คุณเคยถูกสะกดจิตไหม
แท้จริงแล้วเราต่างก็ถูกสะกิดจิตทั้งที่ดีและไม่ดีอยู่ทุกๆวัน โดยที่เราไม่รู้ตัว เริ่มจากในวัยเด็ก ก็คือคำที่ได้ยินจากพ่อแม่ ครู ญาติ เพื่อน ในที่สุดก็กลายเป็นความเชื่อ โตขึ้นมาก็ถูกสะกดจิตจากกระแสสังคม โฆษณาต่างๆ ของใช้บางอย่างไม่เหมาะกับเรา แต่เราก็พยายามจะทำให้มันเหมาะให้ได้ ก็คือการถูกสะกดจิตให้เชื่อ ให้ชอบ ให้ใช้ หลักการหนึ่งทางการตลาดนั่นเอง ทีนี้มาพูดถึงการสะกดจิต ที่เป็นศาสตร์จริงๆดีกว่า
การสะกดจิตเป็นศาสตร์ที่ถือกำเนิดมายาวนานกว่า 100 ปีและถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้เกิดเป็นหลักการและทฤษฎีที่เหมาะสมกับบุคคลแตกต่างกันไป การสะกดจิตที่รู้จักกันแพร่หลายคือการสะกดจิตแบบ stage show ก็คือการแสดงโชว์ให้เห็นพ้องว่าผู้สะกดจิตมีพลังอำนาจในการสะกดจิตคนอื่นๆให้เป็นไปตามที่ต้องการได้ ซึ่งก็ถือเป็นโชว์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ดึงดูดใจผู้คนให้เข้ามาชมและสร้างชื่อได้มากตามสมควร
ต่อมา..การสะกดจิตอีกรูปแบบหนึ่งที่เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นก็คือ การสะกดจิตเพื่อบำบัดอาการต่างๆในคน กล่าวกันว่าสามารถรักษาได้ทุกโรค แม้โรคทางกายที่ร้ายแรงก็หายได้ จึงเกิดเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากโดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีความรู้ทางสุขภาพกาย สุขภาพจิตและนักวิทยาศาสตร์ ผลพวงจากการได้รับการกล่าวขวัญถึงทำให้เกิดจุดประกายในหมู่นักวิจัยที่ต้องการหาข้อมูลพิสูจน์ว่า ..”แท้จริงแล้ว การสะกดจิตมีอยู่จริงหรือไม่ เป็นไสยศาสตร์ที่มโนกันไป หรือ เป็นศาสตร์อีกแขนงที่สามารถเห็นผลได้จริง ทำปฏิกิริยาในคนจริงๆ”..
จึงเกิดเป็นยุคที่การสะกดจิตได้รับการพิสูจน์โดยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทำให้ทราบว่าแท้จริงแล้วการสะกดจิต ไม่ใช่ไสยศาสตร์มนต์ดำ ไม่ใช่พลังอำนาจวิเศษที่เหนือธรรมชาติ แต่พิสูจน์ได้ตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ว่ากระบวนการสะกดจิตทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นภายในสมองส่วนที่เกี่ยวกับ Executive function ทำหน้าที่เกี่ยวกับการคิด การแก้ปัญหา การตัดสินใจ ซึ่งก็คือFrontal Lobeนั่นเอง (อ่านรายละเอียดได้ที่ www.sakodjit.com) มีงานวิจัยทางการแพทย์และจิตวิทยามากมายที่ยอมรับกระบวนการการสะกดจิตว่าเป็นเทคนิควิธีที่ใช้ในการบำบัดอาการที่เกิดจากความคิด อารมณ์ ความรู้สึกละพฤติกรรมได้จริง เห็นผลชัดเจน นอกจากใช้เพื่อการบำบัดแล้วในปัจจุบันยังนิยมใช้เพื่อการพัฒนาศักยภาพด้วย อย่างเช่น นักกีฬาที่ซ้อมหนักเพื่อลงแข่ง แต่เคยพ่ายแพ้ให้แก่ฝ่ายตรงข้ามมาก่อนจึงไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะได้ เมื่อใช้การสะกดจิตเข้าช่วยทำให้เห็นวินาทีแห่งความสำเร็จ ให้ร่างกาย และกล้ามเนื้อได้ใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่ ให้สมองเข้าสู่สมาธิ มีสติอยู่กับการแข่งขันได้อย่างเต็มที่ นั่นก็คือทำให้ใจและกายทำงานประสานสอดรับซึ่งกันและกันโดยใช้เทคนิคการสะกดจิตเขาช่วยนั่นเอง
นอกจากใช้ในการกีฬาแล้ว ยังใช้ในด้านการเรียน การทำงาน ได้อีกด้วย เช่นในกรณีที่ตำแหน่งหน้าที่สูงขึ้น มีความรับผิดชอบเป็นเงาตามตัว การคิดการตัดสินใจต้องมีความแม่นยำ รวดเร็ว ความมั่นใจและสมาธิก็มีส่วนอย่างมาก การใช้เทคนิคสะกดจิตเข้าช่วยก็ทำให้การคิด การวางแผนต่างๆดีขึ้นด้วย นอกจากนี้แล้วสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือความเครียดที่ติดมาจากการทำงานเป็นระยะเวลานานก็จะค่อยๆดีขึ้นๆด้วย
นอกจากได้รับการตรวจสอบอย่างเป็นวิทยาศาสตร์แล้วการสะกดจิตก็สอดคล้องกับทฤษฎีทางจิตวิทยามากมาย ไม่ว่าจะเป็นทฤษฎีจิตวิเคราะห์หรือทฤษฎีที่ได้รับความนิยมทั่วโลกอย่าง Cognitive Behavior Therapy (CBT) ก็ตาม (อ่านรายละเอียดได้ที่ www.sakodjit.com) ในต่างประเทศโดยเฉพาะในยุโรป ผู้ให้บริการการสะกดจิตจึงใช้ทฤษฎีทางจิตวิทยาประยุกต์เข้ากับเทคนิคการสะกดจิตโดยเฉพาะนักจิตวิทยา ที่มีความสามารถประยุกต์ทฤษฎีทางจิตวิทยาให้เหมาะกับผู้รับบริการแต่ละคนได้เป็นอย่างดี
ทำให้เทคนิคการสะกดจิตมีประโยชน์อย่างมหาศาล ในที่นี้จะแยกเป็นการบำบัดเพื่อลดอาการ และการพัฒนา ต่างๆดังนี้
§ เพิ่มความมั่นใจ
§ เพิ่มความแม่นยำ
§ เพิ่มความเฉียบคมทางความคิด
§ เพิ่มความคิดบวก
§ เพิ่มความเข้าใจในตัวเอง
§ เพิ่มความรักในองค์กร
§ เพิ่มพลังจิตใต้สำนึก
§ เพิ่มความขยัน
§ เพิ่มความผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
§ เพิ่มคุณภาพการนอน
§ เพิ่มกำลังใจ
§ เพิ่มแรงจูงใจสู่ความสำเร็จ
§ เพิ่มความตระหนักรู้ในตนเอง
§ เพิ่มความสุขในการดำรงชีวิต
§ เพิ่มความเชื่อมั่นในตนเอง
§ เพิ่มความมั่นใจในการเข้าสังคม
§ เพิ่มความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
§ เพิ่มความสามารถในบริหารจัดการ
§ เพิ่มความอดทน
§ ค้นหาความถนัดของตนเอง
§ ค้นหาศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตนเอง
§ ค้นหาคู่แท้
§ ค้นหาทางเลือกในการเรียน
§ ค้นหาสาเหตุความไม่สบายใจ
§ ค้นหาสาเหตุความกลัว
§ ค้นหาสาเหตุความเครียด
§ ค้นหาพลังในตัวเอง
§ ปรับอารมณ์ฉุนเฉียว
§ ปรับนิสัย
§ ปรับความคิด
§ ปรับพฤติกรรม
§ ปรับตั้งเวลาในการนอน
§ ปรับอารมณ์โกรธ
§ ปรับอารมณ์หงุดหงิดง่าย
§ ปรับมุมมองต่อโลก
§ ปรับมุมมองต่อตัวเอง
§ ปรับความเข้าใจกันในครอบครัว
§ ปรับความเข้าใจระหว่างคู่รัก
§ ปรับนิสัยอิจฉาริษยา
§ ลดการคิดลบ
§ ลดอาการคิดช้า
§ ลดอาการเหม่อลอยไร้สาเหตุ
§ ลดความคิดหมกมุ่นกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
§ ลดความขี้เกียจ
§ ลดอาการเศร้า
§ ลดความกลัวทั้งที่ไร้สาเหตุและมีสาเหตุ
§ ลดความประหม่าในการพูดในที่สาธารณะ
§ ลดอาการตื่นกลัวง่าย
§ ลดอาการเจ็บปวด
§ ลดความเกร็ง ตึงกล้ามเนื้อ
§ ลดอาการหายใจไม่อิ่ม
§ ลดความเครียด
§ ลดความวิตกกังวล
§ ลดการนอนไม่หลับ
§ ลดไมเกรน
§ ลดอาการเครียดลงกระเพาะ
ทั้งอาการและการพัฒนาทั้งหมดข้างต้นนั้น เปิดให้บริการแล้วที่ “บ้านสะกดจิต” ให้บริการทั้งการให้คำปรึกษา และการสะกดจิต ที่ “บ้านสะกดจิต” ท่านจะได้รับบริการโดยตรงจากนักจิตวิทยา ผู้มีประสบการณ์การเป็นBrain Coach (ผู้ให้คำปรึกษาด้านการทำงานของสมอง) และด้วยการให้บริการโดยนักจิตวิทยา เรื่องราวของท่านจะถูกเก็บเป็นความลับตามข้อตกลง ท่านจะได้รับการบริการด้วยความใส่ใจ และให้เวลาอย่างเหมาะสมเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ท่าน ไว้วางใจให้ “บ้านสะกดจิต” เป็นผู้เปลี่ยนชีวิตและนำความสำเร็จมาสู่ท่านสนใจสอบถามและนัดหมายเพื่อรับบริการได้ที่