คำว่า "บางกอก" มีเรื่องราวที่น่าอ่าน
บางกอกเป็นชื่อที่เรียกกรุงเทพฯ มาตั้งแต่สมัยอยุธยา ส่วนฝรั่งปัจจุบันเรียก "แบงค็อก"
ในหนังสือเรื่อง "เล่าเรื่องบางกอก" ของ ส.พลายน้อย เขียนไว้ว่า "เมื่อได้พูดถึงบางกอกแล้ว ก็ใครจะพูดถึงปัญหาเกี่ยวกับชื่อบางกอกไว้ด้วย เพราะชื่อนี้เป็นปัญหาที่ตัดสินกันไม่ได้ ว่าคำว่า บางกอกมาจากภาษาอะไรกันแน่ และทำไมเรียกว่าบางกอก
เรื่องนี้มีผู้สันนิษฐานไว้หลายทาง
บางท่านก็ว่า การที่เรียกบางกอกนั้น ก็เข้าใจว่า บริเวณนั้นแต่เดิมจะเป็นป่ามะกอก คือมีต้นมะกอกมากนั่นเอง จึงเอานามของต้นไม้มาเรียกเป็นชื่อตำบลว่า ตำบลมะกอก อาจมาจากการที่แม่น้ำเจ้าพระยาคดเคี้ยวไปมา บางแห่งมีสภาพเป็นเกาะเป็นโคก จึงเรียกกันว่า "บางเกาะ" หรือ "บางโคก" หรือไม่ก็เป็นเพราะบริเวณนี้มีต้นมะกอกอยู่มาก จึงเรียกว่า "บางมะกอก" โดยคำว่า "บางมะกอก" มาจากวัดอรุณ ซึ่งเป็นชื่อเดิมของวัด และต่อมากร่อนคำลงจึงเหลือแต่คำว่า "บางกอก" จากคุณพลาดิศัย สิทธิธัญกิจ. กรุงเทพศึกษา. กรุงเทพฯ : บันทึกสยาม, 2551. 288 หน้า. ISBN 978-974-13-0411 และรายการวิกสยาม ออกอากาศวันที่ 17 สิงหาคม 2551
ด้านหมอสมิธ มัลคอล์ม ซึ่งเป็นแพทย์หลวง กล่าวไว้ในหนังสือ A Phisician at the Court of Siam ว่าชื่อบางกอกมาจากคำว่า บาง คือหมู่บ้านหนึ่ง กอก ซึ่งเป็นผลไม้ป่าชนิดหนึ่ง (Spondias pinnata) อันเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวยุโรป และว่าชาวโปรตุเกสที่เข้ามาในไทยสมัยศตวรรษที่ 16 เป็นผู้ให้กำเนิดคำนี้
แต่ในหนังสือจดหมายรายวันของท่านบาทหลวงเดอ ชวาสี ซึ่งหลวงสันธานวิทยาสิทธิ์ เป็นผู้แปลและเรียบเรียง ได้ให้เหตุผลไว้ว่า บางกอกคือจังหวัดธนบุรี บางแปลว่า "บึง" กอกแปลว่าน้ำ (กลายเป็นแข็ง) หรือน้ำกลับเป็นดินหรือที่ลุ่มกลายเป็นดอน แต่ไม่ได้บอกว่ากอกนั้นเป็นภาษาอะไร
ในภาพคืออ่าวไทยในอดีต
สำหรับประเด็นบาทหลวงเดอ ชวาสี ถ้าเพื่อนๆ ได้อ่านเรื่อง เมื่อพันปีที่แล้ว กรุงเทพ เคยอยู่ใต้ทะเล https://board.postjung.com/656149.html ก็จะได้เห็นภาพของอ่าวไทยที่กินไปถึงจังหวัด นครปฐม นครนายก ปราจีนบุรี สระบุรี ลพบุรี และสุพรรณบุรี ส่วนกรุงเทพฯ เกิดจากตะกอนทับถมกันเป็นพันปีซี่งน่าจะเริ่มตั้งแต่ พ.ศ.1600 เป็นต้นมา ก็ทำให้เรื่องราวสอดคล้องกันอยู่บ้าง
นอกจากนี้ยังมีบางท่านกล่าวว่าน่าจะมาจากคำว่า Benkok ซึ่งเป็นภาษามลายู แปลตามตัวว่า คดโค้ง หรืองอ อ้างว่าแม่น้ำในบางกอกสมัยก่อนโน้นคดโค้งอ้อมมาก พวกมลายูที่มาพบเห็นจึงพากันเรียกเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม ดังได้กล่าวไว้ว่า ความเห็นเหล่านี้คงเป็น "ความเห็น" เท่านั้น
ที่น่าสนใจคือนักประวัติศาสตร์ท่านหนึ่งอ่านพบในจดหมายของท้าวเทพสตรีที่มีไปถึงกัปตันไลต์หรือพระยาราชกัปตัน ให้ข้อคิดว่า Bangkok ที่ฝรั่งแต่โบราณเขียนนั้น บางทีเขียนเป็น Bangkoh ซึ่งท่าทางจะอ่านว่าบางเกาะ
ซึ่งก็สอดคล้องกับบันทึกหนึ่งที่กล่าวว่า บางกอก หมายถึง พื้นที่ที่เป็นเกาะ ครับ เนื่องจากการขุดคลองลัดในสมัยพระชัยราชาธิราช คือ ขุดจากบริเวณสะพานปิ่นเกล้าลงไปจนถึงหน้าวัดอรุณฯ ทำให้พื้นที่ทางฝั่งธนฯ ในปัจจุบันกลายสภาพ เป็นเกาะ ต่อมาจึงเรียกว่า บางเกาะ
ในภาพคือวัดอรุณ ถ่ายเมื่อปี พ.ศ. 2456 สมัยต้นรัชกาลที่ 6
มีหลักฐานเป็นเอกสารสมัยอยุธยา ซึ่งเรียกพื้นที่ดังกล่าวว่า บางเกาะ จนถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์ จากนั้น คำว่าบางเกาะก็หายไป ไม่ปรากฎอีก แต่มีคำ บางกอก เกิดขึ้นมาแทน แต่ไม่ใช่ว่า บางกอกจะเกิดขึ้นมาจากน้ำคำของคนไทยนะครับ แต่เกิดขึ้น จากการที่ฝรั่งจะออกเสียงสระเสียงสั้นไม่ชัด โดยเฉพาะคำที่อยู่ท้าย มักจะออกเป็นเสียงยาวเสมอ และเพื่อคงเสียงให้สั้นไว้ จึงต้องเอา K มากำกับไว้ bangkor จึงกลายเป็น bangkok ในที่สุด ดังนั้น บางกอกดั้งเดิมนั้น คือพื้นที่บริเวณบางกอกน้อย วัดอรุณ ตลิ่งชัน แถวๆนั้นในปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อครั้งยังทรงผนวชอยู่วัดบวรนิเวศวิหาร มีข้อความตอนหนึ่งว่า เมือง (ธนบุรี) นั่นแหละเรียกกันว่า เมืองบางกอก เพราะสร้างขึ้นในระหว่างที่เมืองบางกอกทั้งสอง โดยชื่อเมืองอย่างไรเล่า แม้นราชธานีของไทยบัดนี้ คือรัตนโกสินทรฯ ชาวต่างประเทศมีอังกฤษ ฝรั่งเศส และมุสลมาร เป็นต้น ผู้ไม่คุ้นกับภาษามคธก็ยังเรียกกันอยู่อย่างนั้นแหละ
และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงเรื่องราวที่อยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านประดับความรู้กัน ส่วนข้อสันนิษฐานใดจะเป็นข้อที่ถูกก็คงยากที่จะตัดสิน ส่วนตัวผู้เขียนเองก็เห็นแต่เพียงเรื่องใดมีข้อกล่าวอ้างสอดคล้องกับเรื่องราวของชื่อบางกอกมากกว่าก็ใคร่ที่จะเอนเอียงไปทางหลัีกฐานนั้น ส่วนเพื่อนๆ ผู้อ่านก็คงมีเหตุผลสนับสนุนความเชื่อของแต่ละคน ในที่สุดก็คงต้องยกให้ผู้รู้ทางด้านประวัติศาสตร์ได้มีข้อยุติ สำหรับเพื่อนๆ ที่มีข้อมูลด้านนี้เป็นอย่างอื่นก็เข้ามาแบ่งปันความรู้กันบ้างนะครับ แล้วพบกันใหม่ครับ...mata
เรียบเรียงโดย พรชัย สังเวียนวงศ์ (mata)
ขอบคุณภาพจาก http://paipibat.com/?p=3493, http://www.facebook.com
ขอบคุณแหล่งข้อมูล