วันนี้จะมาพูดถึงประวัติของ B-boy ในประเทศไทยว่าเข้ามาได้อย่างไร อาจจะไม่ละเอียดนักแต่ผม
สามารถเล่าได้คร่าวๆตามความรู้ของผมที่ได้เรียนรู้และรู้จากหลายๆคนมา
Thai B-boy History
โพสท์โดย BesTBBoY
Thai B-boy History
บ้านเราเริ่มมีการเต้น Breakdance เข้ามาตั้งแต่สมัยช่วงสงครามเวียตนามครั้งที่ประเทศอเมริกา
อาศัยบ้านเราเป็นฐานพักกำลังชั่วคราว คาดว่านะจะเข้ามาจากทหารอเมริกันนำมาเต้นกันในยุคนั้น
ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าครั้งแรกของการมี B-boy หรือ Breakdance ที่นี่ แต่ข้อมูลนี่ยังไม่มีการพิสูจน์
ทราบแน่ชัดแต่สามารถเป็นกรณีสังเกตุได้
ต่อมาในช่วงปี พ.ศ. 2528 (1985) การเต้น Breakdance ก็ได้มีความนิยมแพร่หลาย
ด้วยแนวดนตรีในยุคนั้นซึ่งมีอิทธิพลต่อเด็กวัยรุ่นในสมัยนั้นมาก จึงมีท่าที่นิยมเล่นต่างๆมากมาย
ซึ่งได้แก่ ท่ากังหัน(Windmill) ,ท่าหนอน(Worm) , Wave (การเต้น wave ใน style Popping ) ,Robot
(การทำท่าเลียนแบบหุ่นยนตร์) เป็นต้น ส่วนมากวัยรุ่นในสมัยนั้นจะเต้นกันแบบเต้นได้ คนละท่า
สองท่า เพื่อเอาไว้อวดสาว และใช้เต้นเพื่อความสนุกสนานไปตามยุคสมัยไม่ได้ทำจนเป็นจริงจัง
สมัยก่อนยังไม่มีคำว่า B-boy ใช้แต่คำว่า Breakdance ตามชื่อเรียกของสื่อในอเมริกา ยุคนั้นเป็นช่วง
ที่วง Rock Steady crew ก็กำลังมี album เป็นของตัวเองซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่มีอิทธิพลมากสำหรับ
Pop culture ในช่วงนั้น
ต่อมามีนักเต้นหลายคนนำมาพัฒนาจนกลายเป็นอาชีพ ไว้เพื่อหาเลี้ยงตัวเอง ทั้งนำไปเต้นในคลับ
และนำมาเต้นกับศิลปิน ซึ่งมีอยู่หลายต่อหลายคน พี่ต้น DC, พี่ผี และ พี่เล็ก ซึ่งหลายท่านที่ผมกล่าว
ถึงนี้ได้เป็นผุ้ที่ริเริ่มสร้างสรรค์เป็นแรงบรรดาลใจให้กับเด็กรุ่นใหม่ๆในเวลาต่อมา
ประวัติในกรุงเทพฯ
MBK ชั้น 7 และ Kob Skate shop
ถ้าพูดถึงในกรุงเทพฯแล้วมีประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับการเต้น B-boy มาเป็นเวลายาวนาน เริ่มตั้งแต่
ที่แรกที่ผมเคยเห็นคือ ที่ ศูนย์การค้า MBK ชั้น 7 บริเวณ ลานหน้าร้าน "KOB SKATE SHOP" ซึ่ง
เป็นสถานที่ๆเด็กสเก็ต(เด็กที่เล่นสเก็ตบอร์ด) และ B-boy มักจะมารวมตัวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ตอนเย็นของทุกๆวันเสาร์และอาทิตย์ ประมาณ 5 โมงเย็นไปจนถึงดึก ก็จะมี B-boy มารวมตัวกันเพื่อ
ซ้อมเต้นเป็นจำนวนมาก แต่ในสมัยนั้นยังไม่มีเยอะมาก มีราวๆ 10-15 คน ได้ แต่ในช่วงนั้นแค่นี้ก็ถือ
ว่าเยอะแล้ว กลุ่มที่อยู่บริเวณนั้นแรกๆ มีชื่อว่า New school breaker เป็นทีมที่ถือได้ว่าเป็นที่แรกๆที่เรา
สามารถเห็นได้ในตอนนั้น โดยมีหัวหน้าทีมชื่อว่า "พี่ตั้ม (Chris Newschool)" และอีกทีมที่ขาดไม่ได้ คือ ทีม "Spin Control crew" เป็นทีมที่เป็นรุ่นถัดมา ซึ่งทั้งสองทีมได้สร้างชื่อเสียงมากมายให้กับวงการ
การเต้น B-boy ในยุคนั้นจนเป็นที่รู้จัก เช่นงาน ประกวดเต้นของ " Channel [V] Street Hi-Fi " เป็นต้น
สมัยนั้น B-boy เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของเด็กรุ่นใหม่แต่แค่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร ยุค
นั้นเป็นยุคแรกๆเลยก็ว่าได้ ต่อมาได้มีการรวมกลุ่มกันจนกลายเป็นชื่อทีมใหม่ว่า "662 Breakerz"
BTS
ต่อมามีการแตกกลุ่มออกมาเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ชื่อว่า "BTS" เนื่องจากเรียกกันตามชื่อสถานที่ซ้อมเต้น
บริเวณบนสะพานคนเดิน Skywalk ตรงหน้า Tokyo (MBK) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ สถานีรถไฟฟ้า BTS
"สนามกีฬาแห่งชาติ" และกลายเป็นที่ซ้อมตราบมาจนถึงปัจจุบัน กลุ่มนี้ถูกเรียกว่ากลุ่ม BTS ตามชื่อ
สถานี่ซ้อม ซึ่งมักจะมีการผิดใจกับกลุ่มที่อยู่บนชั้น 7 ของ MBK อยู่บ่อยๆ จนเกิดการ Battle อยู่บ่อยครั้ง
เป็นที่รู้กันในหมู่ B-boy ว่าคนที่ซ้อมชั้น 7 จะไม่ยุ่งกับคนที่ซ้อมที่ BTS และคนที่ซ้อม ที่ BTS ก็จะไม่ไป
ยุ่งกับคนที่ซ้อมชั้น 7 เช่นกัน ตามประสาของวัยรุ่นเพียงเท่านั้น กลุ่มที่ซ้อมอยู่ตรงนี้มีหลายกลุ่มด้วยกัน
คือ ทีม C-Cool และ Platinum crew แต่ปัจจุบันสถานที่นี้ได้กลายเป็นสถานที่ซ้อมของกลุ่มหลายกลุ่ม
ซึ่งมาผลัดเปลี่ยนกันใช้มานานนับ 10 ปี
ป้อมพระสุเมรุ
เมื่อเวลาได้ผ่านไป ได้มีกลุ่มใหม่ที่แยกตัวออกมาจากชั้น 7 MBK ไปซ้อมอีกที่หนึ่งแต่กลุ่มนี้ไม่ได้มี
ปัญหาอะไรกับใครเพียงแต่อยากซ้อมในที่ๆใหม่เท่านั้นกลุ่มนั้น มีชื่อว่า "Style Triple F" ซึ่งมีสมาชิก
3 คน หลักๆคือ พี่มล (M-mon) ,พี่ต๊อบ (Tob) และ พี่โอมาน (Oman) ซ้อมกันอยู่ที่
สวนสันติชัยปราการ หรือเรียกอีกชื่อว่า "ป้อมพระสุเมรุ" บริเวณ ถนนพระอาทิตย์ ใกล้ๆ
ตรอกข้าวสาร กลุ่มนี้เป็นอีกหลุ่มหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงภาพรวมของ B-boy ไปอีกรูปแบบเลยทีเดียว
เนื่องจากได้มีการทำท่า Footwork กันมาก ในกลุ่มนี้จึงเกิดเป็นการกระตุ้นให้เด็กที่ฝึกใหม่อยู่ที่
ป้อมพระสุเมรุได้มีการฝึกการเต้น Basic ที่ถูกวิธีมากขึ้นเนื่องจากสมัยก่อนการเต้น B-boy มีแต่การทำ
ท่า Powermove และ Freeze เป็นส่วนใหญ่ การทำ Footwork ยังไม่ได้มีการลงรายละเอียดไปมาก
เหมือนปัจจุบัน แต่ที่นี่เป็นที่แรกๆที่เห็นความสำคัญของ Basic ตรงนี้เป็นอย่างมาก จึงเป็นที่แรกที่
ให้แรงบรรดาลใจกับคนที่เต้นในยุคนั้นและยุคต่อมาเกิดการเปลี่ยนแปลง
การ Battle ใน สมัยนั้น
การเต้นในสมัยนั้นการซ้อมอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอก็จะมีการ Battle กันในบางโอกาศ เป็นการ
Battle กันเองบ้างหรือบางครั้งเป็นการท้าทายจากกลุ่มอื่นบ้างก็มี การ Battle ในสมัยก่อนค่อนข้างจะ
เอาเป็นเอาตาย ไม่ใช่การ Battle กันแบบเล่นๆแต่เป็นการ Battle เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าใครดีกว่าจริงๆ
ดังนั้นการ Battle จึงไม่ใช่การจับคู่กันสนุกๆอย่างเดียวเมื่อเกิดการท้าทายกันขึ้นโดนส่วนมากจะ Battle
กันแบบตายไปข้างนึง แบบครึ่งชั่วโมงก็ไม่จบ มีพักยกแล้วเอาต่อก็มี ไม่ยอกเลิกราง่ายๆจนกว่าอีกฝ่าย
จะท่าหมดหรือหมดแรงไปในที่สุด
การแข่งขันในยุคแรก
การแข่งขันสมัยก่อนมีน้อยมากซึ่งส่วนมากจะเป็นการแข่งขันที่จัดกันตาม Hip-Hop ปาร์ตี้ในคลับ
และมักจะเป็นการจัดปาร์ตี้ที่มี MC ,DJ,Graffitti และ B-boy อยู่จริงๆซึ่งทุกคนจะได้คุยกันแชร์ความคิด
กันซึ่งเป็นการอยู่ร่วม 4 Elements กันจริงซึ่งเดี๋ยวนี้ค่อนข้างหายากแล้ว และการแข่งขันบางครั้งก็มักจะ
จัดกันเองโดยมีเงินรางวัลไม่มากนักเช่น การแข่งขันที่สะพานพุทธ เป็นต้น
ต่อมามีการพัฒนาซึ่งส่งเสริมจาก Sponsor ที่เป็นผู้จัดจริงๆ ซึ่งได้แก่ งาน Seacon square หลายๆครั้ง
ทั้งแบบ 3 vs 3 และแบบเดี่ยว ซึ่งจะมีการจัดการแข่งขันกันอยู่เป็นประจำ หรือแม้แต่ตามงานแข่ง Graffiti
หรือจักรยาน Flat land ก็มักจะมีการแข่งขัน B-boy ควบคู่ อยู่ เช่นกัน
การแข่งขันระดับประเทศ
การแข่งขันระดับประเทศได้เกิดขึ้นในประเทศไทยครั้งแรกคืองาน"Chiclet Seacon 3 on 3 B-boy Battle" ซึ่งเฟ้นหาเป็นตัวแทนประเทศไทยเพื่อไปแข่งขันและไปหาประสบการณ์ต่อที่กรุงโซล
ประเทศเกาหลี ผู้ชนะ คือ ทีม Pised crew (พิเศษ crew Cheno,Oman,Mmon) ต่อมาได้มีการแข่งขัน
ที่ใหญ่ขึ้นเรียกว่าการแข่งขัน Battle of the year Thailand โดยมี พี่กิ๊ก ปรวรรษธ กฤษณมะระ เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ BATTLE OF THE YEAR THAILAND & SOUTHEAST ASIA นับตั้งแต่ปี 2004
เรื่อยมา แต่เมื่อปี 2008 พี่กิ๊กได้จากเราไปด้วยอาการป่วยเป็นโรคมะเร็ง ในวันที่ 1 สิงหาคม พี่กิ๊กได้สร้างงานนี้ขึ้นมาให้กับเด็กๆ B-boy รุ่นหลังเพื่อจะได้เป็นแรงผลักดันเยาวชน B-boy ,B-girl ต่อไป
มาจนถึงทุกวันนี้
ที่มา: bboy thai
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
16 VOTES (4/5 จาก 4 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
สาวขึ้นรถไฟฟ้าไม่ทัน ประตูหนีบมือ ก่อนโดนลากไปกับรถโรเซ่ในลุค number one girl ของไต้หวันเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 มาแน่! คนทั่วไปรับผ่านดิจิทัลวอลเล็ต กระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568เตโอตีวากาน (Teotihuacan) กับตำนาน วันสิ้นโลก เมืองโบราณที่ไม่รู้ใครสร้างเพลง “ไก่” จากเป้ อารักษ์ เพลงเก่าสุดยูนีค ที่กำลังเป็นไวรัลอีกครั้งรีวิวหนังดัง SAVAGES คนเดือดท้าชนคนเถื่อน50 ข้อแนะนำ!! เพื่อชีวิต "ราบรื่น" ในปี 2025คนไหนดี Sold out ไปทีละคนๆ แก๊งพระเอก แก๊งคนดีที่ไหน แต่งงานไปแล้ว2 มีแฟนรักแฟนมากไปอีก2 เหลือหนึ่งเดียวคนนี้คือพี่เกรท วรินทรเภสัชกรเผย!..อาหารเสริมวิตามิน 3 ชนิดที่คุณควรหยุดกิน!ซีรีส์จีน “ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ” ผลงานของ “ถานซงอวิ้น” แนวนางเอกสู้ชีวิตสุดยอดสายรุ้ง 360 องศา มหัศจรรย์จากธรรมชาติที่คุณอาจไม่เคยเห็นพนักงานสตาร์บัคส์[อเมริกา] ประท้วงหยุดงานจนถึงคริสต์มาสอีฟ เพื่อต่อรองค่าจ้างและเวลาทำงานHot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
Labubu คอลเลคชั่นใหม่ เปิดขายไทย แต่คนจีนเหมาเกลี้ยง!โรเซ่ในลุค number one girl ของไต้หวันรีวิวหนังดัง SAVAGES คนเดือดท้าชนคนเถื่อนคนไหนดี Sold out ไปทีละคนๆ แก๊งพระเอก แก๊งคนดีที่ไหน แต่งงานไปแล้ว2 มีแฟนรักแฟนมากไปอีก2 เหลือหนึ่งเดียวคนนี้คือพี่เกรท วรินทร