ไม่ศักดิ์สิทธิ์อีกแล้ว
ผมเขียนบทความนี้ ณ ตอนนี้ปี 2565 ผมมองว่ามีอยู่ 3 เรื่องที่ไม่ศักดิ์สิทธิ์อีกแล้ว
เรื่องแรกคือการรับปริญญา
สมัยที่ผมเรียนอยู่ชั้นประถม พวกเราทุกคนมองว่าการได้เข้าพิธีรับปริญญาคือที่สุดของการศึกษา ขอให้จบปริญญาตรีสักทีจะได้ออกไปหางานทำ มีเงินเดือน จะได้ไม่ต้องเบื่อสาละวนกับการเรียนที่ไม่ค่อยจะรู้เรื่องและไม่เห็นผลตอบแทนแบบนี้
แต่พอมาถึงเวลารับปริญญาจริงๆ ผมกลับรู้สึกไม่ภาคภูมิใจอะไรเลย ไม่ภูมิใจตัวเองที่อุตส่าห์เรียนจบมา เพราะผมก็ยังหางานทำไม่ได้อย่างที่ต้องการ ยังทำงานที่ใช้วุฒิที่ต่ำกว่าปริญญาตรี ยังมีชีวิตที่ยากลำบาก แต่ระหว่างที่จะเข้ารับปริญญานั้น ทั้งค่าหอพักเพื่อเตรียมซ้อมรับปริญญา ค่าชุดครุย และอีกสารพัดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทำให้ผมล้มเลิกความตั้งใจจะเข้าพิธี
มันอาจจะสนุกที่ได้เจอเพื่อนร่วมรุ่นเป็นครั้งสุดท้าย แต่ผมกลับไม่รู้สึกอะไรเลย วางเฉยกับทุกสิ่ง เป็นกังวลกับเรื่องฐานะชีวิตของตัวเองเป็นหลักมากกว่า
ผมเชื่อว่าหลายคนคงรู้สึกคล้ายๆกัน เพราะเริ่มมีข่าวจากหลายสถาบันว่าเด็กรุ่นใหม่เริ่มไม่อยากเข้าพิธีรับปริญญา ส่วนหนึ่งจากปัญหาการว่างงานในระดับปริญญาตรีนั้นสูงขึ้นกว่าเดิมมาก ส่วนอีกสาเหตุมาจากทัศนคติเกี่ยวกับการปกครองแผ่นดิน อีกส่วนหนึ่งเกิดจากการเลื่อนรับปริญญาอย่างไม่มีกำหนดด้วยเหตุผลของโควิด 19
การรับปริญญาไม่ศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไปแล้ว เพราะปริญญาไม่สามารถรับประกันถึงการมีงานทำเหมือนที่เคยเป็นมาในอดีต
เรื่องที่สอง คือ การแต่งงาน
การแต่งงานเป็นความฝันของสตรีหลายๆคน และเป็นความภาคภูมิใจของผู้ชายที่ประกาศให้สังคมรับรู้คนรักที่แท้จริง แต่การแต่งงานไม่ศักดิ์สิทธิ์อีกแล้ว เหตุเพราะเรามีมุมมองใหม่ในการครองเรือน ชายหญิงที่ชอบพอ รักใคร่กันก็สามารถตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันได้ทันทีเลย กาลเวลาจะตัดสินเองว่าเรามีความสุขในการใช้ชีวิตคู่มั้ย ถ้าไม่ ก็แยกทางกันได้เลย แต่ถ้ามีความสุขดี จะแต่งงานหรือแค่จดทะเบียนสมรสเฉยๆก็ย่อมได้
การแต่งงานมีค่าใช้จ่าย อีกทั้งความรักเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน สองตระกูล ขอแค่คุยกันรู้เรื่อง รักกันจริงๆ ถ้าจะจดทะเบียนสมรสก็เพียงเพื่อประโยชน์ด้านสิทธิสวัสดิการ ทั้งหมดนี้ก็นับว่ายอมรับได้
ดังนั้นการแต่งงานนั้นแทบไม่มีความจำเป็นเลย ถ้าไม่มีสิทธิสวัสดิการจากตำแหน่งข้าราชการ
การแต่งงานจึงไม่ศักดิ์สิทธิ์เหมือนอย่างที่คนสมัยก่อนเคยเชื่อ เพราะการแต่งงานไม่ใช่หลักประกันของความรักที่ยืนยาว
เรื่องที่สาม คือ เรื่องศาสนาและการให้ผลของกรรม
เมื่อสังคมโซเชียลมองว่าการให้ผลของกรรมนั้นไม่ยุติธรรม เนื่องจากคนที่โกงกิน ทำร้ายและเบียดเบียนคนอื่นมากมายกลับได้ดิบได้ดี ในขณะที่คนดี คนที่สังคมให้ความรักกลับไม่ได้รับความเป็นธรรม
สำหรับคนที่เบียดเบียนคนอื่นแล้วได้ดี อาจเป็นเพราะบุญเก่าของเขาให้ผลในปัจจุบัน และเราก็เห็นคนโกงเป็นแบบนี้กันค่อนข้างมาก ในขณะที่เราทำอาชีพสุจริต หมั่นลงมือทำ หาความรู้เพื่อเพิ่มรายได้ก็กลับไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายและเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น
ผู้คนเริ่มพากันน้อยใจในโชคชะตา น้อยใจในบุญบาปและมองว่าเราอาจถูกศาสนาหลอกมาตั้งแต่เด็ก เพื่อทำให้ง่ายต่อการปกครอง ง่ายต่อการล่อลวงให้เชื่อในสิ่งที่ไม่อาจพิสูจน์ได้ นี่จึงทำให้คนรุ่นใหม่ประกาศตนว่าเป็นคนไม่มีศาสนา
แต่ผมมองว่าชีวิตคนเรามีความซับซ้อน และการให้ผลของกรรมก็ซับซ้อนเช่นกันด้วย โดยธรรมชาติมักจะทำให้คนเข้าใจว่าบาปบุญไม่มีอยู่จริง แต่ถ้ามองในชีวิตจริง ชีวิตคนเรามีอยู่หลายสิ่งที่หาเหตุผลไม่ได้เหมือนกัน เราน่าจะได้ครอบครอง แต่ก็มีเหตุให้ไม่อาจสมหวังได้ คนอื่นอาจมองว่ามันมีเหตุปัจจัยร้อยแปดประการที่ทำให้อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เรื่องของบาปหรือบุญ เราต้องลงมือทำให้เกิดด้วยตัวเอง....
นั่นก็จริง แต่ส่วนหนึ่งผมก็เชื่อว่ามีเรื่องของบาปบุญหนุนอยู่เบื้องหลังด้วย
ไม่แน่ในอนาคตข้างหน้าบุญอาจเป็นปัจจัยที่ช่วยให้เรามีความคิดที่ดี มีแนวคิดที่ถูกต้อง แล้วสามารถผลักดันให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างที่ต้องการก็ได้
แต่อย่างไรก็ตาม หากการให้ผลของกรรมยังเป็นอจินไตย หาสาเหตุของการเกิด การให้ผลไม่ได้ เราก็อาจเห็นคนประกาศตนว่าไม่มีศาสนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผมเข้าใจและไม่โกรธเคืองแต่อย่างใด เราทำดีจากจิตใต้สำนึกได้ ถ้าเรายังมีความเห็นใจ มีความเมตตาอยู่ลึกๆในใจ
ปล.ผมยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่ากรรมมีอยู่ แล้วต้นเหตุของกรรมก่อนหน้านั้นเกิดจากอะไร สภาพชีวิตของชาตินี้เกิดจากผลกรรมของชาติที่แล้ว สภาพชีวิตของชาติที่แล้วเกิดจากผลกรรมของชาติก่อนหน้านั้นไปเรื่อยๆ...
แล้วแบบนี้ ต้นเหตุของกรรมจริงๆมันจะมาจากไหน เหมือนไก่กับไข่ อะไรเกิดก่อนกัน มันหาสาเหตุไม่ได้
แต่ถ้ามองว่าโลกนี้ไม่มีผลของกรรม เราเกิดมาเองจากความรักของพ่อแม่ เรามีชีวิตตามความคิด ตามอย่างที่เราทำ ส่วนอุปสรรคหรือเหตุปัจจัยต่างๆนั้น เกิดขึ้นจากความน่าจะเป็น
นี่แหละคือเหตุผลที่ผมยอมรับและเข้าใจคนที่ไม่ศรัทธาในศาสนา
"ซินแสดัง" เผยดวงเมืองประเทศไทย ปี 2569..ยิ่งรบ ยิ่งแข็งแกร่ง ศัตรูแพ้ราบคาบ
วิเคราะห์หวยงวดวันที่ 2 มกราคม 69 โดยใช้ AI..เลขไหนมีสิทธิ์ถูกรางวัล
ทัพภาค 2 จัดหนัก งัดจรวดไทย DTI-1G รับใช้ชาติ ถล่ม BM-21 เขมรให้กระจาย
เขมรวิเคราห์ "จุดอ่อนของ T-50TH คืออะไร?"
"ทัพฟ้าไทย" ยืดอกรับ ส่งฝูงบินถล่มคลังแสงพระตะบอง ลั่น "เราไม่ได้เริ่มก่อน" แต่ต้องทำเพื่อปกป้องประชาชน
AI วิเคราะห์เลขท้าย 2 ตัว งวดวันที่ 2 มกราคม 69..โดยใช้สถิติย้อนหลัง 20 ปี
10 พรรณไม้สวยพิษร้าย: ความงดงามที่ต้องแลกด้วยอันตรายถึงชีวิต
สาวปริศนาปล่อยอึในร้านมินิมาร์ท พนง.เก็บกวาดปล่อยโฮ เพราะต้องตามเช็ด (เหตุเกิดที่ไทย)
เซียนหวยคึกคัก ม้าสีหมอกปล่อยแนวทางเลขเด็ด งวด 2 มกราคม 2568
เปิดข้อตกลงหยุดยิง GBC 27 ธค. 68
📜 ภาพเก่าประวัติศาสตร์ “พระตะบอง” จากแผ่นดินสยาม สู่ความทรงจำ
เผยข้อเสนอหยุดยิงในการประชุม GBC พอเขมรรู้ถึงกับโวยวาย
'โป๊ปโจน' พระสันตะปาปาหญิงสุดลึกลับในตำนานแห่งกรุงโรม
RIP นะเจ้าเเมลง ARS ญี่ปุ่น จัดพิธีไว้อาลัยให้กับแมลงประจำปี 2025
📜 ภาพเก่าประวัติศาสตร์ “พระตะบอง” จากแผ่นดินสยาม สู่ความทรงจำ



