วัยรุ่นไทยท้องไม่พร้อมอันดับ 2 ของอาเซียน
วัยรุ่นไทยท้องไม่พร้อมอันดับ 2 ของอาเซียน หรือประมาณ 80% ของวัยรุ่นทั้งหมด เผยปี 2554 พบมีเด็กวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี คลอดบุตรเฉลี่ยวันละ 370 คน และในอายุต่ำกว่า 15 ปี คลอดบุตรวันละ 10 คน เพิ่มขึ้นกว่าปี 53 เท่าตัว 70% ใช้บ้านตัวเองและบ้านเพื่อนเป็นรังรัก ส่วนใหญ่คุมกำเนิดไม่ถูกวิธี ใช้ถุงยางแค่ 55% คิดว่าร่วมเพศครั้งเดียวไม่ท้อง เข้าไม่ถึงบริการคุมกำเนิด เพราะเจ้าหน้าที่มีทัศนคติไม่ดีกับวัยรุ่น สธ.เร่งสร้างยุทธศาสตร์แก้ปัญหา ตั้งเป้า 15-19 ปี คลอด 50 คนต่อ 1 พันคนในปี 57
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ปัจจุบันวัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น และอายุเฉลี่ยที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกก็มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ประมาณ 15-16 ปี ทั้งนี้ สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มัธยมศึกษาปีที่ 5 และ ปวช.ปี 2 เมื่อปี 2550-2554 พบว่า วัยรุ่น 70% ใช้บ้านเพื่อนหรือบ้านของตัวเองในการมีเพศสัมพันธ์ และมีเพียง 55.1% เท่านั้นที่ใช้ถุงยางอนามัยในการป้องกัน เพราะคิดว่าขัดขวางความรู้สึกทางเพศ
รมช.สธ.กล่าวต่อว่า ส่วนใหญ่ใช้วิธีคุมกำเนิดที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะการซื้อยาเม็ดคุมกำเนิดหลังมีเพศสัมพันธ์มารับประทาน รวมไปถึงไม่ได้ป้องกัน เนื่องจากขาดความรู้ เข้าใจผิดเกี่ยวกับการร่วมเพศ คิดว่าร่วมเพศครั้งเดียวไม่ตั้งครรภ์ และไม่รู้ว่าตนเองจะมีโอกาสตั้งครรภ์เมื่อใด นอกจากนี้วัยรุ่นยังไม่กล้าไปขอรับบริการคุมกำเนิด เจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการมีทัศนคติไม่ดีต่อวัยรุ่น ทำให้วัยรุ่นแม้จะมีความรู้ แต่ก็เข้าไม่ถึงบริการคุมกำเนิด ส่งผลให้เกิดปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในของวัยรุ่นถึง 80% ทำให้แม่วัยรุ่นยังขาดโอกาสในการศึกษาตามมา เพราะต้องรับภาระในการดูแลบุตรและการสร้างครอบครัว
จากสถิติสาธารณสุขในปี 2553 มีวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี คลอดบุตรเฉลี่ยวันละ 240 คน เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี คลอดบุตรเฉลี่ยวันละ 4 คน ส่วนปี 2554 มีเด็กวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี คลอดบุตรเฉลี่ยวันละ 370 คน และในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี คลอดบุตรวันละ 10 คน ถือว่าเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว และสถิติดังกล่าวทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศอันดับ 2 ของเอเชียที่มีปัญหาการท้องไม่พร้อมในวัยรุ่น รองจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
“เมื่อปี 2554 ยังได้ดำเนินการเฝ้าระวังการแท้งในประเทศไทย นำร่อง 13 จังหวัดทั่วประเทศ มีโรงพยาบาลเข้าร่วม 134 แห่ง พบว่า 53% ของผู้ป่วยที่ทำแท้งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นและเยาวชน และ 30% เป็นนักเรียนนักศึกษา” นพ.ชลน่านกล่าว และว่า จากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันยังส่งผลให้วัยรุ่นรุ่นอายุ 10-24 ปี ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สูงขึ้นจากเดิม 41.5% ต่อแสนประชากรในปี 2548 เป็น 89.5% ต่อแสนประชากรในปี 2554 โดยเฉพาะโรคเอดส์
รมช.สธ.กล่าวต่อว่า แนวทางแก้ปัญหา ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับภาคเครือข่ายที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการผลักดันร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ซึ่งขณะนี้อยู่ที่สำนักงานกฤษฎีกาแล้ว ขณะเดียวกันยังได้ขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์พัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติฉบับที่ 1 (พ.ศ.2553-2557) โดยส่งเสริมให้ครอบครัวอบอุ่น มีลูกเมื่อพร้อม สนับสนุนให้โรงเรียนมีการจัดการเรียนการสอน และจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความรู้เรื่องเพศศึกษา รวมทั้งการพัฒนาทักษะชีวิตของนักเรียน
ที่มา: thaipost.net
ภาพจากเนต