เปิดแฟ้มลับ 5 อันดับคดีมนต์ดำสะเทือนราชสำนักไทย

28 ธันวาคม 2568 (18:04)เนื้อหาโดย ดร กิฟท์นางมารพยากรณ์

หน้าประวัติศาสตร์ไทยไม่ได้มีเพียงแค่การศึกสงครามหรือความรุ่งโรจน์ของงานศิลปกรรมเท่านั้น แต่ในมุมมืดที่ถูกจารึกไว้ในพงศาวดารและจดหมายเหตุ ยังปรากฏเรื่องราวของ "ไสยศาสตร์และมนต์ดำ" ที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการแก่งแย่งชิงอำนาจภายในราชสำนัก นำไปสู่คดีความที่น่าสะพรึงกลัวและการลงโทษที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้

เปิดแฟ้มลับ 5 อันดับคดีมนต์ดำสะเทือนราชสำนักไทย: เมื่อไสยศาสตร์ลิขิตชะตาบัลลังก์

อันดับที่ 5: คดีเจ้าฟ้าอภัยและโศกนาฏกรรมผลัดแผ่นดิน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงรอยต่อระหว่างรัชสมัยพระเจ้าท้ายสระสู่พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เมื่อความขัดแย้งในสายเลือดนำไปสู่สงครามกลางเมืองที่นองเลือดที่สุดครั้งหนึ่งในสมัยอยุธยาตอนปลาย คดีนี้เต็มไปด้วยลางบอกเหตุและอาถรรพ์ที่น่าขนลุก ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ท้องฟ้าสีเลือด อีกาบินตกร่วงลงมาตายเกลื่อนเมือง หรือแม้แต่พระพุทธรูปหลั่งน้ำตา ฝ่ายเจ้าฟ้าอภัยแม้จะมีกำลังพลมากกว่า แต่ฝ่ายเจ้าฟ้าพรกลับมีโหรหลวงและพระสงฆ์ผู้มีวิชาอาคมคอยทำนายฤกษ์ยามและหนุนดวงชะตา จนเกิดเหตุประหลาดที่กระสุนปืนใหญ่ของฝั่งวังหลวงยิงพลาดเป้าหรือด้านไปเองอย่างน่าอัศจรรย์ ส่งผลให้ฝ่ายเจ้าฟ้าอภัยพ่ายแพ้และต้องจบชีวิตลงอย่างน่าสลด

อันดับที่ 4: คดีคุณไสยในรัชสมัยพระเจ้าเสือ เรื่องราวที่ถูกบันทึกไว้เกี่ยวกับความเชื่อในเรื่องของขลังและการลองวิชาที่นำมาซึ่งการพิสูจน์อำนาจทางจิตวิญญาณภายในราชสำนัก (เนื้อหาในวิดีโอเน้นย้ำถึงบทลงโทษที่รุนแรงสำหรับผู้ที่ใช้เดรัจฉานวิชาในการปองร้ายผู้อื่น)

อันดับที่ 3: คดีการทำเสน่ห์ยาแฝดในสมัยรัตนโกสินทร์ ในสมัยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 มีคดีความเกี่ยวกับการใช้มนต์ดำเพื่อดึงดูดความรักและความโปรดปราน ซึ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรงที่กระทบต่อความมั่นคงภายในเขตพระราชฐาน มีการสอบสวนจนพบหลักฐานการทำพิธีที่ขัดต่อศีลธรรมและระเบียบวินัยของวังหลวง

อันดับที่ 2: คดีหุ่นพยนต์และวัตถุอาถรรพ์ใต้พื้นวัง การขุดพบวัตถุต้องสงสัยที่ถูกฝังไว้ตามจุดสำคัญของพระราชวัง เพื่อหวังผลในการทำลายดวงชะตาของบุคคลสำคัญ นำไปสู่การกวาดล้างและลงโทษเหล่าผู้สมรู้ร่วมคิดอย่างเด็ดขาด เพื่อขจัดอำนาจมืดที่แฝงตัวอยู่ในเงามืดของราชสำนัก

อันดับที่ 1: คดีท้าวศรีสุดาจันทร์และขุนวรวงศาธิราช คดีที่ถือเป็นที่สุดแห่งอาถรรพ์และตัณหา เมื่อท้าวศรีสุดาจันทร์ใช้มนต์ดำและพิธีกรรมทางไสยศาสตร์เพื่อเสริมบารมีให้ชู้รักอย่างขุนวรวงศาธิราช จนถึงขั้นปองร้ายพระโอรสของตนเองเพื่อยึดครองอำนาจเบ็ดเสร็จ ยุคสมัยของนางเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความหวาดระแวงและคาวเลือด จนกระทั่งกลุ่มขุนนางผู้ภักดีนำโดยขุนพิเรนทรเทพได้วางแผนลวงสังหารที่คลองสระบัว ร่างของทั้งคู่ถูกนำไปเสียบประจานที่วัดแร้ง เป็นการปิดฉากยุคสมัยที่ไสยศาสตร์เข้าครอบงำราชบัลลังก์อยุธยาอย่างสิ้นเชิง

เรื่องราวจากหน้าประวัติศาสตร์เหล่านี้เป็นบทเรียนที่ย้ำเตือนให้เห็นว่า ในที่ที่มีอำนาจมักมีกิเลสและตัณหาแฝงตัวอยู่เสมอ และการใช้สิ่งลี้ลับหรือมนต์ดำเพื่อมุ่งหวังสิ่งที่มิใช่ของตน ท้ายที่สุดแล้วมักจะนำไปสู่จุดจบที่น่าอนาถ เพราะกฎแห่งกรรมย่อมทำงานได้รวดเร็วและเที่ยงตรงยิ่งกว่ามนตราใดๆ ในโลก