สภาวะสุขภาพและสุขอนามัยของนักโทษในระบบราชทัณฑ์สยามสมัยปฏิรูป (รัชกาลที่ 5)
1. บทนำ (Introduction)
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) รัฐสยามได้ดำเนินนโยบายปฏิรูปประเทศในทุกมิติ อันเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามสร้างรัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์สยามให้มีอำนาจรวมศูนย์และมีมาตรฐานการบริหารกิจการภายในที่เป็นที่ยอมรับของมหาอำนาจตะวันตก การปฏิรูประบบราชทัณฑ์ถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของกระบวนการดังกล่าว ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ในการลงทัณฑ์และการจัดการผู้กระทำผิดตามแบบตะวันตก อย่างไรก็ตาม การนำโครงสร้างสมัยใหม่มาปรับใช้ย่อมต้องเผชิญกับความท้าทายในทางปฏิบัติ รายงานฉบับนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์นโยบาย ปัญหา และแนวทางการจัดการด้านสาธารณสุขและสุขอนามัยของนักโทษในเรือนจำยุคปฏิรูป โดยสังเคราะห์ข้อมูลจากเอกสารทางประวัติศาสตร์เพื่อประเมินความท้าทายเชิงระบบที่รัฐสยามต้องเผชิญในการสร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่งานราชทัณฑ์ การทำความเข้าใจถึงความท้าทายด้านสาธารณสุขดังกล่าว จำเป็นต้องเริ่มต้นจากการพิจารณาโครงสร้างใหม่ของระบบราชทัณฑ์ที่รัฐสยามได้สถาปนาขึ้นเป็นลำดับแรก
2. การปฏิรูประบบราชทัณฑ์สยามสู่ความทันสมัย
การปฏิรูประบบราชทัณฑ์ในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่นำแนวคิดการบริหารจัดการเรือนจำจากตะวันตกเข้ามาปรับใช้ เพื่อยกระดับการควบคุมและลงทัณฑ์ให้เป็นระบบระเบียบและมีมาตรฐานมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่สำคัญที่สุดคือการแบ่งแยกการควบคุมนักโทษตามความหนักเบาของโทษ ซึ่งนำไปสู่การจัดตั้งหน่วยงานและสถานที่คุมขังใหม่ 2 แห่ง ได้แก่
• การจัดตั้ง "กองมหันตโทษ": มีหน้าที่รับผิดชอบในการควบคุมนักโทษหนักซึ่งมีกำหนดโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป โดยเรือนจำสำหรับกองมหันตโทษได้ก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2433 (นับตามปฏิทินใหม่คือ พ.ศ. 2434)
• การจัดตั้ง "กองลหุโทษ": มีหน้าที่รับผิดชอบในการควบคุมนักโทษเบาซึ่งมีกำหนดโทษจำคุกต่ำกว่า 3 ปี รวมถึงนักโทษที่ถูกจองจำจากการเป็นหนี้ และผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดี โดยตะรางสำหรับกองลหุโทษได้ก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนเมษายน พ.ศ. 2434
อย่างไรก็ตาม แม้โครงสร้างจะถูกวางรากฐานไว้อย่างทันสมัย แต่การดำเนินงานในทางปฏิบัติกลับต้องเผชิญกับปัญหาพื้นฐานที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ของนักโทษ นั่นคือประเด็นด้านอาหารและโภชนาการ
3. ปัญหาโภชนาการและวิกฤตงบประมาณ
ตามแนวคิดของ ผศ. ดร. ศรัญญู เทพสงเคราะห์ ที่ระบุไว้ในงานศึกษาเรื่อง รัฐราชทัณฑ์ อำนาจลงทัณฑ์ในยุคสมัยใหม่ สภาวะสุขภาพและสุขอนามัยของนักโทษเป็นดัชนีชี้วัดที่สำคัญต่อมาตรฐานการดำเนินงานของรัฐได้เป็นอย่างดี ในกรณีของรัฐราชทัณฑ์สยามยุคปฏิรูป ปัญหาด้านอาหารการกินคือความท้าทายประการแรกที่สะท้อนถึงข้อจำกัดเชิงระบบได้อย่างชัดเจน
จากรายงานของนายแพทย์วิลเลียม วิลลิส (William Willis) นายแพทย์ใหญ่ประจำกองมหันตโทษใน พ.ศ. 2434 ได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อปริมาณอาหารที่ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตและบำรุงรักษาสุขภาพของนักโทษ โดยได้เปรียบเทียบอัตราค่าอาหารที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ดังตารางต่อไปนี้
|
รายการ |
อัตราค่าอาหาร (ต่อคนต่อวัน) |
|
นักโทษสยาม (อัตราเดิม) |
5 อัฐ |
|
นักโทษของศาลกงสุลอังกฤษ |
16 อัฐ |
|
อัตราที่นายแพทย์วิลลิสเสนอ |
ไม่ต่ำกว่า 8 อัฐ |
ปัญหาการขาดแคลนงบประมาณค่าอาหารนักโทษได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของผู้ต้องขัง เมื่อจำนวนนักโทษในพระนครเพิ่มสูงขึ้นจนงบประมาณไม่เพียงพอ รัฐได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยวิธีการโอนเงินจากหมวดค่าใช้จ่ายอื่น เช่น ค่ายารักษาโรค และค่าเครื่องนุ่งห่ม มาสมทบเป็นค่าอาหาร หรือใช้วิธีลดอัตราค่าอาหารต่อหัวลงเพื่อให้สามารถจัดเลี้ยงนักโทษทุกคนได้ การแก้ปัญหาดังกล่าวสะท้อนถึงภาวะย้อนแย้งของการปฏิรูป กล่าวคือ แม้รัฐสยามจะลงทุนสร้างโครงสร้างทางกายภาพที่ทันสมัย แต่กลับล้มเหลวในการจัดสรรทรัพยากรพื้นฐานที่สุดเพื่อรองรับการดำเนินงาน ซึ่งส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ทำให้คุณภาพอาหารตกต่ำลงและซ้ำเติมปัญหาสุขภาพของนักโทษให้เลวร้ายลงไปอีก
ดังนั้น การตัดทอนงบประมาณส่วนยารักษาโรค จึงส่งผลโดยตรงต่อการเร่งให้ปัญหาสุขภาพของนักโทษเข้าสู่ภาวะวิกฤต และเป็นปัจจัยเกื้อหนุนโดยตรงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดต่อในระยะต่อมา
4. โรคระบาดและอัตราการเสียชีวิตในเรือนจำ
ปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้นักโทษในยุคนั้นมีความเสี่ยงสูงต่อการเจ็บป่วยมาจากสภาพร่างกายที่อ่อนแอแต่เดิม โดยนักโทษจำนวนไม่น้อยมีปัญหาติดฝิ่นมาก่อน สภาวะร่างกายที่อ่อนแอของนักโทษส่วนใหญ่ มีสาเหตุซ้ำเติมจากปัญหาทุพโภชนาการอันเป็นผลโดยตรงจากข้อจำกัดด้านงบประมาณค่าอาหารตามที่ได้กล่าวไปแล้ว เมื่อต้องเข้ามาใช้ชีวิตอย่างแออัดในพื้นที่จำกัด จึงเป็นสภาวะที่เอื้อต่อการติดและแพร่กระจายของโรคระบาดได้อย่างรวดเร็ว สถิติการเจ็บป่วยและเสียชีวิตในกองมหันตโทษสะท้อนให้เห็นถึงวิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุขได้อย่างชัดเจน
• เมษายน-พฤษภาคม พ.ศ. 2435: มีนักโทษเสียชีวิตจากการเจ็บป่วยรวม 18 คน โดยสาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่มาจาก โรคฝีในท้อง และ โรคริดสีดวงลำไส้
• สิงหาคม พ.ศ. 2435: มีนักโทษเสียชีวิต 8 คน ในขณะที่มีนักโทษป่วย 81 คน และนักโทษติดฝิ่นอีก 10 คน
• กันยายน พ.ศ. 2435: แม้จะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ยังคงมีนักโทษป่วยถึง 72 คน และนักโทษติดฝิ่น 5 คน
• รายงานประจำปี พ.ศ. 2445: สถานการณ์ยังคงน่าเป็นห่วง โดยมีนักโทษเสียชีวิตสูงถึง 81 คน (คิดเป็น 5.79% จากนักโทษทั้งหมดเกือบ 1,400 คน) โดยมีสาเหตุหลักมาจาก วัณโรค
วัณโรคได้กลายเป็นโรคระบาดที่รุนแรงที่สุดในเรือนจำยุคนั้น เนื่องจากปัจจัยแวดล้อมที่เลวร้าย การคุมขังนักโทษจำนวนมากในห้องขังที่อากาศถ่ายเทน้อยทำให้เชื้อแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ประกอบกับข้อจำกัดของโรงพยาบาลในเรือนจำที่มีเตียงไม่เพียงพอต่อการแยกผู้ป่วยไปรักษาอย่างถูกสุขลักษณะ ทำให้อัตราการเสียชีวิตจากวัณโรคสูงกว่าโรคอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ
แม้จะมีความพยายามแก้ไขปัญหาในทศวรรษ 2450 แต่สถานการณ์โดยรวมยังคงน่ากังวล โดย วัณโรค และ โรคเรื้อน ยังคงเป็นโรคระบาดสำคัญที่ควบคุมได้ยาก การเผชิญหน้ากับวิกฤตด้านสาธารณสุขดังกล่าว ได้ผลักดันให้รัฐสยามต้องแสวงหาแนวทางการแก้ไขที่จริงจังมากขึ้น โดยอาศัยองค์ความรู้ทางการแพทย์ตะวันตกเป็นเครื่องมือสำคัญ
5. มาตรการทางการแพทย์และการแทรกแซงโดยรัฐ
เพื่อตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุขที่ทวีความรุนแรงขึ้น รัฐสยามได้ดำเนินยุทธศาสตร์การแทรกแซงทางการแพทย์ที่ชัดเจนขึ้น โดยนำความรู้ทางการแพทย์ตะวันตกเข้ามาบริหารจัดการระบบสาธารณสุขในเรือนจำ ผ่านการว่าจ้างและแต่งตั้งนายแพทย์ชาวตะวันตกให้เข้ามามีบทบาทโดยตรง ซึ่งบุคลากรสำคัญประกอบด้วย
• นายแพทย์วิลเลียม วิลลิส (William Willis): ในฐานะนายแพทย์ใหญ่ประจำกองมหันตโทษคนแรก ท่านมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินสถานการณ์เบื้องต้น โดยเฉพาะการจัดทำรายงานเรื่องอาหารนักโทษ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างด้านงบประมาณและโภชนาการที่เป็นรากฐานของปัญหาสุขภาพทั้งมวล
• นายแพทย์แฮนซ์ อดัมเซ็น (Hans Adamsen) หรือ พระบำบัดสรรพโรค: ในช่วงทศวรรษ 2450 รัฐบาลได้โอนย้ายนายแพทย์อดัมเซ็นจากกระทรวงธรรมการมาดำรงตำแหน่งแพทย์ใหญ่ของกรมเรือนจำโดยตรง การเข้ามาของท่านช่วยให้การจัดการโรคภัยไข้เจ็บของนักโทษในเรือนจำที่กรุงเทพฯ มีประสิทธิภาพดีขึ้น อย่างไรก็ดี แม้สถานการณ์โดยรวมจะพัฒนาขึ้น แต่ก็ยังคงมีข้อจำกัดในการควบคุมการระบาดของวัณโรคและโรคเรื้อน ซึ่งเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกและแก้ไขได้ยาก
ความพยายามเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการตระหนักรู้ถึงปัญหาของรัฐ และความมุ่งมั่นที่จะนำหลักการแพทย์สมัยใหม่เข้ามาใช้ในการแก้ไขวิกฤต แต่ในขณะเดียวกันก็เผยให้เห็นถึงความท้าทายที่ใหญ่หลวงและซับซ้อนเกินกว่าจะแก้ไขได้โดยง่ายในยุคสมัยนั้น
6. บทสรุป (Conclusion)
การปฏิรูประบบราชทัณฑ์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แม้จะมีความก้าวหน้าอย่างยิ่งในเชิงโครงสร้างและการจัดระเบียบตามแนวคิดตะวันตก แต่ในทางปฏิบัติกลับต้องเผชิญกับอุปสรรคสำคัญด้านงบประมาณ ซึ่งส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อระบบสาธารณสุขภายในเรือนจำ ปัญหาโภชนาการที่ย่ำแย่อันเนื่องมาจากการจัดสรรงบประมาณที่ไม่เพียงพอ ได้บั่นทอนสุขภาพของนักโทษและทำให้ร่างกายอ่อนแอ เมื่อประกอบกับสภาวะแออัดยัดเยียดในพื้นที่คุมขัง จึงนำไปสู่อัตราการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตที่สูง โดยมีวัณโรคเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิต
ท้ายที่สุด วิกฤตสาธารณสุขในเรือนจำสยามยุคปฏิรูป จึงไม่ได้เป็นเพียงบันทึกโศกนาฏกรรมของปัจเจกบุคคล แต่ยังเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนถึงช่องว่างระหว่าง ‘เจตจำนง’ ในการสร้างรัฐสมัยใหม่ กับ ‘ขีดความสามารถ’ ในการบริหารจัดการทรัพยากรของรัฐ ซึ่งเป็นความท้าทายแกนกลางที่รัฐสยามต้องเผชิญในยุคเปลี่ยนผ่าน
อ้างอิงจาก: หนังสือประวัติศาสตร์การสาธารณสุข หรือประวัติศาสตร์โรคระบาดในสมัยรัชกาลที่ 5 ตัวอย่าง: หนังสือเกี่ยวกับ "กาฬโรคสมัยรัชกาลที่ 5" หรือหนังสือรวมบทความเกี่ยวกับ "100 ปีการสาธารณสุขไทย", วารสารราชทัณฑ์ (ฉบับที่มีบทความเกี่ยวข้อง) บทความที่เกี่ยวข้อง: มีการกล่าวถึงบทความที่ชื่อว่า "การดูแลสุขภาพอนามัยนักโทษหลังการปฏิรูปราชทัณฑ์ในสมัยรัชกาลที่ 5" (สามารถค้นหาฉบับเต็มได้จากวารสารราชทัณฑ์ ปีที่ 70 พ.ศ. 2565 ฉบับที่ 3 หรือแหล่งข้อมูลทางวิชาการอื่น ๆ) บทความนี้มีความตรงประเด็นตามที่คุณต้องการ โดยสะท้อนถึงการปฏิบัติต่อสุขภาพอนามัยของนักโทษที่เป็นตัวชี้วัดคุณภาพชีวิตและความเป็นสมัยใหม่ของระบบคุก, รัฐราชทัณฑ์ อำนาจลงทัณฑ์ในยุคสมัยใหม่ เนื้อหาโดยสังเขป: เป็นการศึกษาประวัติศาสตร์งานราชทัณฑ์ไทยสมัยใหม่ในภาพกว้างตั้งแต่ พ.ศ. 2433-2506 (รัชกาลที่ 5 ถึงสมัยจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์) ซึ่งภาค 1 "ราชทัณฑ์" สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ จะครอบคลุมถึงการปฏิรูประบบราชทัณฑ์ในสมัยรัชกาลที่ 5 และน่าจะมีเนื้อหาที่กล่าวถึงชีวิตและความเป็นอยู่ รวมถึงสุขอนามัยของนักโทษในเรือนจำ ซึ่งเป็นส่วนห
สูตรคำนวณงวด 2/1/69
เจาะเลขเด็ดปกสลาก งวด 2 ม.ค. 69 ต้อนรับปีใหม่ปีมะเมียทอง
"อาหารบ้าน ๆ ที่คนต่างชาติหลงรัก แต่คนไทยมองว่าเป็นอาหาร “ธรรมดา”" มันเป็นเพราะอะไรกันนะ
BBC ยกให้ "กรุงพนมเปญ" ติด TOP20..ปลายทางที่ดีที่สุดในโลก
สอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกราย
อาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ลุกขึ้นไได้...ก็ชนะ
ช็อกวงการมวย! “ตะวันฉาย” ขาหักหลังพ่าย TKO ยกแรก
เขมรไม่มีคิดหยุด แต่คิดว่าจะรบไทยให้ชนะด้วย F-35 ได้อย่างไรในอนาคต
จักรวาลร่วมฉลองส่งท้ายปี! NASA อวดโฉม "ต้นคริสต์มาสยักษ์" แห่งห้วงอวกาศลึก 2,500 ปีแสง
"สาละ" ดอกไม้ในตำนานเกี่ยวกับพุทธประวัติของพระมหาศาสดาของศาสนาพุทธ (สาละในหลวงพระบาง)
ภาพทดสอบโทรทัศน์ "PM5544" ในตำนาน ที่ถูกใช้งานแพร่หลายที่สุดในโลก ในยุคส่งสัญญาณแบบอนาล็อกนั่นเอง
จักรวาลร่วมฉลองส่งท้ายปี! NASA อวดโฉม "ต้นคริสต์มาสยักษ์" แห่งห้วงอวกาศลึก 2,500 ปีแสง
รีวิวหนังดัง SURROGATES คนอึดฝ่านรกโคลนนิ่ง
สอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกราย
โฆษก "ฮุนเซน" โม้หนัก!! เคยผ่านการรบมาแล้วนับ 100 ครั้ง!!




