญ่และดูดีกว่าของคุณด้วย)ทุกครั้ง ไม่ว่าผู้ชายคนนี้จะมีดีแค่ไหนคุณก็ไม่ควรเก็บเขาเอาไว้ ถ้าเขาอยากจีบเพื่อนคุณแต่ใช้คุณเป็นสะพานก็เห็นอนาคตอยู่แล้วว่าคุณเองนั่นแหล่ะที่ต้องรับประทาน “แห้ว” ตะกร้าใหญ่  พูดกับเขาตรงๆไปเลยว่าคุณไม่ใช่คนคั่นเวลาของใครและไม่ใช่สะพานที่เขาจะใช้ข้ามไปหาใคร ถ้าเขาอยากจีบใคร(เพื่อนในกลุ่มของคุณ)ก็ไปจีบเธอคนนั้นดีกว่า อย่ามาให้ความหวังลมๆแล้งๆกันแบบนี้(จะได้ไม่ต้องเสียความรู้สึกดีๆต่อกัน และไม่ต้องแตกคอกับเพื่อนในกลุ่มว่าแย่งผู้ชายคนเดียวกัน)

ความรักเป็นสิ่งที่ดี แต่คนที่เข้ามาจีบคุณนี่สิจะดีจริงหรือเปล่า? เรื่องนี้คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงใจและความเสมอต้นเสมอปลายของผู้ชายคนนั้นแล้วค่ะ

ซ้ำขออภัยค่ะ

รูปประกอบ  :  google