ทหารไทย ทหารชาติเดียวที่ทหารอเมริกาและเวียดนามกลัว
ใน สงครามเวียตนาม ผบ.ทหารเวียตนามเหนือได้ส่งใบปลิวนี้เพื่อเป็นคำเตือนต่อทหารเวียตนามเหนือ เองและฝ่ายพันธมิตรคือเวียตกงและเวียตมิน "ถ้าหากปะทะกับกองกำลังไม่ปรากฏฝ่ายให้พวกทหารพึงระลึกไว้ว่า 1.ถ้าปะทะกับศัตรูที่ยิงต่อสู้กับเราแล้วหยุดยิงเป็นระยะๆ และมีปืนใหญ่ยิงสนับสนุนมานั่นคือทหารอเมริกัน 2.ถ้าปะทะกับศัตรูที่ยิงต่อสู้กับเราแล้วหมอบหรือคลานต่ำนั่นคือทหารเวียตนามใต้ 3.ถ้าปะทะกับศัตรูที่ยิงต่อสู้กับเราแล้วอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไหวนั่นคือทหารลาว 4.ถ้า ปะทะกับศัตรูที่ยิงต่อสู้กับเราแล้วไม่มีปืนใหญ่หรือนกยักษ์(เครื่อง บิน)มาสนับสนุน ไม่รู้จักหยุดยิง ไม่รู้จักหมอบ ไม่รู้จักคลาน ไม่รู้จักถอย เอาแต่วิ่งเข้าใส่ บางรายยิงไม่ตาย บางรายยิงไม่เข้า จงระวังไว้นั่นคือ........ทหารไทย ณ ฐานที่มั่นทหารเสือพรานของไทยแห่งหนึ่งที่เวียตนามใต้(จำชื่อฐานไม่ได้) ทหารเวียตนามเหนือพยายามตีฐานนี้หลายสิบครั้งแต่ก็ไม่แตก จึงส่งกองพันกล้าตายที่ 21 ให้มาตีซึ่งเป็นกองพันเดียวของทหารเวียตนามเหนือที่ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อกอง กำลังใดๆทั้ง อเมริกันและเวีตนามใต้ และกองพันนี้ขึ้นชื่อที่สุดด้านความโหดร้ายและการทารุณเชลยโดยวิธีลูเรต (ใส่กระสุนหนึ่งนัดในลูกโม่แล้วผลัดกันยิง) จนเป็นที่กล่าวขานกันทั่ว เช้าวันหนึ่งอากาศแจ่มใส ทหารเวียตานามเหนือกองพันกล้าตายที่ 21 จำนวน 600 นาย ได้เข้าตีฐานที่มั่นทหารไทยโดยทหารไทยมิได้ตั้งตัว ทหารไทยมีกำลังเพียง 150 นาย เห็นได้ชัดว่าถูกรุมแบบ 5 ต่อ 1 ปะทะกันนานกว่า 1 ชั่วโมงทหารเวียตนามเหนือแตกพ่ายไป ผลจากการสู้รบฝ่ายข้าศึกตาย 453 ศพและบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถหนีได้ 16 นาย ฝ่ายเราตายเพียง 1 ศพและบาดเจ็บเล็กน้อย 5 นาย การปะทะครั้งนี้เป็นที่กล่าวขวัญไปทั่ว จน ผบ.ทหารเวียตนามใต้และทหารอเมริกันประกาศทางวิทยุสดุดีวีรกรรมของทหารไทย ครั้งนี้ 1 อาทิตย์ต่อมาผู้บังคับกองพันกล้าตายที่ 21 ของเวียตนามยิงตัวตายในบังเกอร์เพื่อหนีความอับอาย ส่วนทางด้าน นายทหารเสือพรานไทยได้รับเหรียญกล้าหาญ 35 คน เราคนรุ่นหลังขอน้อมคารวะทหารกล้าไทยที่ปกปัก รักษาแผ่นดินไทยให้เราอยู่ทุกวันนี้เรื่องราวเหล่าแด่ท่านผู้ชนะเหล่าชนเสือ พรานไทยนักรบชุดดำ |
ภาค ต่อ
บทความ ไทยรบเวียดนามวีกรรมเสือพราน กูผู้ชนะ
โนนหมากมุ่น
ในช่วงปี2523 เวียดนาม หลังจากได้ยึดกัมพูชาไว้เรียบร้อยแล้ว ได้มีทีท่า และการกระทำส่อถึงการจะบุกไทย
เวียดนามจะใช้ ทหาร200000 คน โจมตีไทย นายพลเทียนวันดุง(ที่บอกจะเอาเลือดคนไทยล้างตีน) เคยประกาศที่ ฮานอยโดยคุยว่ายึดกรุงเทพใน 2 ชม.
ตอนเหตุการณ์ที่บ้านโนนหมากมุ่นนั้น มีครั้งหนึ่งทหารเวียดนามหลายกรม รวมพลกันจำนวนมากที่ชายแดนบ้านโนนหมากมุ่นเตรียมพร้อมสำหรับการรุกต่อไป แต่ถูกทหารไทยตรวจพบก่อน จึงทำการยิงปืนใหญ่ถล่มแบบจู่โจมพร้อม ๆ กันหลายกองร้อย ผลก็คือทหารเวียดนามแตกกระเจิง จากการตรวจลาดตระเวณทางอากาศพบว่า ทหารเวียดนามเอารถยีเอ็มซี มาขนทหารที่บาดเจ็บและตายออกไปจากที่นั่นถึง 40 คัน เลยทีเดียว
23 มิย.2523 เป็นการปะรองกำลังแบบหยั่งเชิง ของ แกว + ลาว หมู่บ้านที่โดนบุก คือ บ้านโนนหมากมุ่น บ้านหนองจาน บ้านคอนหลุม บ้านทัพเซียม อยู่ใน ต. โคกสูง อ. ตาพระยา บ้านทหารผ่านศึก อ.อรัญฯ บ้านตาเก่า บริเวณช่องจอม อ.กาบเชิง จ. สุรินทร์ บ้านคลองขุด อ.คลองใหญ่ จ.ตราด
ญวนให้ กองพลที่ 778 จากค่าย ล่องถั่น ใกล้ๆ โฮจิมินห์ มาสมทบกับกองพล ที่ 72 กับ 202 ซึ่งตอนนั้นรับผิดชอบด้านตะวันตกของ เขมรแถบ เสียมราฐ และ อุดรมีชัย ตอนนั้นกองพลที่ 778 เป็นกำลังหลักนำเข้าตี จริงๆแล้ว ก่อนที่จะถึงบ้านโนนหมากมุ่นนั้น เป็นที่ตั้งของค่ายเขมรอพยพ ซึ่งในค่ายมี นาย พรมสกล เป็นหัวหน้ามีกำลังทหาร 1,500 นาย ตอนหลังนายพรมสกล โดนจับ ข้อหาเป็นสายให้ เวียดนามบุกไทย
ตอนที่แกวบุกบ้านโนนหมากมุ่น แกวเข้ามาถึงเวลา 05.10 น. แล้วจับชาวบ้านไว้ ใต้ถุนบ้านจากนั้นก็ ขนเอาทรัพย์สินไปหมด ทหารไทยที่ตั้งค่ายอยู่ไม่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 1 กม. ทราบเรื่องตอน 6.00 น ก็นำกำลัง 21 นาย เข้ามาช่วยเหลือ แต่ระหว่างทาง โดน ซุ่ม ด้วยอาร์พีจี ทำให้ทหารไทยตาย 18 ศพ และถูกจับเป็นเฉลย 2 คน
ต่อมา ทหารไทย - แกว ได้ใช้ปืนใหญ่ปะทะกัน ระหว่าง ต.โคกสูง พร้อมทั้งส่ง ฮ. กันชิ๊ฟและเครื่องบิน ขึ้นไป ระดมยิง จนสามารถยึด บ้านโนนหมากมุ่น ได้ ในเวลา 15.45 น. ผลการปะทะ แกว ตาย 30 ศพ ถูกจับเป็น 1 คน
แม้ว่าจะถอนตัวออกจากบ้านโนมหากมุ่นแต่ ในวันนั้น แกว มันก็ไม่ได้ถอนตัวออกจาก แผ่นดินไทย จึงทำให้มีการรบติดพันกันในวันถัดมา ในวันนี้เองที่พี่ไทยเสีย แอล 19 กับ ฮ. อีก 1 ลำ แอล 19 ตกในฝั่งเขมร เราสามารถส่หน่วยงรบพิเศษ เข้าไปทำลาย เครื่องบิน ได้เสร็จภายใน 15 นาที ผลจากเครื่องบินตก มี นักบิน เสีย ชีวิต 2 ศพ
นอกจากฝ่ายไทยแล้ว ที่ตั้งของเขมรเสรี ซอน ซาน,สีหนุ และ เขมรแดงยังถูกโจมตีในคราวเดียวกันอีกด้วย สาเหตุที่ แกวต้องการเล่นไทย ก็เพราะว่า ในตอนนั้น โซเวียต บอกว่าจะเลิกให้การสนับสนุนเวียดนามด้านเสบียง และอาวุธที่ใช้ยึดครอง เขมร แล้ว เพราะ โซเวียตเอง โดนเมกา แซงชั่นไม่ยอมขายข้าวสาลีให้ ตัวเองก็ปลูกไม่พอ.....ดังนั้นเวียดนามจึงต้องเร่งเผด็จศึกเขมรให้เร็วที่สุด และ ยึดพื้นที่ของไทยให้ได้มากที่สุด
ในฟากอาเซียนนั้น แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่ม ที่ต้องการเล่นแกวประณามแกว คือ ไทยกับสิงคโปร์ โดยมีสหรัฐ กับ จีนหนุนหลัง ส่วน อินโดฯ กับ มาเลย์ นั้นหวาดกลัวจีน ที่สนับสนุนไทย เพราะ ใน 2 ประเทศนี้มีคนจีน เป็นตัวแปรทางการเมืองที่สำคัญ ทำให้อาเซียนในตอนนั้นแตกแยกกัน
ไทยส่งหน่วยรบพิเศษเข้าไปที่บ้านโนนหมากมุ่นเพื่อทำลายทหารเวียดนามด้วย โดยรบกันตั้งแต่ช่วงดึกตี 3 และยึดกลับคืนได้ประมาณ 9 โมงเช้า
หน่วย sapper ของเวียดนามเป็นหน่วยที่ไม่กลัวความตาย ทหารพรานที่ไปรบบอกว่า ทหารเวียดนามชอบเข้าโจมตีฐานทหารไทยช่วงดึก ๆ หรือช่วงไกล้เช้าประมาณตี4 ตี 5 โดยจะยิงถล่มด้วยปืนใหญ่แบบหูดับตับไหม้ก่อน แล้วหน่วย sapper ก็จะบุกเข้ามา พวกนี้จะนุ่งกางเกงในตัวเดียว ทาพรางตัวด้วยผงถ่านจนตัวมีสีดำ พกมีดสปาร์ต้า ห้อยระเบิดทำลายแบบต่าง ๆ ตามตัวเต็มไปหมด และมีไม้กระดานมาด้วย สำหรับพาดข้ามลวดหนามบุกเข้ามา เพื่อทำลายฐานที่ตั้งปืนกล และ ค. พวกนี้ยิงตายยากมากเพราะฉีดมอร์ฟีนมาเต็มที่เลย แบบว่าต้องให้หัวขาดถึงจะวิ่งมาไม่ได้ ตอนเช้าหลังจากที่เวียดนามกลับไปจะมีหน่วย sapper ตัวเหลือง ๆ ผอม ๆ ไส่กางเกงในตัวเดียวนอนตายไกล้ ๆ หลวดหนามจำนวนมาก กับอีกอย่างหนึ่งคือไม่ว่าทหารไทยจะฆ่าทหารเวียดนามได้มากขนาดใหนในตอนกลางคืน ตอนเช้า ๆ มาศพเหล่านั้นจะหายไปเกือบเกลี้ยงเลย ทิ้งไว้แต่รอยเลือด พวกนี้ขนกันเก่งมาก
ไทยมีการตั้งหน่วยล่า sapper ขอเวียดนาม โดยส่วนมากเป็นทหารพรานจู่โจม จัดหน่วยเป็นกลุ่มเล็ก ๆ นอนกลางวันออกล่ากลางคืน โดยซุ่มลัดเลาะไปตามแหล่งน้ำและฐานของทหารเวียดนาม หน่วยนี้ไม่พกปืนใช้แต่มีดและสปาร์ต้า ภารกิจหลักคือหัวทหารเวียดนาม ซึ่งมีราคาหลายพัน และจะพากันกลับมาฐานตอนช่วงเช้า
การรบที่ช่องบก
ครั้งนั้น เรา สูญเสียกำลังพล ๑๐๙ นาย บาดเจ็บ ๖๖๔ นาย
ช่องบก ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.น้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี. เป็นพื้นที่ชายแดนซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกัน ๓
ประเทศ คือ ไทย,ลาว,กัมพูชา มีทิวเขาพนมดงรัก กั้นเป็นแนวเขตแดน มีเส้นทางติดต่อเดินข้ามไปมาหากันได้
ลักษณะภูมิประเทศเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน มีป่าทึบยากแก่การตรวจการณ์ ทั้งทางพื้นดินและทางอากาศ
ใช้เป็นแหล่งซ่อนพราง และกำบังเป็นอย่างดี
ปี พ.ศ.๒๕๒๙ กองกำลังสุรนารี ได้ใช้กำลังเข้าผลักดันและขับไล่กองกำลังต่างชาติ ตามแผนยุทธการ ดี-๘
เนื่องจากภูมิประเทศเป็นเขาสูงชันป่ารกทึบ มีทุ่นระเบิด กับระเบิดในพื้นที่เป็นจำนวนมาก
ทำให้ฝ่ายไทยประสบความยากลำบากในการเคลื่อนที่ และการดำเนินกลยุทธ์
ฝ่ายไทยสามารถผลักดันฝ่ายเวียดนามให้ถอนตัวออกจากที่มั่นบนเนินดังกล่าว แต่ฝ่ายเวียดนามยังคงควบคุม
และยึดพื้นที่บริเวณเนิน ๕๐๐,๔๐๘,๓๘๒ และ ๓๙๖ อยู่
เมื่อ ธ.ค.๒๕๒๙ กองกำลังสุรนารี ได้กำหนดแผนยุทธการ ดี-๙ ใช้กำลังเข้าตีเพื่อผลักดัน
และทำลายฝ่ายตรงข้าม ที่ยังยึดพื้นที่อยู่ โดยใช้กำลังจาก กรมทหารราบที่ ๑๖ (กองพันทหารราบที่ ๑๖๒)
ปฏิบัติการเข้าตีในห้วง ม.ค.-ก.พ.๒๕๓๐ ถึง ๓ ครั้ง สามารถยึดที่หมาย เนิน ๓๙๖ ได้
ต่อมาได้จัดกำลังเพิ่มเติมจาก กรมทหารราบที่ ๖ (กองพันทหารราบที่ ๖๐๓) วันที่ ๒๕ มี.ค.๒๕๓๐
ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติการโดยใช้กำลัง กองพันทหารราบที่ ๑๖๒ กองพันทหารราบที่ ๖๐๓ และกองกำลังทหารพราน
เข้าตีต่อที่หมาย เนิน ๔๐๘ และเนิน ๓๘๒ รวมทั้งใช้กำลังจาก ร้อยลาดตระเวณระยะไกล กองกำลังสุรนารี
จัดกำลังเป็นชุดปฏิบัติการขนาดเล็ก ทำการโจมตีที่หมาย หลังเนิน ๔๐๘ ของฝ่ายเวียดนาม
ฝ่ายไทยสามารถตีที่หมายได้สำเร็จ แต่ไม่สามารถรักษาที่หมายได้ เนื่องจากถูกระดมยิงด้วยปืนใหญ่
เครื่องยิงลูกระเบิด และปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง อย่างหนาแน่น จึงต้องถอนตัวออกจากที่หมาย
วันที่ ๑ เม.ย.๒๕๓๐ กองทัพภาคที่ ๒ ได้จัดตั้งที่บัญชาการทางยุทธวิธีขึ้น เพื่อควบคุม และอำนวยการยุทธ
ออกแผนยุทธการเผด็จศึก สั่งใช้กำลังส่วนต่าง ๆ จากกองทัพภาคที่ ๒ ประกอบด้วย ๕ กองพันทหารราบ, ๑
ร้อยลาดตระเวณระยะไกล, ๒๗ ร้อยทหารพราน., ๑ ร้อยรถถัง สนับสนุนด้วย ปืนใหญ่ และกำลังทางอากาศ
กองพลทหารราบที่ ๖ ได้รับคำสั่งให้จัดกำลังเพิ่มเติม จากกรมทหารราบที่ ๖ และกรมทหารราบที่ ๒๓วันที่ ๑๔
เม.ย.๒๕๓๐ กำลังฝ่ายไทยใช้กำลังทุกส่วนทำการเข้าตีที่หมาย เนิน ๕๖๕,๔๐๘,๕๐๐,๓๘๒ และ ๓๗๖ โดยพร้อมกัน
ในขั้นต้นฝ่ายไทยสามารถเข้าที่หมายเนินต่างๆ โดยได้รับการต้านทานอย่างเบาบาง ต่อมาฝ่ายเวียดนาม
ได้ทำการตีโต้ตอบ ระดมยิงด้วย ปืนใหญ่ เครื่องยิงลูกระเบิด และ ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง
ใช้กำลังเข้าตีเป็นละลอก และต่อเนื่อง ฝ่ายไทยซึ่งมีเวลาจำกัดในการดัดแปลงที่มั่น ขาดความหนุนเนื่อง
ในการส่งกำลัง เส้นทางยากลำบาก ไม่สามารถต้านทานได้ จึงทำการถอนกำลังออกจากที่หมายเนินต่าง ๆ
ภายหลังจากการเข้าตีในครั้งนี้ ฝ่ายไทยได้พัฒนาแนวความคิดทางยุทธวิธี ในการเข้าสู่ที่หมาย
ด้วยการใช้กำลังในลักษณะชุดปฏิบัติการขนาดเล็ก เคลื่อนที่แทรกซึมเข้าหลายทิศทาง ทำการ
ลาดตระเวณซุ่มโจมตี เจาะเส้นทางเข้าหาที่มั่น และริดรอนกำลังฝ่ายตรงข้ามให้อ่อนกำลังลง ห้วง
พ.ค.-มิ.ย.๒๕๓๐ ฝ่ายไทยได้ใช้กำลังเป็นชุดปฏิบัติการขนาดเล็ก ทำการเข้าตีต่อที่หมาย เนินต่าง ๆ
ในลักษณะการยุทธแบบป้อมค่าย สามารถยึดฐานที่มั่น ฝ่ายเวียดนามได้บางส่วน
ขุดคูติดต่อเจาะเข้าหาฐานที่มั่น กดดันฝ่ายเวียดนามอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งฝ่ายเวียดนามได้ถอนกำลัง
ออกจากที่หมายเนินต่างๆ และแนวเขตประเทศไทย ในปลายปี พ.ศ.๒๕๓๐
การปฏิบัติการรบที่ช่องบก ตั้งแต่ ม.ค.๒๕๒๘-ธ.ค.๒๕๓๐ ฝ่ายไทยได้สูญเสีย กำลังพล เสียชีวิต ๑๐๙ นาย
บาดเจ็บ ๖๖๔ นาย
สถานการณ์ในช่วงแรกของการรบ เวียดนามเป็นฝ่ายได้เปรียบ
การรุกของฝ่ายไทยทำได้อย่างจำกัดและยากลำบากเพราะเป็นป่าทึบ และเวียดนามได้วางกับระเบิดไว้จำนวนมาก
นอกจากนั้นแหล่งน้ำบริเวณดังกล่าวยังถูกเวียดนามใส่สารพิษลงไป ซึ่งสารตัวนี้จะมีฤทธิ์ถึง ๓ ปี
ถึงแม้น้ำจะแห้งไปแล้วก็ตาม ซึ่ได้มีการส่งตัวอย่างน้ำไปให้กรมวิทยาศาสตร์ทหารบก
ทำการตรวจสอบและผลยืนยันว่าน้ำทุกแหล่งที่ส่งมามีสารพิษเจือปน
ปัญหาหนึ่งที่สร้างปัญหาให้กับทางไทยเป็นอย่างมาก็คือเรื่องกับระเบิด ซึ่งเป็นชนิดใหม่ มีขนาดเล็ก
ไม่ต้องใช้การฝังแบบปกติ แต่เป็นลูกเล็ก ๆ ซึ่งทางเวียดนามจะส่งกองกำลังแทรกซึมเข้ามาเป็นชุดเล็ก ๆ
นำระเบิดมาวางตามแนวป่า และพงหญ้า และถอนกำลังออกไปอย่างรวดเร็ว ระบิดแบบนี้ไม่ทำให้ถึงตาย
แต่ทำให้ทหารที่เหยียบขาขาดไปเกือบถึงหัวเข่า ซึ่งทหารที่บาดเจ็บส่วนมาก เนื่องมาจากกับระเบิด
จากรายงานของทหารบางหน่วยแจ้งมาว่าทางเวียดนามมีความสามารถในการรบกวนการติดต่อสื่อสารและเลียนเสียงระบบก
ารสื่อสารของไทย ทันทีที่ทหารไทยติดต่อสั่งการกันทางวิทยุ
ทหารเวียดนามจะยิงปืนใหญ่ใส่แหล่งกำลังเนิดเสียงทันที ทำให้การสื่อสารเป็นไปอย่างลำบาก ซึ่งระบบนี้
เวียดนามน่าจะได้มาจากโซเวียต ทำให้ทางไทยปรับกลยุทธใหม่ ให้การติดต่อสื่อสารเป็นความลับมากขึ้น
และลดการใช้วิทยุสื่อสารลง
ทางเวียดนามยังรุกกลับด้วยการส่งกำลังเข้าตีฐานทหารไทยอย่างหนัก
โดยใช้ฐานปืนใหญ่ในลาวและกัมพูชายิงสนับสนุน ซึ่งทำให้การรบที่ช่องบกนี้มีความรุนแรงมาก กำลังส่วนต่าง ๆ
จากกองทัพภาคที่ ๒ ของไทยถูกส่งเข้ามาในพื้นที่สู้รบอย่างต่อเนื่อง
สนับสนุนด้วยกองกำลังทหารพรานจากค่ายปักธงชัย และหน่วยรบพิเศษจากลพบุรี ถูกส่งเข้าไปในลาวและกัมพูชา
เพื่อค้นหาฐานที่ตั้งปืนใหญ่ และทำลายระบบการส่งกำลังบำรุง
ในช่วงแรกของการรบฝ่ายไทยเสียเปรียบในการรบมาก แนวคิดการรบแบบเดิม ๆ ที่ทุ่มกำลังทหารจำนวนมาก
การยิงถล่มด้วยปืนใหญ่ และเครื่องบินทิ้งระเบิดใส่ข้าศึก ไม่ได้ผล
เพราะทางฝ่ายเวียดนามมีการตั้งรับอย่างดี และโต้ตอบกลับอย่างหนัก
ถึงแม้ทางไทยจะสามารถตีฐานของเวียดนามแตก แต่ก็ไม่สามารถที่จะยึดฐานได้ ทำให้แนวคิดการรบแบบป้อมค่าย
ที่เคยใช้ได้ผลจากการรบที่เขาค้อ ถูกนำมาใช้กับการรบที่ช่องบก
โดยฝ่ายไทยใช้การวางกำลังและระบบส่งกำลังสนับสนุนในแนวหลังให้มั่นคง และต่อเนื่อง จากนั้นใช้ทหารพราน
ลาดตระเวณซุ่มโจมตีและแทรกซึมเข้าหาฐานข้าศึกอย่างช้าๆ
โดยขุดบังเกอร์เข้าเกาะติดข้าศึกรวมถึงการซุ่มโจมตีฝ่ายเวียดนาม
จากวีดีโอที่ทหารไทยบันทึกไว้ในการเข้าตีฐานของทหารเวียดนามแห่งหนึ่งนั้น ซึ่งมีทหารเวียดนามประมาณ 1
กองพันครอบครองอยู่และเป็นทหารภูเขา
ทหารพรานจะขุดบังเกอร์รุกเข้าหาฐานทหารเวียดนามอย่างต่อเนื่องและไม่ยิงปะทะโดยไม่จำเป็น
เมื่อเข้าไกล้ในระดับหนึ่งจะหยุด แล้วส่งกำลังและอาวุธเข้ามา ตรึงกำลังแบบเผชิญหน้าไว้
แบบมองเห็นหน้ากันได้เลย ทำให้ฝ่ายเวียดนามสับสนและพะว้าพะวง เพราะไม่ทราบว่าทหารไทยจะเอายังไง
อีกทั้งยังอยู่ในระยะไกล้ฐาน ยากต่อการยิงปืนใหญ่ การเกาะติดฐานของทหารไทยโดยไม่เข้าโจมตี
ทำให้ฝ่ายเวียดนามกดดันเป็นอย่างมาก
ทางไทยได้ตั้งฐานปืนใหญ่สนับสนุนการเข้าตีซึ่งได้รับการพรางเป็นอย่างดี
และปืนใหญ่สำหรับการยิงถล่มตอบกลับฐานปืนใหญ่ของเวียดนาม เมื่อทางไทยพร้อม กลางดึก
ได้ส่งยิงปืนใหญ่และเครื่องบินรบแบบเอฟ ๕ เอฟ เข้าทิ้งระเบิดอย่างหนัก และได้เข้าตีฐานในตอนไกล้รุ่งเช้า
การสู้รบเป็นไปอย่างหนักหน่วง ฐานของทหารเวียดนามในเขตลาวถูกทางไทยตรวจพบ
และถูกระดมยิงปืนใหญ่ถล่มอย่างหนัก ทำให้ฐานปืนใหญ่ของเวียดนามและคลังกระสุนถูกถล่มราบทั้งฐาน
เปลวไฟจากการระเบิดของคลังกระสุนของเวียดนาม มองเห็นได้จากระยะไกล
ซึ่งการยิงถล่มครั้งนี้ทางไทยใช้เครื่อง แอล ๑๙ ในการลาดตระเวณและรายงานการยิง ซึ่งเป็นไปได้อย่างแม่นยำ
จากการตีฐานครั้งนี้ ยึดศพทหารเวียดนามได้ 4๔๕ ศพ จับได้อีก ๑๒ คน ยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์จำนวนมาก
รวมทั้งจรวดแซมแบบยิงประทับบ่าด้วย ทหารเวียดนามแตกถอยกลับเข้าไปในกัมพูชา
หลังจากสูญเสียฐานหลายแห่ง ทหารเวียดนามเริ่มถอนทหารออกไปจากพื้นที่กลับเข้าไปตั้งในกัมพูชา
เนื่องจากการสูญเสีย และการส่งกำลังบำรุงที่ถูกรบกวนจากในเขตกัมพูชาเอง จากเขมรแดง
และกองกำลังไม่ทราบฝ่าย(กองกำลังหน่วยนี้มีที่ตั้งอยู่แถวๆลพบุรี) กองกำลังเขมรแดงได้เข้าตีฐานของทหารเวียดนามที่ตั้งในเขตกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง
โดยได้รับการสนับสนุนการยิงปืนใหญ่จากฝั่งไทย ทำให้เวียดนามถูกตีขนาบ
จึงต้องถอนกำลังกลับเข้ามาในเขตกัมพูชาเหมือนเดิม หลังจากนั้นทางไทยได้เข้ามายึดและตั้งแนวป้องกัน
เนินต่างๆ อย่างแน่นหนา เป็นอันสิ้นสุดของการรบอันดุเดือดที่สุด
การที่เวียดนามอาจหาญเข้ามายึดเขตแดนไทยในบริเวณช่องบกนี้ มีนายทหารเวียดนามบางส่วนก็ไม่เห็นด้วย
เพราะถึงแม้ตำแหน่งที่ตั้งได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ยากต่อการเข้าตีของไทย
แต่ด้านการส่งกำลังบำรุงด้านกัมพูชานั้น ยังไม่สามารถปราบกองกำลังเขมรแดงได้อย่างสิ้นเชิง
ซึ่งจะถูกเขมรแดงรบกวนการส่งกำลังบำรุงได้ อีกทั้งในเขตลาวนั้น
ก็ยังมีการเคลื่อนไหวของกองกำลังลาวเสรีอยู่ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติการของเวียดนามในลาวด้วย
แต่ผู้นำทางการทหารของเวียดนาม มั่นใจในความเข้มแข็งทางการทหาร และประสบการณ์รบของตน
ข้อขัดค้านนี้จึงไม่เป็นผล แต่ก็เป็นจริงและเป็นที่ประจักษ์จากการรบในเวลาต่อมาที่กองทหารเวียตนามที่มีกำลังพลมากกว่าอาวุธมากกว่าแต่กลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
เราคนรุ่นหลังขอน้อมคารวะทหารกล้าไทยที่ปกปักรักษาแผ่นดินไทยให้เราอยู่ทุกวันนี้เรื่องราวเหล่าแด่ท่านผู้ชนะเหล่าชนเสือพรานไทยนักรบชุดดำ
ขอทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยคน่ะครับ ทหารไทยเป็นทหารไม่กี่ชาติที่ทหารต่างประเทศกลัว พวกเขายอมสู้แบบถวายหัวถวายชีวิตเพื่อปกป้องคนไทยเพื่อปกป้องชาติไทย แล้วทำไมคนไทยต้องมาทำร้าย มาทำลายคนไทยด้วยกันเอง ทำไมคนไทยไม่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ทำไมคนไทยไม่รักคนไทย ขอให้คนไทยรักกันหน่อยก็ดีน่ะครับอย่างน้อยแค่คนในเว็บนี้ก็พอแล้ว