แผลเป็นที่ปาก รักษายังไงดี รวมวิธีลดรอยแผลเป็นให้จางลง
แผลเป็นที่ปาก รักษายังไงดี รวมวิธีลดรอยแผลเป็นให้จางลง
แผลเป็นที่ปากถือเป็นปัญหาผิวที่หลายคนเจอได้บ่อย โดยเฉพาะผู้ที่เคยมีบาดแผล บาดเจ็บ หรือแม้แต่สิวบริเวณรอบริมฝีปาก หลังจากแผลหายแล้วอาจทิ้งรอยหรือผิวไม่เรียบ ทำให้เกิดแผลเป็น ซึ่งแม้จะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่กลับส่งผลต่อความมั่นใจ เพราะบริเวณปากเป็นจุดเด่นของใบหน้า มักมองเห็นได้ง่ายเมื่อพูดหรือยิ้ม
ริมฝีปากเป็นอวัยวะที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ทั้งตอนพูด กิน หรือแสดงอารมณ์ จึงทำให้แผลที่บริเวณนี้สมานได้ช้ากว่าจุดอื่น ๆ และมีโอกาสเกิดแผลเป็นได้ง่ายกว่า การเข้าใจลักษณะและสาเหตุของแผลเป็นที่ปากจะช่วยให้สามารถเลือกวิธีดูแลรักษาได้อย่างเหมาะสมตั้งแต่ต้น
ลักษณะของแผลเป็นที่ปาก
แผลเป็นที่ปากไม่ได้มีแบบเดียว แต่สามารถแบ่งออกเป็นหลายชนิดตามลักษณะของการสมานแผลและการสร้างคอลลาเจนในผิว ดังนี้
1.แผลเป็นนูน (Hypertrophic scar) รอยแผลจะนูนขึ้นจากผิวเล็กน้อย สีชมพูหรือแดง เกิดจากร่างกายสร้างคอลลาเจนมากเกินไปในช่วงที่แผลกำลังหาย แม้จะจางลงตามเวลาแต่ก็มักยังคงเห็นเป็นรอยนูนอยู่
2.คีลอยด์ (Keloid) คล้ายแผลนูนแต่จะหนาและขยายออกนอกขอบแผลเดิม มักมีอาการคันหรือเจ็บร่วมด้วย และมีแนวโน้มเกิดซ้ำ โดยเฉพาะผู้ที่มีพันธุกรรมไวต่อการเกิดคีลอยด์
3.แผลเป็นบุ๋ม (Atrophic scar) เป็นรอยยุบต่ำกว่าผิวรอบ ๆ มักเกิดจากสิวอักเสบรุนแรง หรือแผลที่ลึกจนผิวสร้างคอลลาเจนขึ้นมาทดแทนไม่เพียงพอ
4.รอยดำหรือรอยแดงหลังแผล (Post-inflammatory hyperpigmentation) ไม่ใช่แผลเป็นถาวร แต่เกิดจากการอักเสบหลังแผลหาย ทำให้ผิวบริเวณนั้นคล้ำหรือแดงกว่าปกติ ซึ่งอาจจางได้เมื่อเวลาผ่านไป
สาเหตุของแผลเป็นที่ปาก
แผลเป็นที่ปากเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากอุบัติเหตุ พฤติกรรม หรือการติดเชื้อ โดยสาเหตุหลัก ๆ ได้แก่
1.บาดเจ็บหรืออุบัติเหตุ การหกล้ม การถูกของมีคมบาด หรือถูกสัตว์กัด ทำให้เกิดบาดแผลลึกบริเวณปาก ซึ่งเมื่อแผลสมานตัวไม่ดีอาจทิ้งรอยไว้
2.การผ่าตัดหรือทำหัตถการบริเวณริมฝีปาก เช่น การทำศัลยกรรมตกแต่งปาก หากมีการดึงรั้งของแผลมาก หรือเกิดการติดเชื้อหลังผ่าตัด ก็อาจเกิดแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์ได้
3.การติดเชื้อ เช่น เริม หรือเชื้อแบคทีเรีย เริมที่ริมฝีปากทำให้เกิดตุ่มน้ำแตกแล้วทิ้งรอยไว้ หรือแผลติดเชื้อแบคทีเรียจนหายช้าและกลายเป็นรอยแผลถาวร
4.สิวอักเสบหรือการอักเสบรอบปาก เมื่อสิวอักเสบถูกแกะหรือกดออก อาจทำให้ผิวชั้นลึกเสียหายจนกลายเป็นแผลบุ๋มหรือรอยดำ
5.การดูแลแผลไม่ถูกวิธี การแกะสะเก็ด การใช้ยาหรือครีมแรงเกินไป หรือปล่อยให้แผลแห้งแตก ล้วนทำให้แผลหายช้าและเกิดรอยมากขึ้น
6.พันธุกรรมและสุขภาพร่างกาย คนที่มีแนวโน้มเกิดคีลอยด์ง่าย หรือมีโรคประจำตัวอย่างเบาหวาน ซึ่งทำให้แผลสมานช้า ก็เสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นมากกว่า
7.การถูกความร้อนหรือสารเคมี น้ำร้อนลวกหรือสารเคมีรุนแรงที่โดนริมฝีปากอาจทำให้ผิวไหม้จนเกิดรอยแผลถาวร
ปัจจัยที่ทำให้แผลเป็นที่ปากเห็นชัดหรือหายช้า
แม้สาเหตุจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดรอยแผลเป็นที่ปาก เช่น
• การดูแลแผลไม่สะอาดหรือปล่อยให้ติดเชื้อ
• การขยับปากบ่อยเกินไป ทำให้แผลถูกดึงรั้ง
• พันธุกรรมที่ทำให้สร้างคอลลาเจนมากเกิน
• อายุ (วัยรุ่นแผลหายไวแต่เกิดคีลอยด์ง่าย ส่วนผู้สูงอายุแผลหายช้า)
• โรคประจำตัวหรือภาวะขาดสารอาหาร
• การสัมผัสแดดบ่อยโดยไม่ป้องกัน
เมื่อเข้าใจปัจจัยเหล่านี้ ก็จะสามารถปรับพฤติกรรมและเลือกวิธีรักษาให้เหมาะสมได้มากขึ้น
แผลเป็นที่ปากส่งผลอย่างไรบ้าง
• แผลเป็นที่ปากส่งผลด้านความสวยงามและความมั่นใจ รอยแผลที่เห็นชัดบริเวณริมฝีปากมักทำให้หลายคนไม่มั่นใจ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องพบปะผู้คนหรือต้องใช้บุคลิกภาพในการทำงาน
• แผลเป็นที่ปากส่งผลกระทบต่อการพูดและการออกเสียง แผลที่แข็งหรือดึงรั้งริมฝีปากอาจทำให้พูดไม่ชัด โดยเฉพาะเสียงที่ต้องใช้การประกบริมฝีปาก เช่น พ, บ, ม
• แผลเป็นที่ปากส่งผลกระทบต่อการกินหรือเคี้ยวอาหาร หากแผลหนาหรือแข็งเกินไป อาจทำให้ปากเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวก รู้สึกเจ็บเวลารับประทานอาหาร
• แผลเป็นที่ปากส่งผลให้เกิดความระคายเคืองหรืออาการคัน แผลนูนหรือคีลอยด์อาจมีอาการคัน เจ็บ หรือรู้สึกตึงอยู่ตลอดเวลา
• แผลเป็นที่ปากส่งผลผลกระทบทางจิตใจ ผู้ที่มีแผลเป็นที่เห็นชัดอาจรู้สึกไม่มั่นใจ หลีกเลี่ยงการเข้าสังคม หรือเกิดความเครียดสะสมได้
วิธีรักษาแผลเป็นที่ปากให้จางลง
การรักษาแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ การดูแลรักษาแผลเป็นที่ปากด้วยตัวเอง และ การรักษาแผลเป็นที่ปากด้วยวิธีทางการแพทย์ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.การดูแลรักษาแผลเป็นที่ปาด้วยตัวเอง
วิธีนี้เหมาะกับรอยแผลเป็นที่ปากใหม่ หรือรอยที่ยังไม่ลึกมาก การดูแลแผลเป็นที่ปากตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้รอยจางลงได้เร็วขึ้น
• ทำความสะอาดแผลอย่างอ่อนโยน ใช้น้ำสะอาดหรือน้ำเกลือล้างวันละ 2–3 ครั้ง หลีกเลี่ยงสบู่แรง ๆ แล้วซับเบา ๆ ให้แห้ง
• บำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ ทาลิปบาล์มหรือครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินอี เชียบัตเตอร์ หรือใบบัวบก เพื่อช่วยให้ผิวสมานได้ดี
• นวดเบา ๆ บริเวณรอยแผล เมื่อตกสะเก็ดและแผลปิดสนิทแล้ว ใช้นิ้วนวดเป็นวงกลมเบา ๆ วันละ 2–3 นาที ช่วยให้พังผืดนุ่มและรอยนูนแบนลง
• ใช้เจลหรือแผ่นซิลิโคนลดรอยแผลเป็น เป็นวิธีมาตรฐานที่ช่วยลดรอยนูนและป้องกันคีลอยด์ ควรใช้ต่อเนื่องอย่างน้อย 2–3 เดือน
• ทาครีมหรือเจลลดรอยแผล เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากหัวหอม วิตามินอี หรือใบบัวบก จะช่วยให้รอยดูจางและสีผิวสม่ำเสมอขึ้น
• ป้องกันแสงแดด ใช้ลิปบาล์มหรือครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป เพื่อป้องกันรอยดำเข้มขึ้นจากรังสียูวี
• หลีกเลี่ยงการแกะหรือสัมผัสแผล การแกะสะเก็ดหรือเกาอาจทำให้แผลลึกกว่าเดิมและเกิดรอยถาวรได้
2.การรักษาแผลเป็นที่ปากด้วยวิธีทางการแพทย์
หากรอยแผลเป็นที่ปากมีลักษณะนูน คีลอยด์ หรือยุบตัวชัดเจน ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อประเมินและเลือกวิธีที่เหมาะสม เช่น
• การฉีดสเตียรอยด์ ช่วยลดการอักเสบและยับยั้งการสร้างคอลลาเจนเกิน เหมาะสำหรับแผลนูนและคีลอยด์ มักต้องฉีดทุก 4–6 สัปดาห์ ต่อเนื่อง 3–6 ครั้ง
• เลเซอร์รักษาแผลเป็น ใช้พลังงานแสงช่วยปรับสภาพผิว ลดรอยแดง รอยนูน และกระตุ้นคอลลาเจน เช่น
- Fractional CO2 Laser เหมาะกับรอยบุ๋มหรือรอยนูน
- Pulsed Dye Laser (PDL) เหมาะกับรอยแดงจากแผลใหม่
• การฉีดฟิลเลอร์หรือสารกระตุ้นคอลลาเจน ใช้เติมเต็มรอยบุ๋มให้เรียบเนียน เหมาะกับผู้ที่มีแผลยุบลึก
• การผ่าตัดแก้ไขรอยแผลเป็น สำหรับรอยขนาดใหญ่หรือแผลดึงรั้งริมฝีปาก แพทย์อาจตัดเย็บใหม่ให้เรียบขึ้น และอาจใช้เลเซอร์หรือฉีดเสริมภายหลัง
• การลอกผิวด้วยกรดผลไม้ (Chemical Peeling) ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดรอยดำ เหมาะกับรอยแผลตื้นหรือรอยแดงจาง ๆ
• การใช้คลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency) กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้รอยแผลเรียบขึ้นและผิวดูเนียนสม่ำเสมอ
คำแนะนำการเตรียมตัวก่อนลดแผลเป็นที่ปาก
• ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินชนิดของแผลและเลือกวิธีที่เหมาะสม
• แจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว หรือการแพ้ยา
• งดใช้ครีมผลัดเซลล์หรือยารักษาสิวก่อนเลเซอร์ประมาณ 3–5 วัน
• หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และพักผ่อนให้เพียงพอ
• หากจะทำเลเซอร์ ควรงดแดดจัดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนวันทำ
คำแนะนำการดูแลหลังลดแผลเป็นที่ปาก
• ทำความสะอาดแผลเบา ๆ ด้วยน้ำเกลือ หลีกเลี่ยงสบู่รุนแรง
• ทาครีมกันแดดบริเวณรอบปากทุกวัน
• หลีกเลี่ยงการแกะเกา และงดแต่งหน้าในช่วง 3–5 วันแรก
• ประคบเย็นเพื่อลดบวมหลังฉีดหรือเลเซอร์
• รับประทานอาหารที่มีโปรตีนและวิตามินซีสูง เพื่อช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดแผลเป็นที่ปาก
• ล้างแผลให้สะอาดและซับเบา ๆ ทุกครั้ง
• ทาครีมบำรุงหรือวาสลีนเพื่อคงความชุ่มชื้น
• หลีกเลี่ยงการแกะสะเก็ดหรือเกา
• ใช้ยาฆ่าเชื้อเมื่อเกิดบาดแผล
• ป้องกันแสงแดดด้วยลิปบาล์ม SPF 30 ขึ้นไป
• กินอาหารที่มีโปรตีน วิตามินซี และสังกะสี
• งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
• พบแพทย์หากแผลมีอาการอักเสบ บวม หรือเจ็บมากผิดปกติ
บทสรุป แผลเป็นที่ปาก
สรุป แผลเป็นที่ปากอาจดูเหมือนเรื่องเล็ก แต่สามารถกระทบทั้งความสวยงามและความมั่นใจได้มาก การดูแลแผลตั้งแต่เริ่มต้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการรักษาความสะอาด การหลีกเลี่ยงการแกะเกา หรือการปกป้องผิวจากแสงแดด หากรอยแผลไม่จางลงภายในไม่กี่เดือน ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม เช่น เลเซอร์ ฉีดสเตียรอยด์ หรือฟิลเลอร์
ด้วยการดูแลที่ถูกวิธีและต่อเนื่อง แผลเป็นที่ปากสามารถจางลงได้จนแทบมองไม่เห็น ช่วยให้ริมฝีปากกลับมาเรียบเนียนและเพิ่มความมั่นใจได้อีกครั้ง
ปิดตำนานรถ EV ราคาถูก ทิ้งลูกค้า, ดีลเลอร์ หอบเงินจากภาครัฐฯ กลับจีนหน้าตาเฉย
วิเคราะห์หวยงวดวันที่ 2 มกราคม 69 โดยใช้ AI..เลขไหนมีสิทธิ์ถูกรางวัล
เขมรวิเคราห์ "จุดอ่อนของ T-50TH คืออะไร?"
เจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์
10 พรรณไม้สวยพิษร้าย: ความงดงามที่ต้องแลกด้วยอันตรายถึงชีวิต
สิบเลขขายดีแม่จำเนียร งวด 2/1/69
จะว่าไปแล้ว "น้ำผึ้ง" นั้นคือ อุจจาระของผึ้งหรือไม่ ?
5 จอมโจรขมังเวทแห่งที่ราบสูง: ตำนานเสือร้ายภาคอีสานที่โลกต้องจดจำ
7 อาหารทำร้ายผิว ควรเลี่ยง ถ้าไม่อยากผิวเสีย
เปิดแฟ้มลับ 5 อันดับคดีมนต์ดำสะเทือนราชสำนักไทย
"ซินแสดัง" เผยดวงเมืองประเทศไทย ปี 2569..ยิ่งรบ ยิ่งแข็งแกร่ง ศัตรูแพ้ราบคาบ
เปิดตำนานอาถรรพ์ "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" แห่งวัดกุฎีดาว: ความลี้ลับที่อยู่คู่แผ่นดินอยุธยา
บุรีรัมย์เดือด! ศึกชิงเก้าอี้ สส. วันแรกคึกคัก 'ไหม ศิริกัญญา' บุกถิ่นพรรคสีน้ำเงิน ท้าชนกลุ่มอำนาจเดิม
หลังหยุดยิง จีนบริจาคเงินและของให้เขมร มูลค่า 20 ล้านหยวน
พระสงษ์ชาวเวียดนาม ผู้เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องศาสนา
อศาสนิก SBNR (Spiritual But Not Religious) เชื่อเรื่องธรรม จิตวิญญาณ แต่ไม่นับถือศาสนา
เจาะระบบเตือนภัย J-ALERT ระบบเตือนภัยที่ทรงพลังที่สุดในโลก
10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับการเอาตัวรอดจากแผ่นดินไหวที่คุณอาจเข้าใจผิด



