อีกมุมหนึ่งในโลกของ..คนหูหนวก
คนหูหนวก...นี่คือการถูกเลือกปฎิบัติ
ในจำนวนคนพิการ 7 ประเภท คือ ทางการเห็น ทางการได้ยินหรือสื่อความหมาย ทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกาย ทางจิตใจหรือพฤติกรรม ออทิสติก ทางสติปัญญา และทางการเรียนรู้
คนหูหนวกเป็นกลุ่มคนพิการที่น่าเห็นใจมากที่สุด เพราะเมื่อดูจากภายนอก คนหูหนวกไม่ต่างกับคนปกติธรรมดาทั่วไป เพียงแต่หูไม่ได้ยินเสียง ทำให้เวลาจะสื่อสารอะไรกับใครก็ขัดข้อง ยุ่งยาก จึงจำเป็นต้องมีผู้ช่วย คือ ล่ามภาษามือ มาเป็นสื่อกลางในการแปลเสียงที่เป็นภาษาพูดเป็นภาษามือ และแปลภาษามือเป็นภาษาพูด
ในทุกวันนี้ล่ามภาษามือมีบทบาทสำคัญมากขึ้น เพราะภาครัฐส่งเสริมเรื่องสิทธิและโอกาสการได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างเท่าเทียมกันในสังคม โดยสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติได้ประกาศหลักเกณฑ์และอัตราค่าตอบแทนการให้บริการล่ามภาษามือ การจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ล่ามภาษามือแบ่งเป็น 2 อัตรา คือ 600 บาทต่อชั่วโมงต่อคนในกรณีเป็นล่ามการประชุม สัมมนา หรือฝึกอบรม ส่วนถ้าเป็นการพบแพทย์ ติดต่อราชการ สมัครงาน แจ้งความ การทำสัญญานิติกรรม ฯลฯ ค่าตอบแทนล่ามคือ ชั่วโมงละ 300 บาท
นั่นหมายถึง ถ้ามีการจัดประชุมที่คนหูหนวกเข้าร่วม เริ่มประชุมตั้งแต่ 9.00 – 16.00 น. ต้องใช้ล่ามภาษามือ 2 คน จะต้องจ่ายค่าตอบแทนล่ามวันละ 7,200 บาท
ในมุมมองของคนนอก จะดูถึงความคุ้มค่าของเงินที่จ่ายไป ก็จ่ายไปขนาดนั้น คงไม่แปลกที่จะตั้งคำถามว่า คนหูหนวกสามารถรับรู้ข้อมูลได้เท่ากับทุกคนในที่ประชุมหรือเปล่า???
และมีอีกประเด็นที่เกิดขึ้นมา คือ การเลือกรับงานของล่ามภาษามือ เพราะมีการกำหนดอัตราค่าตอบแทนที่แตกต่างกัน 2 อัตรา ทำให้บ่อยครั้ง คนหูหนวกมักจะถูกปฏิเสธการบริการ โดยล่ามให้เหตุผลว่าไม่ว่าง มีงานอื่นแล้ว ซึ่งนั่นก็คือ งานประชุม
พอเกิดเรื่องแบบนี้ คนหูหนวกจะฉุกคิดได้หรือยังว่า การมีหลักเกณฑ์จ่ายค่าตอบแทนล่ามแบบนี้มันทำให้ คุณถูกเลือกปฏิบัติ
โฆษณาไทยประกันชีวิต คนหูหนวกแสดงเป็นพ่อ
|
Thai Pantene television commercial. Its simply brilliant. The story of a deaf and mute girl who learns to play the violin against all odds. One of the most touching advertisements I've seen in a long, long time. |
ล่ามภาษามือเขาเลือกที่จะไปรับงานที่ได้สตางค์มากกว่า แทนที่คุณภาพชีวิตของคนหูหนวกน่าจะดีขึ้น ตามที่ภาครัฐจัดสรรงบประมาณให้มีล่ามภาษามือบริการคนหูหนวก แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น เพราะเงินงบประมาณที่ว่านี่แหละที่ย้อนกลับมาทำร้ายคนหูหนวกเอง
คนหูหนวก พวกคุณต้องง้อล่าม ต้องถูกปฏิเสธการบริการ ต้องถูกเลือกปฏิบัติ ก็เพราะเงิน 300 บาทน้อยกว่า 600 บาท หรือว่าไม่จริง???