หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ทาโรและจิโรผู้ถูกทอดทิ้ง เรื่องเศร้าของสุนัขลากเลื่อนขั้วโลกใต้

โพสท์โดย mata

"ทาโรและจิโรผู้ถูกทอดทิ้ง" สุนัขแสนรู้ผู้เอาตัวรอดในขั้วโลกใต้กว่า 1 ปี 

 

สวัสดีครับเพื่อนๆ สำหรับคนทั้งโลก คงทราบกันดีว่าสุนัขเป็นเพื่อนที่แสนดีและซื้อสัตย์กับมนุษย์มากที่สุด และความจำของมันก็เป็นเลิศ แม้ว่าเราต้องจากมันไปหลายปี แต่เมื่อไหร่ที่ได้พบกันอีกครั้ง มันยังคงจำเราได้เสมอ  มีเรื่องราวความน่ารักและสุดซึ้งของเหล่าสุนัขบนโลกใบนี้อยู่มากมาย  หนึ่งในนั้นที่ผมอยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันคือเรื่องที่สุนัขลากเลื่อนที่ถูกทอดทิ้งให้อยู่ขั้วโลกใต้เป็นเวลาถึงหนึ่งปีเต็ม ติดตามอ่านกัีนเลยครับ

14 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2500 รัฐบาลญี่ปุ่นส่งคณะนักสำรวจฝ่าความหนาวเหน็บไปสำรวจทวีปอาร์กติก ดินแดนลึกลับขั้วโลกใต้ โดยปักหลักจัดตั้งสถานีสำรวจ “โชวะ” ขึ้นที่ทิศเหนือสุดของทวีปแห่งนี้

ภารกิจโหดหินที่ทีมสำรวจลูกพระอาทิตย์ทั้งหมดได้รับมาจากรัฐบาลคือสำรวจและสังเกตการณ์เพื่อรวบรวมข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์ต่างๆ เป็นเวลา 1 ปี นั่นหมายความว่าพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตตลอดปีเต็มนี้ในดินแดนที่อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ -40 องศาเซลเซียส !!!

ภารกิจการสำรวจในช่วงฤดูใบไม้ผลิมีเป้าหมายอยู่ที่ภูเขา บอตซันนูแทน ซึ่งมีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 1,480 เมตร ทีมงานทุกคนต่างพากันหนักใจแต่ด้วยจิตสำนึกของความเป็นนักวิทยาศาสตร์และเป็นภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ทุกคนจึงปักใจมุ่งมั่นจะปฏิบัติภารกิจนี้ให้สำเร็จลงให้จงได้ ไม่ว่าจะหนักหนาสาหัสเพียงใดก็ตาม

ปัญหาหนักอกของพวกเขาก็คือ สภาพรถสายพานที่เตรียมมาใช้สำหรับการเดินทางในภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งและหิมะของดินแดนขั้วโลกใต้ เอาเข้าจริงๆ ปรากฏว่าใช้การไม่ได้ และกว่าจะซ่อมเสร็จก็คงตกเอาหน้าร้อนซึ่งน้ำแข็งในทะเลก็จะละลายตัว ทำให้ไม่สามารถใช้รถคันนี้ได้อีกเช่นกัน

แผนสำรองจึงถูกกำหนดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดก็ลงตัวเห็นพ้องต้องกันว่าจะใช้รถสายพานซึ่งยังคงใช้งานได้ระดับหนึ่ง ทำหน้าที่ลำเลียงคณะสำรวจไปส่งที่จุดหมายซึ่งอยู่ห่างออกไป 518 กิโลเมตร จากนั้นก็ใช้เลื่อนที่ลากโดยสุนัขพันธุ์ซัคคาลินลากเลื่อนไปกลับรวมระยะทางอีกถึง 400 กิโลเมตร !!! ครับ...รวมระยะทางแล้วก็ประมาณกรุงเทพ-สงขลา นั่นแหละ ขับรถธรรมดายังแย่... ไม่เพียงแต่เท่านั้น การสำรวจชายฝั่งปรินซ์โอลาฟอีก 16 วัน ระยะทาง 350 กิโลเมตรก็จะใช้เลื่อนที่ลากโดยสุนัขเหล่านี้ด้วย 

การสำรวจสำเร็จลุล่วงไปตามแผนที่กำหนดไว้ทุกประการ รวมระยะทางที่ใช้สุนัขพันธุ์ซัคคาลินเหล่านี้ลากเลื่อนถึง 1,600 กม. บนภูมิประเทศและภูมิอากาศสุดหฤโหด คณะสำรวจต่างพึงพอใจทั้งผลการสำรวจและชื่นชมในประสิทธิภาพของสุนัขลากเลื่อนเหล่านี้ ที่ทำงานได้ดีกว่าเครื่องมือสมัยใหม่อย่างรถสายพานเสียอีก

 

เวลา 1 ปีหมดลงไปอย่างรวดเร็ว คณะสำรวจชุดแรกสิ้นสุดภารกิจรอการมาเปลี่ยนของคณะสำรวจชุดที่ 2 ที่กำลังเดินทางมายังสถานีสำรวจแห่งนี้ แต่ปรากฏว่าเรือที่บรรทุกคณะสำรวจชุดที่ 2 กลับเจอปัญหาสำคัญคือติกแหง็กอยู่ท่ามกลางน้ำทะเลที่แข็งตัวหนาเสียจนเรือไม่อาจแล่นต่อไปได้ แม้เรือตัดน้ำแข็งของสหรัฐจะเข้ามาช่วยเหลือก็ไม่สำเร็จ

 

น้ำแข็งยังคงหนาขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางอุณหภูมิที่ติดลบมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีแนวโน้มจะดีขึ้น จนที่สุดคณะสำรวจชุดที่ 2 จึงตัดสินใจเปลี่ยนแผนการทำงานด้วยการหยุดภารกิจการสำรวจไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย แล้วส่งข่าวทางวิทยุไปถึงคณะสำรวจชุดแรกที่ยังคงรอกลับบ้านอยู่ที่สถานีสำรวจโชวะว่า พรุ่งนี้เช้าจะส่งเครื่องบินไปรับคณะสำรวจกลับ โดยกำหนดเที่ยวบินไว้จำกัดเพียง 6 เที่ยวเท่านั้น เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวนคงไม่สามารถบินได้มากเที่ยวกว่านี้

คณะสำรวจที่สถานีสำรวจโชวะรับทราบข่าวกลางดึก จึงเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงสำหรับการเตรียมตัว จากข้อมูลที่มีอยู่ เครื่องบินรุ่นโชวะที่จะมารับนี้บรรทุกน้ำหนักได้เพียง 350 กก.เท่านั้น แค่น้ำหนักคนก็เกือบเต็มพิกัดแล้ว สุดท้ายจึงจำเป็นต้องทิ้งข้อมูลและตัวอย่างที่สู้อุตส่าห์เก็บรวบรวมมาตลอดปีไว้ที่สถานีก่อน เพราะไม่สามารถนำขึ้นเครื่องได้ รวมทั้งสุนัขลากเลื่อนทั้งหมดก็จะต้องถูกทิ้งไว้เช่นเดียวกัน !!!

คณะสำรวจต่างพากันเศร้าเสียใจ โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงคืนวันที่ร่วมเดินทางไกลสำรวจดินแดนหฤโหดนี้มาด้วยกันตลอดปีที่ผ่านมา แต่เมื่อไม่มีทางเลือกเป็นอย่างอื่นก็จำใจต้องจากกันและหวังว่าสวรรค์คงหาทางออกให้ หากอากาศดีขึ้น คณะสำรวจชุดที่สองก็จะเดินทางมาถึงและรับหน้าที่ดูแลสุนัขที่น่าสงสารเหล่านี้ต่อไป

รุ่งเช้าเครื่องโชวะก็มารับตามนัดหมาย ทุกคนต้องรีบเร่งอพยพก่อนที่ฟ้าจะปิดเครื่องบินขึ้นลงไม่ได้ ปรากฏว่ามีน้ำหนักบรรทุกเหลือพอสำหรับสุนัข 2-3 ตัว จึงตัดสินใจเลือกเอาสุนัขตัวแม่กับลูกของเธออีก 2 ตัวขึ้นเครื่องบินไปด้วย

สุนัขที่เหลือ 15 ตัวถูกล่ามไว้ที่ลานสถานีสำรวจพร้อมกับอาหารที่ทิ้งไว้ให้ ซึ่งคงพอเพียงสำหรับการกินไม่เกิน 1 อาทิตย์เท่านั้น !!!

ด้วยสัญชาตญาณและความฉลาด ซัคคาลินทั้ง 15 ตัวต่างพยายามดึงตัวเองให้หลุดจากโซ่ล่าม ส่งเสียงเห่าหอนระงมเมื่อเห็นนายกำลังขึ้นเครื่องจากไป พวกมันรู้ว่าแล้วว่าจะต้องถูกละทิ้งไว้

คณะสำรวจได้แต่สวดมนต์ภาวนาขอให้คุณพระคุ้มครองทั้ง 15 ชีวิตที่ถูกละทิ้งไว้ด้วย!

........อีก 1 ปีต่อมา การสำรวจขั้วโลกใต้ของรัฐบาลญี่ปุ่นจึงเริ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ส่วนล่วงหน้าของคณะสำรวจชุดที่ 3 จำนวน 2 คนซึ่งเคยปฏิบัติงานอยู่ในคณะสำรวจชุดที่ 1 เดินทางมาสำรวจสภาพสถานีสำรวจโชวะก่อนด้วยเฮลิคอปเตอร์ ด้วยความสงสัยว่า สภาพของสถานีที่ถูกทิ้งร้างไป 1 ปีจะเป็นอย่างไร จะยังอยู่ดีหรือไม่ หรือว่าต้องการการซ่อมแซมมากน้อยเพียงใด

ส่วนชะตากรรมของหมาลากเลื่อนทั้ง 15 ตัวนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คงจากพวกเขาไปหมดสิ้นแล้วจากสภาพหนาวเหน็บและการขาดแคลนอาหาร

ขณะที่เฮลิคอปเตอร์กำลังจะร่อนลงแตะพื้นทั้งสองก็รู้สึกโล่งใจจากภาพที่เห็นว่า ดูจากโครงสร้างภายนอกแล้วตัวสถานียังค่อนข้างสมบูรณ์ทีเดียวทำให้โล่งใจขึ้นมาก แต่แล้วต่างก็ต้องพากันแปลกใจและแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อมองลงไปเห็นหมา 2 ตัวยืนรออยู่ที่หน้าสถานีสำรวจด้วยท่าทางดีใจอย่างเห็นได้ชัด

นาทีนั้นนำสำรวจทั้งสองต่างพากันสงสัยว่า หมาสองตัวที่เห็นนั้นมาจากไหน และมาอยู่ที่สถานีสำรวจนี้ได้อย่างไร ?

ยังไม่ทันที่สกีของเครื่องจะแตะพื้น เจ้าหมาสองตัวนั้นก็มากระดิกหางหน้าตายิ้มแป้นรอรับอยู่ที่พื้นหิมะเบื้องล่าง นักสำรวจทั้งสองรีบลงมาจากเครื่องแล้วก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะหมาที่เห็นนี้ก็คือ 2 ตัวในทีมหมาลากเลื่อนของคณะสำรวจชุดแรกที่พวกเขาทิ้งไว้เมื่อปีที่แล้วนั่นเอง

ทาโรกับจิโร !!!

นักสำรวจทั้งสองละทิ้งความสนใจในตัวสถานีไว้ก่อนแล้วช่วยกันสำรวจร่องรอยของหมาที่เหลืออีก 13 ตัวทันที จึงพบหลักฐานว่า ที่ล่ามไว้ทั้งหมด 15 ตัวนั้น มีซากหมา 7 ตัวที่ตายจมหิมะคาโซ่ที่ถูกล่ามไว้ แต่อีก 8 ตัวหายไป ซึ่งนั่นแปลว่า 8 ตัวนี้สามารถดึงตัวเองจนหลุดจากโซ่ได้

และทาโรกับจิโรที่กำลังเดินเคลียคลอเขาทั้งสองไม่ยอมห่าง เพราะคงกลัวจะถูกทิ้งอีกก็คือ 2 ในจำนวนนั้นนั่นเอง !!!

หมา 2 ตัวรอดชีวิตมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ในดินแดนขั้วโลกใต้เป็นเวลาถึง 1 ปีเป็นข่าวไปทั่วประเทศญี่ปุ่นและทั่วโลกในเวลาต่อมา ข่าวนี้สร้างความสะเทือนใจให้แก่คนรักหมาทั่วโลก และติดตามมาด้วยคำถาม...

ทาโรกับจิโรรอดชีวิตมาได้อย่างไร?

คนรักหมาทั้งชาวญี่ปุ่นและใครต่อใครที่ได้ข่าวนี้มีทั้งดีใจกับทาโรและจิโรที่รอดชีวิตมาได้ และเสียใจกับอีก 13 ตัว ที่ต้องตายไปท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บและภูมิประเทศสุดหฤโหดของดินแดนขั้วโลกใต้

จากนั้นก็นำมาสู่การตั้งคำถามว่า - ทาโรและจิโรรอดมาได้อย่างไร...

เรื่องแรกที่มีคำตอบให้ก็คือ หมาลากเลื่อนทั้ง 15 ตัวรวมทั้งทาโรและจิโรล้วนเป็นหมาพันธุ์พื้นเมืองทางภาคเหนือของญี่ปุ่น คือ พันธุ์ซัคคาลิน

หมาพวกนี้สามารถอดทนต่ออากาศหนาวเหน็บได้เป็นอย่างดี ขนาดว่า -41 องศาเซลเซียส ก็ยังอยู่ได้กลางแจ้ง ไม่ต้องไปหลบอยู่ในกรง ไม่ต้องการผ้าห่ม หรือฮีตเตอร์ใดๆ ทั้งสิ้นให้เสียฟอร์ม แต่หากมีพายุหิมะพัดกระหน่ำซึ่งจะทำให้อากาศหนาวมากขึ้นไปอีกก็เพียงแต่ซุกตัวลงในหิมะแล้วโผล่แค่จมูกออกมาหายใจเท่านั้น ก็อยู่รอดปลอดภัยแล้ว

นอกจากจะอดทนต่อความหนาวเหน็บแล้ว ด้วยพื้นเพที่มาจากภูมิประเทศเขตหนาว (จัด) ซึ่งยากต่อการหาอาหาร ดังนั้นพวกมันจึงทนทานต่อความอดอยากอีกด้วย 

สถิติที่เก็บไว้คือ หมาพันธุ์นี้สามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องกินอาหารใดๆ เลยติดต่อกันถึง 15 วัน ซึ่งอันนี้ไม่เหมือนหมาบ้านเราที่มีของกินทั้งวัน หิวขึ้นมาก็วิ่งไปแถวร้านอาหารโต้รุ่งเดี๋ยวเดียวก็อิ่มท้องแล้วเพราะเจ้านายคนไทยท่านกินกันทั้งวัน...

ทาโรกับจิโร - แม้จะอดอาหารได้ถึง 15 วัน แต่เจ้านายเขาทิ้งอาหารไว้ให้พอกินเพียงแค่ 15 วันเท่านั้น แต่นี่อยู่ตั้งปี รอดมาได้ไง?

คนญี่ปุ่นร่วมกันค้นหาคำตอบอย่างจริงจัง แล้วก็พอสรุปได้ดังนี้ครับ...

 

ทาโรกับจิโรเป็น 2 ในจำนวนหมา 8 ตัวที่สลัดปลอกคอหลุดออกมาได้ ไม่เหมือนพรรคพวก 7 ตัวที่อดตายคาโซ่ล่าม

ทาโรกับจิโรคงปักหลักหันหลังชนกันร่วมสู้ชีวิตโดยตลอดจนเจ้านายกลับมาในอีกปีหนึ่ง และระหว่างนี้สิ่งที่ทั้งสองทำได้ก็คือการช่วยกันออกล่าแมวน้ำที่มีอยู่มากมายในอาณาบริเวณเป็นอาหาร แมวน้ำตัวหนึ่งคำนวณดูแล้วแบ่งกันกินก็อยู่ได้ถึงประมาณ 20 วันทีเดียว...

นอกจากนั้น เคล็ดลับคือ เจ้าพวกแมวน้ำนี่สุดแสนจะขวัญอ่อน ถูกหมาเห่าใส่เมื่อไหร่เป็นขี้แตกขี้แตน

ขี้แมวน้ำเป็นอาหารสุดโปรดของหมาพันธุ์นี้ ทาโรกับจิโรจึงอิ่มหมีพีมัน มีกินทั้งของคาวและของหวานตลอดปี

และทาโรกับจิโรเป็นหมาฉลาด มันไม่เคยออกไปไกลจากสถาบันวิจัยเลย มันจึงไม่หลงทางไปไกลเหมือนหมาตัวอื่นๆที่หลุดจากโซ่และหลงหายไป จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกมันรอดชีวิตมาได้

ผ่านมาแล้วถึง 56 ปี กับความน่าประทับใจของมนุษย์ที่มีต่อเพื่อนแสนดีของเรา สำหรับคนที่รักสุนัขทั้งหลายที่ได้อ่านเรื่องนี้จบ คงได้ความสุขเล็กๆ น้อยๆ เก็บไว้ในความทรงจำต่อไปนะครับ...mata

ภาพโดยรวมของสถานที่จริงครับ


January 29, 1957: The first survey team lands on Ongul Island and names it Showa Station.

TheJapanese icebreaker Soya with the U.S. icebreaker Burton Island, which came to rescue it(second expedition, 1958)

Sakhalin dogs Taro(left) and Jiro(center), who were left to endure harsh Antarctic conditions for a year, greet the third expedition(1959)

Anrarctic surveys were temporarily suspended but resumed in 1965 with the commissioning of the research vessel Fuji(seventh expedition).

Observation rockets were launched directly into the region of the atmosphere where the aurora forms, almost 100km above the earth(11th-19th expeditions, 1970-1978)

Large quantities of meteorites were retrieved by the expedition to the Yamato Mountains(20th expedition, 1979, 1980)

Launching atmospheric observation balloons at Showa Station in 1982(23rd expedition).

The Shirase moored at the supply base for Showa Station in 1983(25th expedition).

This aerial observation base was established on bare ice on the Antarctic continent(27th expedition 1985).

A geological survey in the Botnnuten regin of Antarctica(34th expedition, 1993).

Team members deploy a marine biological sampling system offshore from Showa Station (35th expedition, 1994).

Dome Fuji Station is located 1,000km inland from Showa Station at an altitude of 3,810 meters(36th expedition, 1995).

Scientists at Dome Fuji Station succeeded in drilling into the ice sheet to a depth of 2,500 meters(37th expedition, 1996).


Showa Station today.

เรียบเรียงภาพประกอบ : พรชัย  สังเวียนวงศ์  (mata)

http://www2.biglobe.ne.jp/remnant/message011.htm

http://digitaljournal.com/article/337391

http://rednavigator.livejournal.com/58237.html

http://soxis.blog112.fc2.com/

http://www.mext.go.jp/b_menu/hakusho/html/hpae199701/hpae199701_2_021.html

ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก
บัญชร ชวารศิลป์ , คมชัดลึกดอทคอม
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
mata's profile


โพสท์โดย: mata
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
72 VOTES (4/5 จาก 18 คน)
VOTED: cutiebarbie, เอ๋ง ไม่ดัดจริต, Thorsten, ginger bread, riddle
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
"แช่หรือไม่แช่? อ.เจษฎ์ชี้ชัด ซีอิ๊ว-ซอสหอยนางรม หลายบ้านทำผิด!"เพจดัง เปิดภาพ พระปีนเสาถูกคนกระโดดถีบกลางถนน หัวปักพื้นในประวัติศาสตร์จีน ทำไมจึงมีการคัดเลือกพระสนมใหม่เข้ามาในราชสำนักอยู่เรื่อยๆ แม้จะมีอยู่แล้ว?"สภาพพังยับ! ยูทูบเบอร์สาวทำเล็บที่อินเดีย รู้ราคาแล้วอยากร้องไห้"ชายฉกรรจ์ดักรอ "พระปีนเสา" ที่ช่อง 8..โดดฉีบกลางหลัง ร่างกระเด็นหน้าคว่ำพื้นเซอร์จอห์นแฟรงคลินออกเดินทางสำรวจอาร์กติก สุดท้ายกลายเป็นมัมมีน้ำแข็ง'ไทเลอร์ ติณณภพ' ลูกชาย 'ธานินทร์' ดาวเด่นยุค 80 สู่พระเอกยุคใหม่"เกาหลีใต้ส่ายหน้า การท่องเที่ยวขาดดุลหนัก แม้ K-Culture จะปังไปทั่วโลกเก่ง ธชย กับดราม่าขายไข่ครอบ 3 ใบ 69 บาท แพงจริงหรือสมเหตุสมผล?สนธิ ตำหนิทนายตั้ม ขอคืนเงิน 130 ล้านให้พี่อ้อย ถามหาว่าหามาได้จากที่ไหน พร้อมเปิดเผยเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการหวังฮุบมรดกอย่างน่าสงสัยสระผม ทุกวัน ดีไหม วิธีสระผมที่ถูกต้อง ควรทำอย่างไรน.1 จ่อแถลงคดีหมอบุญ ฉ้อโกง เช็คเด้ง
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
คุณเชื่อหรือไม่ใน "มนุษย์ต่างดาว" ที่อาจมีอยู่ในจักรวาล?หน้าหนาวแล้วไง! 5 กีฬายอดฮิตของคนไทยที่เล่นแล้วอบอุ่นหัวใจเกาหลีใต้ส่ายหน้า การท่องเที่ยวขาดดุลหนัก แม้ K-Culture จะปังไปทั่วโลกนายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงมูลค่ากว่า8พันล้านบาท เมีย-ลูกสาวเผ่นหนี
ตั้งกระทู้ใหม่