น้ำมันปลามีประโยชน์
ช่วงนี้ได้คุยกับน้องในสเปซบ่อย ก็เลยทำให้นึกถึงสุขภาพและร่างกายของน้องๆ มากขึ้น คงต้องพักเรื่องดวงดาวสักระยะเพราะเดี๋ยวจะเบื่อกันเสียก่อน เวลาที่ใครพูดถึงน้ำมันปลา หลายๆ คนโดยเฉพาะคนรุ่นเก่าๆ ก็มักจะนึกถึงน้ำมันตับปลาทีพ่อกับแม่คอยซื้อมาให้รับประทานเพราะมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ ณ ปัจจุบันคงไม่มีใครไม่รู้จักโอเมก้า 3 ประโยชน์ในปลาทะเลน้ำลึก วันนี้ก็เลยหาข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ของน้ำมันปลามาฝากกัน สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านก็อ่านแต่หัวข้อก็ได้นะครับ
กรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ถือว่าเป็นสารอาหารที่สำคัญยิ่งต่อร่างกาย โดยเฉพาะกรดไขมันชนิดโอเมก้า-3 ซึ่งส่วนใหญ่กรดไขมันชนิดนี้พบได้ในไขมันจากสัตว์ เช่น น้ำมันปลา ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งจากธรรมชาติที่พบมากและมีคุณภาพดี ปัจจุบันความสนใจทางการแพทย์เกี่ยวกับกรดไขมันโอเมก้า-3 จากน้ำมันปลาเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเริ่มจากข้อมูลที่ว่า ชาวเอสกิโมมีเปอร์เซ็นต์ของผู้ที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดอุดตันต่ำ เมื่อศึกษาถึงโภชนาการ จึงพบว่าอาหารที่ชาวเอสกิโมรับประทานในชีวิตประจำวัน คือ ปลาและแมวน้ำ ซึ่งเป็นแหล่งที่มีโอเมก้า-3 ปริมาณสูง ปัจจุบันจึงมีการยืนยันทางการแพทย์ถึงประโยชน์ที่สำคัญของกรดไขมันโอเมก้า-3 ต่อร่างกายในการลดความเสี่ยงหรือป้องกันการเกิดโรคต่างๆ เช่น
- โรคหัวใจและสมองขาดเลือด
- ช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด ลดความดันโลหิต
- ช่วยบรรเทาอาการอักเสบของข้อเสื่อม ข้อรูมาตอยด์
- ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันความเสื่อมของสมอง โรคซึมเศร้า และบำรุงสายตา
- บรรเทาอาการของโรคผิวหนังบางชนิด เช่น สะเก็ดเงิน โรคเรื้อนกวาง
- ป้องกันหรือบรรเทาโรคหอบหืด
- ปวดไมเกรน
- เบาหวาน
น้ำมันปลาเป็นสารอาหารประเภทไขมัน ซึ่งประกอบด้วยกรดไขมันในกลุ่ม Omega-3 Polyunsaturated Fatty Acid ซึ่งมีกรดไขมันที่สำคัญอยู่ 2 ชนิด คือ
- EPA (Eicosapentaenoic Acid) กรดไขมันชนิดนี้ มีส่วนช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด ป้องกันไขมันอุดตันหลอดเลือด ป้องกันการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุในการเกิดโรคหัวใจและสมองอุดตัน
- DHA (Docosahexaenoic Acid) กรดไขมัน DHA มีบทบาทที่สำคัญและจำเป็นต่อการพัฒนาสมองและสายตา ช่วยเสริมสร้างและป้องกันความเสื่อมของสมอง การเรียนรู้ และความจำ รวมถึงระบบสายตา ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
น้ำมันปลา.....สำคัญต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
- ป้องกันโรคหัวใจและสมองขาดเลือด น้ำมันปลาจะช่วยยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือดและลดไขมันในเลือด จึงช่วยป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ โดยเฉพาะหัวใจและสมอง ซึ่งจากผลการวิจัยพบว่ากลุ่มผู้ป่วยโรคหัวใจที่รับประทานน้ำมันปลาวันละ 3,000 มิลลิกรัม ร่วมกับวิตามินอีธรรมชาติ 200-400 ยูนิต สามารถลดอัตราการตายเนื่องจากหัวใจล้มเหลวลง 15% เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ไม่ได้รับประทานน้ำมันปลา
ภาวะไขมันอุดตันที่หลอดเลือด จนอาจทำให้เกิดการขาดเลือดของ หัวใจและสมอง - ป้องกันโรคหลอดเลือดอุดตัน กรดไขมันโอเมก้า-3 ในน้ำมันปลา เป็นสารตั้งต้นของสารกลุ่มไอโคซานอยด์ (Eicosanoids) อันได้แก่ พรอสตาแกลนดิน-3 (Prostaglandins-3) และทรอมบอกแซน-3 (Thromboxan-3) ซึ่งสารกลุ่มนี้จะช่วยยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือด จึงมีส่วนช่วยป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด และช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดในร่างกายดีขึ้น ลดการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ
- ช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด ไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์สูงในเลือด ถือได้ว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่สำคัญในการก่อให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ลดความดันโลหิตสูง ผลในการลดความดันโลหิต สำหรับผู้ป่วยความดันโลหิตสูงไม่มาก
น้ำมันปลา.....เพิ่มคุณภาพชีวิต ลดอาการข้อเสื่อม ข้อรูมาตอยด์
รายงานเกี่ยวกับน้ำมันปลาต่ออาการข้อเสื่อม (Osteoarthritis) และข้อรูมาตอย์ (Rheumatoid arthritis) น้ำมันปลาจึงเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อเสื่อม ข้ออักเสบเรื้อรังเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวด แทนที่การรับประทานยาแก้ปวด NASIDs ซึ่งจะมีผลข้างเคียงต่อกระเพาะอาหาร ตับ และไตค่อนข้างมาก
น้ำมันปลา.....สำคัญต่อระบบสมอง
- ลดเซลล์สมองเสื่อม ป้องกันโรคสมองเสื่อม และหลงลืม
- ลดภาวะซึมเศร้า จากการวิจัยพบว่าผู้ที่บริโภคปลาเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง มีอัตราเป็นโรคซึมเศร้าต่ำ
น้ำมันปลา.....หลากหลายประโยชน์ต่อสุขภาพ
- เบาหวาน เบาหวานที่พบบ่อย คือ เบาหวานชนิดที่สองที่มักพบในผู้ใหญ่ที่อ้วน ซึ่งนักวิจัยชาวเนเธอร์แลนด์ค้นพบว่า กรดไขมัน EPA ในน้ำมันปลา จะช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดให้ดีขึ้นในผู้ป่วยเบาหวาน
- ปวดไมเกรน กรดไขมัน EPA ในน้ำมันปลา จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสารพรอสตาแกลนดิน และลดการหลั่งสารซีโลโทนิน ทำให้การเกาะตัวของเกร็ดเลือดลดลงในระยะที่มีการบีบตัวของหลอดเลือดในสมองลจึงมีส่วนช่วยลดอาการไมเกรนได้
- หอบหืด การรับประทานน้ำมันปลาจะช่วยลดสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบ ที่เป็นตัวการสำคัญให้เกิดอาการของหอบหืดขึ้น คือ สารลิวโคไตรอิน และพรอสตาแกลนดิน ดังนั้นการรับประทานนักมันปลาอย่างต่อเนื่องจากช่วยบรรเทาอาการหอบหืดได้
น้ำมันปลาที่ดีต้องปลอดสารพิษ คือ น้ำมันปลาคุณภาพยา
ปัจจัยที่สำคัญที่ต้องคำนึงถึงสำหรับการเลือกผลิตภัณฑ์น้ำมันปลา คือ คุณภาพและความปลอดภัย แต่กลับพบว่า น้ำมันปลาคุณภาพต่ำส่วนใหญ่ที่ผลิตภายใต้มาตรฐานอาหารทั่วไป มักพบสารปนเปื้อนจำพวกตะกั่ว ปรอท สารหนู และยาฆ่าแมลง เจือปนมาจากขั้นตอนการผลิต จึงเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคควรพิจารณาก่อนการตัดสินใจซื้อ
อย่าลืมนะครับ หากคิดจะรับประทานน้ำมันปลาก็สังเกตุคุณภาพของน้ำมันปลาที่มี % EPA และ DHA สูงขึ้นในสัดส่วน EPA 30% และ DHA 20% แต่ราคาก็จะแพงกว่า 3-4 เท่า ด้วยความเป็นห่วง.....mata
ขอบคุณภาพประกอบ Google.co.th
ที่มา: megawecare.co.th