ฟ้อนเล็บเอกลักษณ์ของ "คนเมือง"
ฟ้อนเล็บ
ฟ้อนเล็บ แต่เดิมเรียก “ฟ้อนเล็บ” ด้วยเห็นว่าเป็นการฟ้อนที่เป็นเอกลักษณ์ของ “คนเมือง” ซึ่งหมายถึงคนในถิ่นล้านนาที่มีเชื้อสายไทยวน และเนื่องจากการเป็นการแสดงที่มักปรากฏ ในขบวนแห่ครัวทานของวัดจึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ฟ้อนแห่ครัวทาน” ต่อมามีการสวมเล็บที่ทำด้วยทองเหลืองทั้ง 8 นิ้ว (ยกเว้นนิ้วหัวแม่มือ) จึงได้ชื่อว่า “ฟ้อนเล็บ”
การฟ้อนชนิดนี้มีมาแต่ดั้งเดิม คณะศรัทธาของแต่ละวัดมักมีครูฝึกสืบทอดต่อกันมา เมื่อถึงฤดูกาลที่จะมีงานปอยหลวง ซึ่งเป็นงานฉลองศาสนสถาน มักมีการฝึกซ้อม เด็กสาวในหมู่บ้านเพื่อแสดงในงานดังกล่าวเสมอ โดยที่รูปแบบกระบวนและลีลาท่าฟ้อนไม่ได้กำหนดตายตัว แต่ละครูหรือแต่ละวัดอาจแตกต่างกันไป ในสมัยพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ได้มีการปรับปรุงและประดิษฐ์ท่าฟ้อนให้ดูอ่อนช้อยงดงามยิ่งขึ้น และบุคคล ผู้หนึ่งซึ่งเคยได้รับการถ่ายทอดจากคุ้มเจ้าหลวงได้แก่ ครูสัมพันธ์ โชตนา
ในโอกาสที่ครูสัมพันธ์ได้เข้าไปถ่ายทอดศิลปะการฟ้อนชนิดนี้แก่วิทยาลัย นาฏศิลปเชียงใหม่
ท่านได้กำหนดท่าฟ้อนไว้ 17 ท่าดังนี้
1.
จีบส่งหลัง 2.
กลางอัมพร
3. บิดบัวบาน
4.
จีบสูงส่งหลัง
5.
บัวชูฝัก
6. สะบัดจีบ
7.
กราย 8.
ผาลาเพียงไหล่
9. สอดสร้อย
10.
ยอดตอง
11.
กินนรรำ
12. พรหมสี่หน้า
13.
กระต่ายต้องแร้ว 14.
หย่อนมือ
15. จีบคู่งอแขน
16.
ตากปีก 17.
วันทาบัวบาน
ท่ารำต่างๆ ดังกล่าว อาจมีการเพิ่มท่า ตัดตอน
หรือลำดับท่าก่อนหลังตามที่ครูจะกำหนด
การแต่งกายแต่เดิมจะนุ่งผ้าซิ่น สวมเสื้อแขนยาวทรงกระบอกคอกลม หรือคอจีนผ่าอก เกล้าผมมวยโดยขมวดมวยด้านท้ายทอย ทัดดอกไม้ประเภทดอกเอื้อง จำปา กระดังงา หางหงส์ หรือลีลาวดี สวมเล็บทั้งแปดนิ้ว ต่อมามีการ ดัดแปลงให้สวยงามโดยประดับลูกไม้ หรือระบายที่คอเสื้อ ห่มสไบเฉียงจากบ่าซ้ายไปเอวขวาทับด้วยสังวาล ติดเข็มกลัด สวมกำไลข้อมือ กำไลเท้า เกล้าผมแบบญี่ปุ่น ทัดดอกไม้หรืออาจเพิ่มอุบะห้อยเพื่อความสวยงาม
เครื่องดนตรีที่ใช้บรรเลงประกอบจังหวะในการฟ้อน จะใช้วงกลอง “ตึ่งโนง” ซึ่งประกอบด้วย
1. กลองแอว 2. กลองตะหลดปด
3. ฆ้องอุ้ย(ขนาดใหญ่) 4. ฆ้องโหย้ง(ขนาดกลาง)
5. ฉาบใหญ่ 6. แนหน้อย
7. แนหลวง
เพลงที่ใช้บรรเลง
สำหรับเพลงที่ใช้บรรเลง ก็แล้วแต่ผู้เป่าแนจะกำหนดอาจใช้เพลงแหย่ง เพลงเชียงแสน เพลงหริภุญชัยหรือลาวเสี่ยงเทียน แต่ส่วนใหญ่จะใช้เพลงแหย่งเพราะช่างฟ้อนคุ้นกับเพลงนี้มากกว่าเพลงอื่น
เดิมจะฟ้อนในงานฉลองสมโภช เพื่อนำขบวนทานหรือเป็นมหรสพในงาน ปัจจุบันมีการแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชม จึงมีปรากฏให้เห็นตามโรงแรม ห้องอาหารโดยทั่วไป
อนึ่งการฟ้อนในลักษณะเดียวกันนี้ ถ้าถอดเล็บออกและขณะที่ฟ้อนก็ถือเทียนไปด้วย เรียกว่า “ฟ้อนเทียน” การฟ้อนโดยลักษณาการนี้มีความเป็นมาว่าในสมัยพระราชชายาเจ้าดารารัศมี มีการแสดงถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินฯ เชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ.2469 ในงานถวายพระกระยาหารค่ำ ณ พลับพลาที่ประทับ งานนี้พระราชชายาฯ ทรงให้ช่างฟ้อนเล็บถอดเล็บทองเหลืองออก แล้วให้ถือเทียนทั้งสองมือ เวลาออกไปฟ้อนก็จุดเทียนให้สว่าง การฟ้อนครั้งนั้นสวยงามเป็นที่ประทับใจ จึงเป็นต้นเหตุว่า หากมีการฟ้อนชนิดนี้ถ้าเป็นเวลากลางวันให้สวมเล็บแต่ถ้าเป็นกลางคืนให้ถือเทียน และการที่ฟ้อนเทียนนี่เองเป็นเหตุให้ใช้เพลง “ลาวเสี่ยงเทียน” ประกอบการฟ้อน
ความเป็นเอกลักษณ์
หากจะถามถึงความเป็นเอกลักษณ์ของฟ้อนเล็บแล้ว ถ้าจะตอบว่าคือท่าฟ้อน และการแต่งกายยังตอบไม่ได้ เต็มคำเพราะถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ค่อนข้างมาก หรือตอบว่าอยู่ที่เล็บก็ยังไม่ใช่เพราะการรำมโนราห์ ของภาคใต้ก็สวมเล็บ การฟ้อนผู้ไทของจังหวัดสกลนครก็สวมเล็บเช่นกัน แม้จะมีพู่ไหมพรมสีแดงตรงปลายเล็บก็ตาม และคำตอบที่น่าจะใกล้เคียงได้แก่ เครื่องดนตรีและเพลงประกอบการฟ้อน และที่น่าจะถูกต้องมากที่สุด เห็นจะได้แก่ ภาพรวมทั้งหมด เพราะใครพบเห็นฟ้อนชนิดนี้ที่ไหน ก็ต้องตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นฟ้อนเล็บ ซึ่งเป็นการแสดงที่อ่อนช้อยงดงาม ตามแบบฉบับของคนเมืองชาวล้านนาโดยแท้
การฟ้อนครั้งสำคัญก็เมื่อคราวพระราชชายา เจ้าดารารัศมี
ได้ทรงฝึกหัดเจ้านายและหญิงสาวฝ่ายในฟ้อนถวายรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 7 คราวเสด็จประภาสภาคเหนือ เมื่อ พ.ศ. 2469
โดยครูนาศิลป์ของกรมศิลปากรได้ฝึกหัดจำไว้
ภายหายหลังจึงได้นำสอนและมีการฝึกหัดสืบต่อมา
เช่นเป็นการฟ้อนรำชนิดหนึ่งของไทยชาวเหนือ ตามลักษณะของผู้ฟ้อน
ซึ่งแต่งตัวแบบไทยชาวเหนือ แล้วสวมเล็บยาวทุกคน โดยผู้ฟ้อนสวมเล็บยาวทุกนิ้วเว้นนิ้วหัวแม่มือ
แบบฉบับการฟ้อนที่ดีได้รักษากันไว้เป็นแบบแผนกันในคุ้มเจ้าหลวง
จึงเป็นศิลปะที่ไม่สู้จะได้ชมกันบ่อยนัก การฟ้อนชนิดนี้ได้มาเป็น
ที่รู้จักแพร่หลายในกรุงเทพฯ คราวงานสมโภชน์พระเศวตคชเดชน์ดิลกฯช้างเผือกในรัชกาลที่ 7
เมื่อ พ.ศ. 2470
ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2503 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จประภาสจังหวัดเชียงใหม่ บรรดา ครู นักศึกษา ตลอดจนวัดต่าง ๆ ได้พากันฟื้นฟูการฟ้อนขึ้นอีกเพื่อเป็นการรับเสด็จฯ และต้อนรับพระราชอาคันตุกะที่มาเยือนจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้รับความสนพระทัยและสนใจจากพระราชอาคันตุกะเป็นอันมาก ปัจจุบันการฟ้อนชนิดนี้มีอยู่ตามวัดต่าง ๆ และในหมู่นักเรียน นักศึกษา เพราะถือว่าเป็นวัฒนธรรมประจำท้องถิ่นที่ต้องสงวนและรักษาไว้ แต่ลีลาการฟ้อนเป็นไปตามครูผู้สอนไม่ได้ยึดถืออะไรเป็นหลักที่แน่นอน
ผู้แสดง แต่ละชุดของแต่ละหมู่บ้าน จะใช้จำนวนคนแตกต่างกันไปบ้าง แต่ที่นิยมกันมากคือ จำนวน 4 คู่ หรือ 8 คน และจะไม่เกิน 16 คน แต่ก็ไม่ได้ห้ามว่าเกิน 16 คน ไม่ได้ ข้อสำคัญต้องเป็นจำนวนคู่
ช่างฟ้อนรำถวายในพิธีทูลพระขวัญรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่สนามโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เมื่อพ.ศ. 2501
แหล่งข้อมูล
http://www.ketalanna.com/lanna-dance/lanna-dance[fonleb].html
http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=34afc800bf272799
http://www.openbase.in.th/node/6713
http://library.cmu.ac.th/ntic/picturelanna/picture_trails.php
www.google.com
เขมรขอถก JBC ด่วน ยันไม่รับเส้นเขตแดน จากการใช้กำลังของไทย
เจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์
10 พรรณไม้สวยพิษร้าย: ความงดงามที่ต้องแลกด้วยอันตรายถึงชีวิต
ปิดตำนานรถ EV ราคาถูก ทิ้งลูกค้า, ดีลเลอร์ หอบเงินจากภาครัฐฯ กลับจีนหน้าตาเฉย
“ฆๅตกรเด็กวัด ลากศwใส่กระเป๋าเผากลางดึก ลบชีวิตปลิดชีพกะlทย
"โรเซ่ BLACKPINK" คว้าอันดับสาวหน้าสวยที่สุดในโลก ปี 2025..ส่วนสาวไทยก็ไม่น้อยหน้า คว้าอันดับ 3 มาครอง
นายกเขมรยัน "การหยุดยิงไม่ได้หมายถึงการยอมแพ้"
รู้มั๊ยว่าใครใหญ่! เข้าห้องน้ำชายวัดใจ..เดี๋ยวก็ได้รู้เอง
ดับ 16 ราย หลังเกิดเหตุไฟไหม้บ้านพักคนชรา
เด็กชายวัย 5 ขวบเสียชีวิต หลังจากแขนติดอยู่ในทางเลื่อน
เขาพระวิหารในวันที่เหลือแต่ซาก หลังถูก BM-21 ถล่มย่อยยับ โซเชียลไทยตั้งคำถาม “ถ้ารักจริง ทำไมใช้เป็นฐานรบ”
กระแสหูฟังแบบมีสายกำลังกลับมาอีกครั้ง
เขมรขอถก JBC ด่วน ยันไม่รับเส้นเขตแดน จากการใช้กำลังของไทย
ดับ 16 ราย หลังเกิดเหตุไฟไหม้บ้านพักคนชรา
ที่เมือง Portofino ของอิตาลี หากใครจะติดเครื่องปรับอากาศ ต้องขออณุญาตจากเจ้าหน้าที่ มิฉะนั้นอาจถูกปรับสูงถึง 1.9 ล้านบาท
เหตุน้ำท่วมใหญ่ในเมืองหาดใหญ่ เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง?
New Year Journey
รู้มั๊ยว่าใครใหญ่! เข้าห้องน้ำชายวัดใจ..เดี๋ยวก็ได้รู้เอง






