บอย ภิษณุ เปิดใจขายบ้านหรู 70 ล้าน ลดขนาดชีวิตเพื่อครอบครัว ในวันที่เศรษฐกิจไม่ปรานีใคร

เมื่อครู่นี้ ผู้เขียนได้อ่านข่าวหนึ่งซึ่งสะท้อนภาพความเป็นจริงของสังคมไทยในห้วงเวลาที่เศรษฐกิจยังคงซบเซา และส่งแรงกระเพื่อมไปถึงทุกภาคส่วน รวมถึงวงการบันเทิงที่หลายคนอาจมองว่า “มั่นคง” กว่าคนทั่วไป หากแท้จริงแล้วก็หนีไม่พ้นความผันผวนเช่นเดียวกัน

กรณีดังกล่าวคือการที่ บอย ภิษณุ นักแสดงและพิธีกรชื่อดัง ออกมาโพสต์ประกาศขายบ้านพักอาศัยหลังงาม ซึ่งเจ้าตัวยอมรับมาโดยตลอดว่าเป็นบ้านที่รักและผูกพันอย่างยิ่ง แต่ในที่สุดก็จำเป็นต้องตัดสินใจปล่อยออกสู่ตลาด เพื่อปรับขนาดการใช้ชีวิตให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและภาระครอบครัวในปัจจุบัน

จากโพสต์ในโซเชียลมีเดีย บอย ภิษณุ ได้แจ้งรายละเอียดของบ้านอย่างชัดเจน ระบุว่าเป็นบ้านพักอาศัยเนื้อที่ 268 ตารางวา ตั้งอยู่ในซอยโพธิ์แก้ว ซึ่งสามารถเข้าออกได้หลายเส้นทาง ทั้งถนนนวมินทร์ ลาดพร้าวซอย 101 และถนนเลียบทางด่วนเอกมัย–รามอินทรา ตัวซอยมีลักษณะเงียบสงบ เนื่องจากเป็นซอยตัน รถไม่พลุกพล่าน

บ้านหลังดังกล่าวประกอบด้วยบ้าน 2 หลังในเนื้อที่เดียวกัน มีห้องนอนรวม 5 ห้องนอน สามารถจอดรถได้ถึง 4 คัน โดยเจ้าตัวตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ 70 ล้านบาท พร้อมระบุอย่างตรงไปตรงมาว่า การขายครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากดราม่าหรือความจำเป็นฉุกเฉินใด ๆ แต่เป็นการ “ปรับตามความเหมาะสมของชีวิตในปัจจุบัน” และตั้งใจจะย้ายไปอยู่อาศัยในบ้านหลังเล็กลง

ข้อความตอนหนึ่งจากเจ้าตัวที่สะท้อนความคิดของผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวได้อย่างชัดเจน คือการย้ำว่า หากวันหนึ่งสถานการณ์เลวร้ายจริง ๆ เขาพร้อมจะขายทรัพย์สินทุกอย่างเพื่อดูแลครอบครัว ส่งลูกเรียนให้จบ และประคับประคองชีวิตให้เดินต่อไปได้อย่างมั่นคง

ภายหลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ได้มีเพื่อนพ้องในวงการบันเทิงและประชาชนทั่วไปเข้ามาแสดงความเห็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นไปในทิศทางของการให้กำลังใจ ชื่นชมในความกล้าตัดสินใจ และกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่สวย ทำเลดี และผู้ใดได้ไปครอบครองต่อย่อมถือว่าเป็นผู้โชคดี

เหตุการณ์นี้อาจไม่ใช่เพียงข่าวการขายบ้านของดาราคนหนึ่ง แต่เป็นภาพสะท้อนของความจริงในสังคมปัจจุบัน ที่แม้ผู้มีชื่อเสียงก็ยังต้องรู้จัก “ถอยหนึ่งก้าว” เพื่อรักษาความมั่นคงของครอบครัวในระยะยาว เป็นการเลือกความพอดี มากกว่าการยึดติดกับภาพลักษณ์หรือความหรูหรา

ในวันที่เศรษฐกิจไม่ปรานีใคร การยอมปรับตัว อาจไม่ใช่ความอ่อนแอ หากแต่คือความเข้มแข็งในแบบของคนที่มองเห็นคุณค่าของชีวิตมากกว่าวัตถุ

ที่มา : boy_pisanu