Area51 พื้นที่ต้องห้าม...คุณเชื่อว่ามันมีอยู่จริงหรือ ?
โพสท์โดย MyNameIsTEAM
สุดยอดอาวุธลับแห่งฐานทัพแอเรีย51
ภาพถ่ายทางอากาศบริเวณ Area51
เขตพื้นที่51" (Area 51) ถ้าจะว่าไปแล้ว ในโลกใบนี้ยังมีสถานที่ลึกลับหรือแปลกประหลาดยังพิสู จน์ไม่ได้อีกเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นโบราณสถาน หรือดินแดนแห่งตำนานต่าง ๆ แต่สำหรับพื้นที่แห่งหนึ่งซึ่งเรียกว่า “เขตพื้นที่ 51” (Area 51) รวม อยู่ในกฎนี้ไหม มันคืออะไร แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบติดตามข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งบิน ลึกลับ (จานบินนั่นแหละ) เชื่อว่าคงเคยได้ยินชื่อนี้กันมาบ้างไม่มากก็น้อย
แอเรีย 51 คือ ฐานทัพลับของกองทัพอากาศสหรัฐ ซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวลึกเข้าไปในบริเวณต้องห้ามอันก ว้างขวางของรัฐบาล ซึ่งตั้งอยู่ในทะเลทรายเนวาด้า ซึ่งหากคุณๆคิดจะไปเฉียดกรายกันล่ะก็ ลองใช้เวลาสัก 2 ชั่วโมงขับรถไปทางตะวันตก เฉียงหเนือของลาสเวกัส บริเวณที่เป็นที่รู้จักกันดี และมีข่าวลือเกี่ยวกับการทดลองของกองทัพสหรัฐนั้น ได้แก่ Groom Lake และ Papoose Lake
โดยทั่วไปเชื่อว่า แอเรีย 51 นี้ เป็นสถานที่ที่ใช้ฝึกและพัฒนาสำหรับโคงการลับที่สุดของทางทหาร โดยเฉพาะ เครื่องบินสอดแนมและเทคโนโลยีทางการบินที่แอบพัฒนากันอยู่ ข่าวลือเกี่ยวกับแอเรีย 51 นี้เริ่มมีหนาหูขึ้น จนประชาชนสงสัยว่าจริงๆแล้ว มีอะไรซ่อนอยู่ที่ฐานทัพแห่งนี้ มีประชาชนจำนวนหนึ่งออกมารายงานว่า ได้เห็นวัตถุประหลาดลอยอยู่เหนือฐานทัพ และหลายคนกล่าวว่า กองทัพได้ใช้ฐานทัพนี้ ในการศึกษาจานบินและมนุษย์ต่างดาวที่พวกเขาจับกุมกัน มาได้ด้วย
เขตพื้นที่ 51 เป็นชื่อเรียกของพื้นที่เขตหวงห้ามของรัฐบาลสหรัฐตั้ งอยู่ทางเหนือของลาสเวกัสประมาณ 95 ไมล์ และ 13 ไมล์ทางตะวัน
ออกทางหลวงสายที่ 375 บนถนนกรูมเลค (Grom Lake Road) ใกล้กับเมืองราเชล (Rachel) พื้นที่นี้ล้อมรอบไปด้วยเขตทดลองของรัฐเน
วาด้า (The Nevada Test Site) และเป็นที่ตั้งของฐานทัพอากาศเนลลิส (Nellis Air Force Range) ที่เรียกว่าพื้นที่ 51 ก็เพราะเป็นชื่อจุดที่
ตั้งซึ่งปรากฎบนแผนที่ ของเขตทดลองเนวาดา
ที่แห่งนี้มีการร่ำลือกันมานานแล้วว่าเป็น ที่ที่ใช้ซ่อนจานบินและมนุษย์ต่างดาวซึ่งตกในรอสเวล (Roswell) และ รัฐบาลได้ปกปิดเรื่องนี้
อย่างสุดฤทธิ์แต่ดูเหมือนยิ่งปิดก็ยิ่งกระตุ่นต่อม อยากรู้ของผู้คนทั่วไป โดยมีการอ้างถึงเรื่องราวต่าง ๆ ของผู้ที่เกี่ยวข้องและ ไม่เกี่ยวข้อง
รายที่โด่งดังที่สุดก็เห็นจะเป็นรายของ บ๊อบ ลาซาร์ (Bob Lazar)
บ๊อบ ลาซาร์ เป็นชาวลาสเวกัส เขาอ้างว่าเคยทำงานอยู่ในเขตพื้นที่นี้ในช่วงปี 1988 – 1989 โดย ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่พิเศษแผนก
อากาศยาน เขากล่าวว่าในเขตพื้นที่นี้มีเทคโนโลยี่ที่ทันสมัยมา ก และเขายังได้เห็น วัตถุสิ่งบินขนาดใหญ่สิ่งหนึ่ง ซึ่งเขาบอกได้เลยในทันที
ว่านั้นเป็นจานบินอย่างแน่นอน เขาบอกว่าวัตถุสิ่งบินที่ลึกลับนี้อยู่ในส่วนที่เรีย กว่า เอส-โฟร์ (S-4) ในปาปูส เลค (Papoose Lake) ซึ่ง อยู่
ทางใต้ของกรูมเลค ที่นั่นถูกก่อสร้างให้พรางตา กลมกลืนไปกับพื้นทะเลทรายโดยรอบ หากดูอย่างผิวเผินแล้วจะไม่มีทางสังเกตเห็นอย่าง
แน่น อน นอกจากนี้ลาซาร์ ยังบอกว่าเขาได้พบมนุษย์ต่างดาวภายในนี้ด้วย โดยบอกว่าเป็น “สิ่งมีชีวิต” ที่สูงประมาณ 3-4 ฟุต หนัก
ประมาณ 35-50 ปอนด์ มีผิวสีเทาและมีศีรษะที่ใหญ่มาก
เหมือน เติมเชื้อฟืน หลังจากการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ของลาซาร์ เผยแพร่ออกไป ผู้คนที่สนใจเรื่องนี้จากเดิมที่เคยมาสอดแนมเป็น
บางค รั้งบางคราว กลับกลายเป็นผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ ต่างหลั่งไหลมาคอยจับตา ดูสิ่งบินลึกลับตามที่ลาซาร์บอก และก็มีจำนวนมาก
เหมือนกันที่บอกว่าเคยเห็นด้วย แต่ทว่าผู้คนที่อาศัยอยู่แถบบริเวณนั้นกลับบอกว่าไม่ เคยเห็นมีอะไรผิดปกติ เกิดขึ้นแต่อย่างใด
แน่นอนที่ทางรัฐบาลสหรัฐย่อมไม่อยู่เฉยอยู่แล้ว โดยโต้กลับว่าสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่เห็นและอ้างว่าเป็ นจานบินนั้น แท้จริงแล้วคือเครื่องบิน
รุ่นใหม่ ๆ ของกองทัพอากาศต่างหาก โดยทางกองทัพมักจะใช้ที่นี่เป็นสถานที่ทดลองอากาศยาน รุ่นใหม่ ๆ ก่อนที่จะออกสู่สายตาสาธารณ
ชน เช่น U-2, A-12, SR-71 และ F-117A นอกจากนี้ยังรวมถึงเครื่องบินรุ่นใหม่ล่าสุด 2 ชนิดคือ เครื่องบินสอดแนมความเร็วสูงที่เรียกว่า
Aurora และเครื่อง B-2 ที่จะมาแทน F-117A ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากใครอยากจะมาดูจริง ๆ ละก็ลองขับรถมาประมาณ 130 ไมล์จากลาสเวกัส ขับตรงมาตรงจุดบอกหลักทางหลวงที่
29.5 บนทางหลวงเนวาดาที่ 375 ที่ นั้นจะมีตู้รับไปรษณีย์เล็ก ๆ ตู้หนึ่งตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว ซึ่งเดิมเป็นของพวกคนเลี้ยงวัวใช้กัน คุณ
สามารถใช้ตู้รับไปรษณีย์นี้เป็นจุดสังเกตเพื่อสอด ส่องดูฐานทัพดังกล่าว ได้ นักสังเกตการณ์ หลายคนเคยมาปักหลักดูสิ่งลึกลับกันอยู่เรื่อย
ๆ แม้ว่าพวกคนเลี้ยงวัวแถวนั้นจะบอกว่าไม่เคยเห็นอะไรเ ลยก็ตาม
อย่างเคย ทางรัฐบาลสหรัฐบอกว่าที่นั่นมักจะมีการซ้อมรบอยู่เรื ่อย ๆ โดยมีการยิงพลุและทำแสงแวบ ๆ อยู่ตลอดบนท้องฟ้า ดังนั้น สิ่งที่
พวกนักสังเกตการณ์ทั้งหลายเห็นและคิดไปต่าง ๆ นานาน่าาจะเป็นการซ้อมรบดังกล่าวมากกว่า ยังมีจุดสังเกตการณ์อีก 2 จุดบนพื้นที่ที่เคย
อนุญาตให้มาเฝ้าจับตากันได้ คือบริเวณใกล้กับแนวเขตไวท์ไซด์ (White Side) กับ ฟรีด้อม ริดจ์ (Freedom Ridge) ผู้คนทั่วไปสามารถมา
คอยจับตาดูความเป็นไปของฐานทัพอา กาศเนลลิสดังกล่าวได้โดยไม่ผิดกฎหมาย แต่อย่างใด แต่กว่า เสียดายที่ 2 จุดดังกล่าวถูกกองทัพ
อากาศสั่งปิดเมื่อเดือนเมษายน ปี 1995 นี้เอง
ยัง…ยังมีอีกจุดที่น่าจะพอเฝ้าดูได้บ้างห่าง ๆ คือบริเวณยอดเขาติคาบู (Tikaboo Peak) จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากมีการทะเร่อทะร่าเข้าไปใน
เขตห่วงห้ามของ Area 51 แน่ นอนที่จะต้องมีพวกกองกำลังรักษาความปลอดภัยคอยลาดตะเ วนอยู่ โดยพวกเขาจะสวมชุดทหารพราน
แต่จะไม่ติดเครื่องหมายแสดงยศแต่อย่างใด และจะขับรถจี๊ปเชโรกีสีขาว พร้อมแผ่นประกาศของรัฐบาล ผู้ละเมิดจะถูกจับกุมทันที่ พร้อมถูก
ปรับอย่างน้อย 600 เหรียญ หรือสองหมื่นสี่พันบาท
นักบินอวกาศชื่อดังของสหรัฐฯ
ซึ่งเคยขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์มาแล้วเผยมนุษย์ต่างดาว
หน้าตาเหมือนอี.ที.มีอยู่จริง
เอ็ดการ์ มิตเชล นักบินอวกาศชาวอเมริกัน ซึ่งโดยสารยานอพอลโล 14 ขึ้นไปบนดวงจันทร์เมื่อปี 1971 กล่าวว่า มนุษย์ต่างดาวจะมีรูปร่าง
เล็ก ศีรษะใหญ่ ตาโต และเป็นมิตรกับมนุษย์
“พวกคุณเคยเห็นภาพถ่ายของมนุษย์ร่างเล็กเหล่านี้ซึ่ง ดูแปลกตามาบ้างแล้ว คนที่เคยเห็นมนุษย์ต่างดาวบอกกับผมว่าพวกเขามีหน้าตา
เหมือนในภาพถ่าย พวกเขาไม่ได้เป็นศัตรูกับมนุษย์ เพราะหากพวกเขาไม่เป็นมิตร ป่านนี้มนุษย์ก็คงไม่เหลือแล้ว” มิตเชลกล่าว
นอกจากนี้มิตเชลยังกล่าวด้วยว่า ปรากฎการณ์วัตถุลึกลับบนท้องฟ้า (ยูเอฟโอ) ที่มีผู้พบเห็นล้วนเป็นเรื่องจริงเช่นกัน ซึ่งเขารู้เรื่องนี้มาจาก
องค์การบริหารการบินและอวกา ศแห่งชาติของสหรัฐฯ (นาซา) ที่เขาทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์อยู่ในปัจจุบัน
“ปรากฎการณ์ดังกล่าวถูกรัฐบาลประเทศต่างๆ ปิดเป็นความลับมานานกว่า 60 ปี ก่อนที่จะค่อยๆ ถูกเปิดเผยทีละนิดหลังจากมีคนเห็นยูเอ
ฟโอบนท้องฟ้า” เจ้าของสถิติมนุษย์อวกาศที่เดินบนดวงจันทร์เป็นเวลาน านมากที่สุดถึง 9 ชั่วโมง 17 นาทีกล่าว
อย่างไรก็ตามองค์การนาซาได้ออกมาระบุว่า มิตเชลเป็นชาวอเมริกันที่ยิ่งใหญ่ แต่นาซาไม่ได้มีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นดังกล่าว
"แอเรีย 51" (Area 51) เป็นชื่อที่คุ้นหูชาวอเมริกันและชาวโลกมานานร่วม 50 ปี ในแง่มุมหนึ่ง เป็นพื้นที่ลับสุดยอด ซึ่งลัทธิบูชาต่างดาว
เชื่อว่า กองทัพและรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ใช้เป็นสถานที่ควบคุมและเก็บมนุษย์ต่างดาว รวมถึงยานต่างดาว (ยูเอฟโอ) ที่เดินทางมายังพื้น
โลก
แต่ด้วยข้อมูลใหม่ๆ และภาพถ่ายดาวเทียมที่พัฒนาก้าวหน้าไปอย่างมากแสดงให ้เห็นเรื่องราวอีกมุม ว่า แอเรีย 51 แห่งนี้ หรือที่เจ้าหน้าที่
สหรัฐเรียกว่า "กรูม เลก" (Groom Lake) นั้น แท้จริงแล้วก็คือ ฐานทัพอากาศลับสุดยอด ที่กองทัพอากาศสหรัฐและบริษัทเอกชน เช่น ล็อก
ฮีดมาร์ติน และนอร์ธทร็อป กรัมแมน ใช้เป็นเขตวิจัย พัฒนา และทดสอบ "เครื่องบินรบ" ที่มีความทันสมัยและมีพลานุภาพร้ายแรงที่สุดใน
โลก
แอเรีย 51 ตั้งอยู่ในเขตลินคอล์น เคาน์ตี้ ทางตอนใต้รัฐเนวาดา มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 155 กิโลเมตร ท่ามกลางการอารักขาอย่างเข้มข้น
ฐานทัพลับแห่งนี้ มีเรดาร์คอยตรวจตราผู้บุกรุกตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นแม้แต่เครื่องบินจากหน่วยอื่นๆ ของกองทัพสหรัฐ ถ้าพบผู้บุกรุกน่าน
ฟ้า จะส่งเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธหนักเข้าสกัดทันที
ด้วยความที่ข้อมูลแอเรีย 51 ถูกปิดเป็นความลับ ทำให้ตกเป็นเป้าของทฤษฎีสมคบคิดมากมายว่า แอเรีย 51 คือ จุดที่รัฐบาลสหรัฐนำยูเอ
ฟโอ มาชำแหละตรวจวิเคราะห์ เพื่อสร้างอากาศยานรุ่นใหม่ขึ้นมาใช้
นอกจากนั้น ยังเป็นจุดที่รัฐบาลสหรัฐใช้ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว และเป็นสถานที่ที่สำนักงานบริหารการบินและอวกาศสหรัฐ (นาซ่า) ใช้
สร้างฉากลวงโลก ถ่ายทอดสดนาทีเหยียบดวงจันทร์ของ "นีล อาร์มสตรอง" เมื่อปี 2512
อย่างไรก็ตาม ในรอบ 40-50 ปีที่ผ่านมา ข้อมูลใหม่ๆ เริ่มเปิดเผยสู่สาธารณะ หน้าที่ของแอเรีย 51 ก็คือ ฐานพัฒนาสุดยอดเครื่องบินรบรุ่น
ใหม่ และอาจมีฐานปฏิบัติการใต้ดินซ่อนอยู่ด้วย
เครื่องบินไฮเทคจากฐานแอเรีย 51 ซึ่งสร้างชื่อโด่งดังไปทั่วโลก ได้แก่ เครื่อบินจารกรรม "ยูทู" (the U-2 Spyplane) ที่มีเพดานบินสูงที่สุด
ในโลก กับ เครื่องบินลาดตระเวนทางยุทธศาสตร์ความเร็วเหนือเสียง "เอสอาร์-71 แบล๊กเบิร์ด" (the SR-71 Blackbird) โดยเครื่องบินรบ
ทั้ง 2 รุ่นมีบทบาทสูงสมัย "สงครามเย็น" ซึ่งสหรัฐทำสงครามทั้งบนดิน-ใต้ดินกับสหภาพโซเวียต
ต่อมาในช่วงสงครามอ่าว เปอร์เซีย สหรัฐบุกโจมตีอิรักครั้งแรกเมื่อ 15 ปีก่อน โลกก็ได้เห็นพลานุภาพเครื่องบินจู่โจมล่องหน "เอฟ-117 :
สเตลธ์" (the F-117 Nighthawk) ซึ่งพัฒนาอยู่ในฐานแอเรีย 51 เป็นครั้งแรก
นอกจากนี้ คาดว่าบรรดาเครื่องบินจู่โจมอัตโนมัติรุ่นต่างๆ ก็มีต้นกำเนิดจากแอเรีย 51 เช่นกัน
บิลล์ สวีตแมน ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีอากาศยาน-ยานอวกาศระดับแถวหน้าของสหรัฐ มีผลงานเขียนหนังสือกว่า 30 เล่ม เขียนบทความ
เกี่ยวกับแอเรีย 51 ในนิตยสารวิทยาศาสตร์ "พ็อพพิวลาร์ ไซน์" ฉบับล่าสุดเดือนกันยายน ว่า
นับตั้งแต่สเตลธ์ เอฟ-117 เปิดตัวสู่สาธารณะก็มีต้นแบบอากาศยานไฮเทคหลุดออกมาใ ห้โลกรู้เพียง 3 ลำ ประกอบด้วย เครื่องสเตลธ์
แบบไร้นักบิน รุ่น "โพลแคท" (Lockheed Polecat), เครื่องสเตลธ์ที่เปลี่ยนพื้นผิวให้กลมกลืนกับสภาพแวด ล้อม รุ่น "เบิร์ด ออฟ เพรย์"
(Boeing Bird of Prey) และเครื่องบินลาดตระเวน "แทซิท บลู" (Northrop Grumman Tacit Blue)
Boeing Bird of Prey
แต่เมื่อวิเคราะห์จาก "ภาพถ่ายดาวเทียม" ล่าสุดพบบริเวณฐานแอเรีย 51 มีสิ่งปลูกสร้างใหม่เกิดขึ้นหลายประเภท ทั้งรันเวย์ โรงเก็บเครื่อง
บิน และอาคารปฏิบัติการ นั่นหมายความว่า กองทัพสหรัฐยังคงซุ่มวิจัยเครื่องบินรบใหม่อย่างต่อเ นื่อง
Northrop Grumman Tacit Blue
เมื่อประมวลจากข้อมูลใน มือและดูจากรายละเอียดการจดลิ ขสิทธิ์เทคโนโลยีการบิน สวีตแมนวิเคราะห์ว่า ขณะนี้แอเรีย 51 กำลังทดสอบ
เครื่องบินรบทั้ง 4 รุ่นนี้อย่างขะมักเขม้นและปิดเป็นความลับสุดยอด
1. เครื่องบินปฏิบัติการพิเศษ "Special-Ops Infiltrator" เป็นเครื่องบินขนส่งทหารหน่วยรบพิเศษที่บินขึ้น-ลงในแนวดิ่งได้ ติดตั้งเครื่อง
ยนต์เจ็ต 6 เครื่อง
Special-Ops Infiltrator
2. เครื่องบินลาดตระเวนไร้นักบิน "Recon Platform" บินต่อเนื่องได้นานเป็นวันๆ หรือตลอดหลายสัปดาห์ เพราะใช้แสงอาทิตย์เป็นแหล่ง
กำเนิดพลังงานไฟฟ้า
Recon Platform
3. เครื่องบินจู่โจมล่องหน "Invisible Fighter" เป็นสเตลธ์รุ่นใหม่ทำงานอัตโนมัติ ไม่ต้องมีนักบิน มีระบบฉายแสงเพื่อปรับเปลี่ยนลำตัว
เครื่องบินให้กลมก ลืนกับสภาพแวดล้อม
Invisible Fighter
4. เครื่องบินจู่โจมความเร็วเหนือเสียง ระดับ "มัค 6" "On-Time Delivery" ซึ่งเชื่อว่าใช้งบประมาณจำนวนมาก
On-Time Delivery
การเดินหน้าโครงการอาวุธลับในแอเรีย 51 เป็นเหมือนสัญญาณชี้ว่า
สหรัฐจะไม่ยอมให้ชาติอื่นขึ้นมาเทียบรัศมีมหาอำนาจ
อันดับ 1 ของโลกได้ง่ายๆ!
อันดับ 1 ของโลกได้ง่ายๆ!
อาจจะยาวไปหน่อย แต่สาระดี อ่านแล้วเพลินคับ โพสครั้งแรกถ้าไม่ดียังไงขอโทดด้วย..
ที่มา : http://bbs.asiasoft.co.th/showthread.php?t=300665
ปล. โปรดใช้วิจารณญาณ
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
100 VOTES (4/5 จาก 25 คน)