หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

กว่าจะมีแผ่นดินให้เราอยู่

โพสท์โดย ฮาน

       แดนสยาม เล่มขวานแห่งนี้ที่เราอยู่ ทุกคนคงพอจะรู้กันมาบ้างแล้วนะครับ ว่าผืนแผ่นดิน ที่เราเหยียบ อยู่อาศัย แต่ก่อนนั้น มีแต่ เลือด ศพ ของทหารผู้กล้า ที่ยอมแลกชีวิต   ตัวเองปกป้องแผ่นดินให้ลูกหลานได้อยู่อาศัย ไม่ต้องตกเป็นทาสของชาติไทย  

อโยธยาศรีรามเทพนครเป็นอาณาจักรของชนชาติไทยในอดีตตั้งแต่ พ.ศ. 1893 ถึง 2310 มีกรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองหลวง กรุงศรีอยุธยารบกับหงส์สาวดี ถึง 24 ครั้งด้วยกัน กรุงศรีอยุธยาเสียเอกราชไปถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี พ..2112 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกู้เอกราชคืนมาได้ใน พ..2127  ในการรบครั้งที่ คราวชนช้าง  ที่พระนเรศวรยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา (สงครามครั้งที่ ๑๐ คราวชนช้าง)

 

ในคราวเสียกรุงครั้งที่ 2  ที่จะเกิดสงครามคราวนี้ ไม่ปรากฎเหตุอย่างอื่น นอกจากพม่าเห็นว่าไทยอ่อนแอ แตกความสามัคคี เลยตั้งใจจะยึดราชธานี โดยคราวนี้ เผาเมือง เผาทอง เข่นฆ่าชาวบ้าน จับไปเป็นทาสทั้งหมดเพิ่มเติมครับ วีรชนที่เราไม่ควรลืม ชาวบ้าน บางระจัน ( ในความเป็นส่วนตัว ผมนับถือพวกเขาอยากมาก ) พวกเขาเป็นแค่ชาวบ้าน ธรรมดาแต่ สามารถต่อกรกับพม่าได้ถึง 7ครั้งด้วยกัน เพราะพวกเขามีสิ่งหนึ่งที่ ขุนนางในอยุธยาไม่มี ความสามัคคี ความรักชาติ ความรักพวกพ้อง ในครั้งที่ 8ชาวบ้านบางระจัน ได้เดินทางไป อยุธยาเพื่อขอยืมปืนใหญ่ แต่อยุธยาไม่ยอมให้ยืม ชาวบ้านจึงหล่อขึ้นมาเอง ด้วยความไม่ชำนาญ ปรากฏว่าปืนร้าว ทำให้ชาวบ้านขวัญเสียอย่างมาก แต่ถึงอย่างไร พวกเขาก็ไม่เคยหวั่นรบกับพม่าในครั้งที่ 8ผลสุดท้าย..เหล่าวีรชนผู้กล้าต้องมาตายในสนามรบ

๑๑ วีรชนชาวบ้านบางระจัน

1.พันเรือง

2.นายแท่น

3.นายโชติ

4.นายอิน

5.นายดอกแก้ว

6.นายทองแสงใหญ่

7.นายเมือง

8.ขุนสรรค์

9.นายดอก

10.นายจันหนวดเขี้ยว

11.นายทองเหม็น

การกอบกู้เอกราชของเจ้าตาก\

ในคราวก่อนเสียกรุงครั้งที่ 2 พระยาตากได้รวมรวบไพร่พลตีฝ่าทัพพม่าออกมาในขณะนั้นมีทหารพม่ากองหนึ่งซึ่งประกอบด้วยทหารม้าประมาณ 30 คน ทหารเดินเท้าประมาณ 200 คน เดินทางมาจากแขวงเมือง ปราจีนบุรี สวนทางมาพบทหารพระยาตากที่เที่ยวหาเสบียงอาหาร ทหารพม่าก็ไล่ตามมา แต่ถูกกลอุบาย "วงกับดักเสือ"ถูกตีกระหนาบจนแตกหนีไป ทำให้ชาวบ้านสมัครเป็นพรรคพวกเป็นจำนวนมาก ครั้งที่พระยาตากตีเมืองระยองได้  พระยาตากได้ประทับ ณ บริเวณวัดลุ่มมหาชัยชุมพล และได้ประกาศแสดงแสนยานุภาพ แล้วเกิดพายุหมุนจนทำให้ต้นตาลต้นหนึ่งหมุนเป็นเกลียว เมื่อพายุหมุนหยุดแล้ว ต้นตาลที่หมุนจึงขดเป็นวงไม่คลายตัว ปัจจุบันต้นตาลต้นนั้นยังอยู่หน้าวัดประดู่ ชาวบ้านเรียกกันว่า ตาลขด หลังจากนั้น บรรดาแม่ทัพนายกองที่สวามิภักดิ์ ต่างพร้อมใจกันยกพระยาตากขึ้นเป็นผู้นำขบวนการกอบกู้แผ่นดิน และเรียกพระยาตากว่า เจ้าตาก นับตั้งแต่นั้นมา

อันเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่พม่าเข้าตีกรุงศรีอยุธยได้ในวันที่7 เมษายน พ.ศ. 2310พม่าจุดไฟเผาเมืองจนวอดวาย

 

พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา กล่าวถึงคำพูดของพระยาตากไว้ตอนหนึ่งว่า

ตัวเราคิดจะซ่องสุมประชาราษฎรในแขวงหัวเมืองให้ได้มาก แล้วจะยกกลับไปกู้กรุงให้คงคืนเป็นราชธานีดังเก่า แล้วจัดทำนุบำรุงสมณพราหมณาประชาราษฎร ซึ่งอนาถาหาที่พำนักมิได้ให้ร่มเย็นเป็นสุขานุสุข แล้วจะยอยกพระบวรพุทธศาสนาให้โชตนาการขึ้นเหมือนอย่างแต่ก่อน เราจะตั้งตัวเป็นเจ้าขึ้นให้คนทั้งหลายยำเกรงจงมาก ซึ่งจะก่อกู้แผ่นดินจึงจะสำเร็จโดยง่าย ท่านทั้งหลายจะเห็นประการใด

ในคราวที่เจ้าตากเดินทัพจากระยองผ่านแกลงเข้าบางกระจะ มุ่งยึดจันทบุรี เจ้าเมืองจันทบุรีไม่ยอมสวามิภักดิ์ หากเจ้าตากต้องการยึดเมืองจันทบุรีไว้เป็นที่มั่น เพื่อรวบรวมกำลังกลับมาตีพม่า จึงสั่งทหารทุกคนว่า     

 

"เราจะตีเมืองจันทบุรีในค่ำวันนี้ เมื่อกองทัพหุงข้าวเสร็จแล้ว ทั้งนายไพร่ให้เททิ้งอาหารที่เหลือและต่อยหม้อเสียให้หมด หมายไปกินข้าวเช้าด้วยกันที่ในเมืองเอาพรุ่งนี้ ถ้าตีเอาเมืองไม่ได้ในค่ำวันนี้ ก็จะให้ได้ตายเสียด้วยกันให้หมดทีเดียว"  ส่วนตัวผมชอบประโยคนี้มาก เพราะปลุกใจให้ทหารสามารถสู้เพื่อนายของตัวเองจนตัวตายได้

พระเจ้าตากได้กอบกู้เอกราช ได้ในวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2310 เวลาประมาณ 13.00 น. ใช้เวลา 7 เดือนหลังจากคราวเสียกรุงศรีอยุธยา 

สมัย สมัยรัตนโกสินทร์

เสียดินแดนไปแล้ว 782,877 ตร.กม. จากพื้นที่ 1,294,992 ตร.กม. ในอดีต 
วันนี้ไทยเหลือพื้นที่เพียง 512,115 ตร.กม.


ไทยเสียดินแดน

ครั้งที่ 1 ให้ อังกฤษ ใน สมัยรัชกาลที่ 1 คือ เกาะหมาก หรือ ปีนัง ของมาเลเซียในปัจจุบัน พื้นที่ 375 ตร.กม. เพราะ พระยาไทรบุรี กบฏและให้อังกฤษเช่าเพื่อขอความคุ้มครอง แล้วอังกฤษก็ยึดเอาไปดื้อๆ 

ครั้งที่ 2 เสียเมืองมะริด ทวาย ตะนาวศรี พื้นที่ 55,000 ตร.กม. ให้ พม่า ในรัชกาลที่ 1 มังสัจจาเจ้าเมืองทวายเป็นไส้สึกให้พม่า เพราะไม่พอใจที่กองทัพไทยเข้ายึดครอง และไทยไม่สามารถตีคืนกลับมาได้ 

ครั้งที่ 3 เสียเมืองบันทายมาศ หรือ ฮาเตียน ให้ ฝรั่งเศส ในรัชกาลที่ 3 

ครั้งที่ 4 เสียเมืองแสนหวี เมืองพง เชียงตุง พื้นที่ 62,000 ตร.กม. ให้ พม่า สมัย รัชกาลที่ 3 ซึ่งเป็นดินแดนที่ไทยได้มาในรัชกาลที่ 1 โดยฝีมือพระเจ้ากาวิละ แต่ไทยไม่มีกำลังยึดครอง เพราะตอนนั้นเกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์เวียง จันทน์และรัฐกลันตัน ไทรบุรี 

ครั้งที่ 5 เสียรัฐเปรัค ให้ อังกฤษ ใน รัชกาลที่ 3 ปัจจุบันเป็นของมาเลเซีย 

ครั้งที่ 6 เสียดินแดนสิบสองปันนา ให้ จีน พื้นที่ 90,000 ตร.กม. ใน รัชกาลที่ 4 เพราะเกิดการแย่งชิงอำนาจกันเองในเมืองเชียงรุ้ง รัชกาลที่ 3 ส่งกองทัพเชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน ไปตีเชียงตุงเพื่อต่อไปเชียงรุ้ง แต่ไม่สำเร็จ รัชกาลที่ 4 ก็ให้ยกกองทัพไปตีเชียงตุงอีก แต่ก็ไม่สำเร็จ เลยตกเป็นของจีนไป 

ครั้งที่ 7 เสียดินแดนเขมรและเกาะ 6 เกาะ ให้ ฝรั่งเศส พื้นที่ 124,000 ตร.กม. ในสมัยรัชกาลที่ 4 เพราะไทยอ่อนแอเอง

ครั้งที่ 8 เสียดินแดนสิบสองจุไท (เมืองไล เมืองเชียงค้อ) ให้ ฝรั่งเศส พื้นที่ 87,000 ตร.กม. ใน รัชกาลที่ 5 พวกฮ่อก่อกบฏไทยส่งกองทัพไปปราบ แต่สองแม่ทัพไม่ถูกกัน ฝรั่งเศสฉวยโอกาสส่งทหารเข้าเมืองไล อ้างไปช่วยไทยปราบฮ่อ เมื่อปราบได้แล้ว ฝรั่งเศสไม่ยอมยกทัพกลับ ในที่สุดไทยต้องยอมให้ฝรั่งเศสรักษาเมืองไลและเชียงค้อ 

ครั้งที่ 9 เสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำสาละวิน อันอุดมสมบูรณ์ให้ อังกฤษ ในรัชกาลที่ 5 พื้นที่ 30,000 ตร.กม. ปัจจุบันเป็นของพม่า 

ครั้งที่ 10 เสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง หรือ ลาว ในปัจจุบันให้ ฝรั่งเศส ในรัชกาล ที่ 5 พื้นที่ 143,000 ตร.กม. ซึ่งเป็นของไทยตั้งแต่สมัย สมเด็จพระนเรศวร เป็นการเสียดินแดนที่เจ็บปวดที่สุดเพราะถูกฝรั่งเศสยึดจันทบุรีและตราดบีบ บังคับ 

ครั้งที่ 11 เสียดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขง ตรงข้ามเมืองหลวงพระบาง ให้ ฝรั่งเศส อีก พื้นที่ 25,500 ตร.กม. ใน รัชกาลที่ 5 เพื่อแลกกับจันทบุรี 

ครั้งที่ 12 เสียมณฑลบูรพา ประกอบด้วย พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ ให้ ฝรั่งเศส ในรัชกาลที่ 5 พื้นที่ 51,000 ตร.กม. เพื่อแลกกับ ตราด เกาะกง ด่านซ้าย แต่ฝรั่งเศสถอนทหารจากตราดและด่านซ้าย แต่ไม่คืนเกาะกงให้ไทย 

ครั้งที่ 13 เสีย รัฐกลันตัน ตรังกานู ไทรบุรี ปริส ให้ อังกฤษ ในรัชกาลที่ 5 พื้นที่ 80,000 ตร.กม. เพื่อแลกกับอำนาจศาลไทย ปัจจุบันเป็นของมาเลเซีย 

ครั้งที่ 14 เสีย ปราสาทพระวิหาร ให้ เขมร เมื่อ 15 มิถุนายน 2505 ใน รัชกาลที่ 9 พื้นที่ 2 ตร.กม. ตามคำพิพากษาศาลโลก

 

 

 

 

 

 

ดินแดนที่ บรรพบุรุษ เอาเลือดเข้าแลก ชีวิตเข้าแลก ค่อยๆหายไป เพื่อให้ดินแดนไทย มีเอกราชจนทุกวันนี้

ผมเป็นคนไทย คนหนึ่ง ที่รักแผ่นดินนี้ รักบ้านเกิด กระผมขอกราบขอบพระคุณ กษัตริย์ที่ออกรบ ทหาร วีรชนคนกล้า ที่ยอมตาย รักษาเอกราช ทำให้ครอบครัวผมในปัจจุบัน มีแผ่นดินอยู่ กันอย่างภูมิใจว่า ประเทศไทยไม่เคยเสียเอกราชให้ใคร

 

 

 

 

 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ฮาน's profile


โพสท์โดย: ฮาน
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
12 VOTES (4/5 จาก 3 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เเตเเต มิสแกรนด์พม่า แต่งหน้าไม่สวยเหมือนตอนอยู่ไทยกองทัพยูเครน ยัน "เราปะทะกับทหารเกาหลีเหนือแล้ว!!"
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เเตเเต มิสแกรนด์พม่า แต่งหน้าไม่สวยเหมือนตอนอยู่ไทย
ตั้งกระทู้ใหม่