หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

“เจ้าหญิงเกรซ” ซินเดอเรลล่าแห่งวงการมายา

เนื้อหาโดย ดร กิฟท์นางมารพยากรณ์

        ซินเดอเรลล่า เป็นนิทานพื้นบ้านของยุโรปที่กล่าวถึง หญิงสาวสามัญชนที่ได้พบรักเจ้าชาย สุดท้ายได้แต่งงานอยู่อย่างมีความสุข ซึ่งสาวๆหลายๆคนก็อยากที่จะเป็นซิลเดอเรลล่ากัน.. แต่ในชีวิตจริงจะมีสักคนที่ได้สมหวังดั่งใจปราถนา วันนี้จะเล่าถึงตำนาน “ซินเดอเรลล่าแห่งวงการมายา” นั่นคือ “เจ้าหญิงเกรซแห่งโมนาโก”

        เจ้าหญิงเกรซแห่งโมนาโก หรือ เกรซ แพทริเซีย เคลลี เกิดวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1929 เป็นนักแสดงภาพยนตร์ชาวอเมริกันผู้ได้รับรางวัลอะแคเดมี ได้เสกสมรสกับเจ้าชายเรนิเยที่ 3 องค์อธิปัตย์แห่งโมนาโก เมื่อวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 1956 เจ้าหญิงเกรซเป็นพระมารดาของเจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 องค์อธิปัตย์แห่งโมนาโก หลังการอภิเษกสมรสแล้ว เจ้าหญิงเกรซถือสัญชาติพร้อมกันสองสัญชาติ คือทั้งอเมริกันและโมนาโก ชีวิตที่เป็นดัง “เทพนิยาย” ทำให้พระองค์เป็นชาวอเมริกันผู้เลื่องลือและเป็นที่รักมากที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20

        เกรซ เคลลีเกิดที่ย่านอีสฟอลล์ในเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย เป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวน 4 คนของนายแจ็คและนางมากาเร็ต เคลลี บิดาของเกรซเป็นบุตร 1 ใน 10 คนของครอบครัวชาวอเมริกันคาทอลิกที่อพยพมาจากสาธารณรัฐไอร์แลนด์ แจ็คผู้เป็นบิดาเคยเป็นวีรบุรุษของชาวอเมริกันมาแล้วจากการได้เหรียญทองโอลิมปิกมากถึง 3 เหรียญในแข่งขันเรือกรรเชียงคู่ในขณะที่กีฬาชนิดนี้กำลังเป็นที่นิยมสูงสุด แจ็คทำธุรกิจการค้าอิฐที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ และประสบความสำเร็จในระดับมหาเศรษฐีคนหนึ่ง พี่น้องของแจ็คหลายคนประสบความสำเร็จในชีวิตด้านศิลปะ คนหนึ่งเป็นนักเขียนบทละครย่อยที่โด่งดัง อีกคนหนึ่งได้รับรางวัลพูลิตเซอร์

        เมื่อ ค.ศ. 1935 แจ็ก หรือที่เรียกกันอย่างว่า จอห์น เคลลี ได้ลงสมัครรับการเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีในนามของพรรคเดโมแครตแต่ก็แพ้อย่างหวุดหวิด ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ประธานาธิบดีแฟรงกลิน ดี. รูสเวลต์ได้แต่งตั้งแจ็กเป็นประธานกรรมการพลศึกษาแห่งชาติซึ่งเป็นตำแหน่งทางประชาสัมพันธ์ที่ใช้ความมีชื่อเสียงด้านกีฬาของเขามาช่วยโน้มน้าวให้ชาวอเมริกันหันมาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพมากขึ้น

        มากาเร็ต มารดาของเกรซมีเชื้อสายเยอรมันที่เข้ารีตเป็นคาทอลิก เธอเองก็เก่งด้านกีฬา จบสาขาพลศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทมเพิลซึ่งต่อมาได้เป็นหัวหน้าภาควิชาพลศึกษาคนแรกของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย

        จอห์น บี เคลลี จูเนียร์พี่ชายของเกรซก็มีเชื้อไม่ทิ้งแถวของครอบครัว โดยเป็นนักกีฬาที่ชนะเลิศรางวัล “เจมส์ อี ซุลลิแวน” ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดสำหรับกีฬาสมัครเล่นของสหรัฐฯ เมื่อ ค.ศ. 1947 ในปี 1956 จอห์น จูเนียร์ยังได้รางวัลเหรียญทองแดงโอลิมปิกฤดูร้อนจากการแข่งขันเรือกรรเชียง และได้มอบเหรียญนี้เป็นของขวัญแต่งงานของน้องสาว

        เมื่อจบชั้นมัธยมปลาย เกรซตัดสินใจมุ่งสู่อาชีพการแสดง และได้เข้าศึกษาใน สถาบันศิลปะการแสดงอเมริกันในนิวยอร์ก ซึ่งเป็นสถานศึกษาที่ได้ผลิตดาราที่มีชื่อเสียงในวงการมาแล้วหลายคน เช่น แคทารีน เฮปเบิร์นและสเปนเซอร์ เทรซีเป็นต้น เกรซหารายได้มาจุนเจือค่าเล่าเรียนจากเป็นนางแบบ ระหว่างการศึกษา เกรซเป็นนักศึกษาที่ขยันมาก ใช้เครื่องอัดเสียงมาช่วยในการฝึกพูดจนได้ถึงขั้นสมบูรณ์แบบ เธอได้เริ่มงานแสดงละครบรอดเวย์เป็นครั้งปฐมฤกษ์ และเมื่ออายุ 19 ปี เกรซจบการศึกษาด้วยการแสดงละครเรื่อง “เดอะฟิลาเดลเฟียสตอรี” ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกับภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายในชีวิตการแสดงภาพยนตร์ของเธอ

        ต่อมาเกรซได้เข้าสู่วงการโทรทัศน์และประสบความสำเร็จซึ่งนำไปสู่วงการจอเงินเป็นครั้งแรกโดยการเป็นตัวแสดงประกอบในภาพยนตร์เรื่อง “14 ชั่วโมง” (ค.ศ. 1951) เมื่ออายุ 22 ปี ภาพยนตร์เรื่องนี้เองที่ทำให้เกรซได้รับข้อเสนอมากหลายรายแต่เธอก็ปฏิเสธด้วยเกรงว่าจะขาดอิสรภาพในวงการละคร แต่อย่างไรก็ดี เมื่อเกรซได้รับโทรเลขจากผู้กำกับภาพยนตร์ฮอลลีวูดให้มาแสดงนำคู่กับแกรี คูเปอร์ ในเรื่อง “ไฮนูน” ซึ่งได้แม้จะได้รับรางวัลออสการ์ 2 ถึงรางวัล แต่เกรซก็ยังไม่พอใจและสมัครเข้ารับการฝึกจากครูฝึกสอนการแสดง ซึ่งมีผลให้ได้รับบทบาทเป็นผู้แสดงประกอบในภาพยนตร์ที่แสดงโดยคล๊าก เกเบิลและเอวา การ์ดเนอร์ในเรื่อง “โมแกมโบ” (ค.ศ. 1953) ที่ถ่ายทำในป่าประเทศเคนยา การฝึกฝนต่อดังกล่าว มีผลให้เกรซได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ส่งให้เกรซขึ้นชั้นในระดับดารา ผู้กำกับชื่อดังคือ อัลเฟรด ฮิชค็อก ได้ให้เกรซสวมบทบาทนางเอกในภาพยนตร์ประเภทลึกลับตื่นเต้นหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่อง “เรียร์ วินโดว์” คู่กับเจมส์ สจ๊วตซึ่งทำให้เกรซเป็นที่เลื่องลือไปทั่วประเทศ ฮิชค็อกได้ให้เกรซแสดงอีกหลายเรื่องจนที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ใน ค.ศ. 1955 เคลลีได้รับรางวัลอะแคเดมีในฐานะนักแสดงยอดเยี่ยมในเรื่อง “เด็กบ้านนอก” (The Country Girl)

        เรื่องสุดท้ายที่เกรซนำแสดงได้แก่เรื่อง “สังคมชั้นสูง” (High Society – ค.ศ. 1956) ภาพยนตร์เพลงที่ดัดแปลงจากเรื่อง “เดอะฟิลาเดลเฟียสตอรี” ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกับเรื่องที่เกรซใช้แสดงเพื่อจบการศึกษาดังกล่าวในตอนต้น แม้ชีวิตการเป็นนักแสดงภาพยนตร์ของเกรซ เคลลีจะมีช่วงเวลาเพียง 5 ปี และแสดงไปเพียง 11 เรื่อง ความสวยและเสน่ห์ของเกรซได้ประทับลงไปในความทรงจำของคนอเมริกันและนักชมภาพยนตร์ในยุคนั้นอย่างไม่มีวันลืมเลือน ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1955 เกรซ เคลลีได้รับการขอร้องให้เป็นตัวแทนของสหรัฐฯ ในเทศกาลภาพยนตร์กาน ขณะที่อยู่ที่นั่น เธอได้รับเชิญไปร่วมงานถ่ายภาพในวังโมนาโกกับเจ้าชายเรนีเย เจ้าผู้ครองประเทศโมนาโก หลังจากผลัดผ่อนหลายครั้งจากความไม่สะดวกหลายอย่าง ในที่สุด เกรซก็ได้ไปถึงโมนาโก ที่ซึ่งทำให้เกรซได้พบกับเจ้าชาย หลังจากกลับสหรัฐฯ และเริ่มแสดงภาพยนตร์เรื่องใหม่เรื่อง “หงส์” (The Swan - ค.ศ. 1956) ซึ่งบังเอิญสวมบทบาทเป็นเจ้าหญิง ไม่นานจากนั้น เกรซ เคลลีเริ่มมีการติดต่อสัมพันธ์กับเจ้าชายเรนีเยเป็นการส่วนตัว ในเดือนธันวาคมปีนั้น เจ้าชายก็ได้เสด็จมาอเมริกาเป็นทางการ ซึ่งมีการโจษจันว่าเสด็จเพื่อแสวงหาพระชายาเนื่องจากสนธิสัญญากับฝรั่งเศสซึ่งทำไว้เมื่อปี 1917 บ่งไว้ว่า เมื่อใดที่เจ้าชายแห่งโมนาโกไม่มีรัชทายาท โมนาโกจะต้องรวมกับฝรั่งเศส

        เจ้าชายได้ถูกถามในการให้สัมภาษณ์ว่าพระองค์กำลังแสวงหาพระชายาใช่หรือไม่ ซึ่งพระองค์ทรงตอบปฏิเสธ และในคำถามถัดมาถามว่าสมมุติว่าใช่ พระองค์จะโปรดพระชายาแบบไหน? พระองค์ทรงพระสรวลแล้วตอบว่า “ไม่ทราบ... แต่คงจะดีที่สุดกระมัง” เจ้าชายได้ทรงพบเกรซ เคลลีกับครอบครัวของเธอ และในอีกเพียง 3 วันต่อมาเจ้าชายเรนีเยก็ขอแต่งงานกับเกรซ ซึ่งเธอตอบรับ จากนั้นพระองค์และครอบครัวของเกรซก็ได้เตรียมการแต่งงานที่โด่งดังที่สุดแห่งศตวรรษ

        ข่าวการหมั้นเป็นที่ตื่นเต้นเลื่องลือ แม้จะหมายความถึงการสิ้นสุดชีวิตการแสดงของเกรซก็ตาม วงการภาพยนตร์ก็รู้ดีว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เกรซอยู่ในวงการแสดงต่อไป จึงได้แต่อวยพรให้เธอมีความสุข การเตรียมพระราชพิธีมงคลสมรสเต็มไปด้วยความพิถีพิถัน มีการทาสีพระราชวัง ตบแต่งใหม่ทั้งหมด รวมทั้งพิธีการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกสู่โมนาโก ในวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1956 เกรซ เคลลีได้ลงเรือที่ท่าในนครนิวยอร์กพร้อมกับเพื่อนเจ้าสาวและครอบครัวของเธอ สุนัขพูเดิลและสัมภาระ 400 ชิ้นออกจากท่าสู่ริเวียรา มีนักข่าวมากกว่า 400 คนขอร่วมเดินทางไปด้วย แต่ก็ถูกปฏิเสธเกือบทั้งหมด ใช้เวลาเดินทาง 8 วัน มีผู้คอยต้อนรับมากกว่าสองหมื่นคนเรียงรายโห่ร้องต้อนรับเจ้าหญิงในอนาคตตามถนน

        พระราชพิธีสมรสได้รับการถ่ายทอดไปทั่วยุโรป เกรซต้องจดจำชื่อตำแหน่งทางการให้ได้มากถึง 142 ชื่อ ในงานพระราชพิธีมีแขกผู้มีเกียรติและชนชั้นสูงได้รับเชิญจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก 600 คน และคาดว่ามีผู้ชมการถ่ายทอดทางโทรทัศน์รวม 30 ล้านคน เจ้าชายเรนีเยและเจ้าหญิงเกรซพระชายาได้ลงเรือยอชต์ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ท่องทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็นเวลา 7 วันในคืนวันนั้นเอง ทั้งสองพระองค์ได้พระราชธิดาพระองค์แรกหลังพระราชพิธีสมรส 9 เดือนกับ 4 วัน มีการยิงสลุต 21 นัดและประกาศเป็นวันหยุดราชการ หยุดการพนัน แจกแชมเปญฟรี และในปีเศษต่อมามีการยิงสลุต 101 นัดเพื่อต้อนรับโอรส คือเจ้าชายอัลแบร์ เจ้าชายเรนีเยและเจ้าหญิงเกรซมีพระโอรสและพระธิดา 3 พระองค์ดังนี้

        เจ้าหญิงเกรซไม่ได้หวนกลับสู่วงการจอเงินอีก พระองค์ทรงเลือกที่จะเป็นผู้นำประเทศฝ่ายสตรี ใน ค.ศ. 1962 ฮิตช์ค็อกได้ทูลชวนพระองค์ให้มาแสดงภาพยนตร์อีก พระองค์อยากจะลองแต่ไม่มีผู้ใดเห็นด้วยรวมทั้งเจ้าชายเรนีเย เจ้าหญิงจึงตอบปฏิเสธไป แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหญิงเกรซก็ได้เข้าสู่วงการศิลปินในรูปแบบพิเศษโดยการอ่านบทกลอนในภาพยนตร์ชุดสารคดีเมื่อปี 1977 พระองค์ในฐานะเจ้าหญิงได้มีบทบาทในการยกระดับสถาบันศิลปะของโมนาโก มีการจัดตั้งมูลนิธิเจ้าหญิงเกรซ ขึ้นเพื่ออุปถัมภ์ศิลปินของประเทศ

        เจ้าหญิงเกรซเป็นบุคคลชั้นสูงคนแรกที่สนับสนุนการเลี้ยงทารกด้วยนมมารดา ทรงจัดงานคริสต์มาสประจำปีสำหรับเด็กกำพร้าและทรงจัดตั้งสโมสรสวนดอกไม้ขึ้นเนื่องจากที่พระองค์โปรดปรานดอกไม้มาก เจ้าชายเรนีเยและเจ้าหญิงเกรซได้จัดงานเฉลิมฉลองวาระที่ได้ทรงอภิเษกสมรสครบ 25 ปี เมื่อ ค.ศ. 1981

        เจ้าหญิงเกรซสิ้นพระชนม์ในวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 1982 ด้วยพระชนมายุ 52 พรรษา เจ้าหญิงเกรซและเจ้าหญิงสเตฟานีพระราชธิดาได้ขับรถมุ่งสู่โมนาโกจากที่ประทับในชนบท พระองค์ประชวรกะทันหันด้วยโรคเส้นพระโลหิตแตกในพระมัตถลุงค์ (สมอง) ทำให้รถโรเวอร์ที่ทรงขับอยู่พลิกคว่ำตกจากไหล่เนินที่สูงหลายตลบ และสิ้นพระชนม์ในวันรุ่งขึ้น มีการโจษจันกันว่าจุดเกิดเป็นถนนช่วงโค้งที่เดียวกันกับที่ใช้เป็นฉากภาพยนตร์ แต่พระโอรสทรงปฏิเสธ เจ้าหญิงสเตฟานีได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย  พระศพของเจ้าหญิงเกรซได้รับการฝังไว้ในโบสถ์เซนต์นิโคลาส ประเทศโมนาโก และต่อมาพระศพเจ้าชายเรนีเยก็ถูกฝังไว้เคียงของเจ้าหญิงเกรซหลังจากสิ้นพระชนม์ใน ค.ศ. 2005 มีประชาชนมากกว่า 100 ล้านคนที่ชมการถ่ายทอดพิธีฝังพระศพเจ้าหญิงเคลลี

        ชีวิตในราชวงศ์เริ่มเปลี่ยนไป สิ่งที่ทุกคนเป็นห่วงคือพระพลานามัยของเจ้าชายเรนิเย นับตั้งแต่การจากไปของเจ้าหญิงเกรซ เคลลี่ อีกทั้งความประพฤติของพระราชธิดาทั้งสองพระองค์ ที่ไม่เคยนำความชื่นใจมาเลย โดยเฉพาะเจ้าหญิงสเตฟานีที่มีความประพฤติ ไปในทางลบด้านชู้สาวเสียมากกว่า ส่วนเจ้าชายอัลแบร์ก็คงตำแหน่งเจ้าชายเพลย์บอยไม่เสื่อมคลาย ทั้งนี้เจ้าชายเรนิเยทรงรับการรักษาในโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ค.ศ. 2005 หลังจากทรงพระประชวรจากพระอาการของพระปัปผาสะ (ปอด) ติดเชื้อ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม อาการทรุดลง เมื่อวันที่ 1 เมษายน สำนักพระราชวังโมนาโกก็แถลงว่า เจ้าชายอัลแบร์จะทรงขึ้นสำเร็จราชการแทนพระองค์ สำนักพระราชวังโมนาโกแถลงว่าเจ้าชายเรนิเยสิ้นพระชนม์แล้วเมื่อเวลา 04.35 น. ด้วยพระชันษา 81 ปี โดยมีเจ้าชายอัลแบร์ประทับอยู่เคียงข้าง

        อย่างไรก็ตาม เจ้าหญิงเกรซ กลายเป็นสัญลักษณ์ของผู้หญิงที่ละทิ้งความฝันเพื่อบทบาทใหม่ในชีวิตจริง การเสียชีวิตของเธอยังคงเป็นที่พูดถึง แม้เวลาจะผ่านมากว่าสี่ทศวรรษ แต่เรื่องราวชีวิตของเจ้าหญิงเกรซก็ยังคงตราตรึงใจผู้คนทั่วโลก เปรียบประดุจ “ซินเดเรลล่าแห่งวงการมายา”

 ****************

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
40 VOTES (5/5 จาก 8 คน)
VOTED: แด๊ดดี้จอเเดน, Freya Rune, famai, kyogisa, projor007, goldfish13, davin, ดร กิฟท์นางมารพยากรณ์
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติพืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีนชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีดชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทยแคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯแบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนายน้องแร็คคูนบุกร้านค้า ดื่มจัดหนัก จนเมาค้าง เห็นแล้วนึกถึงคนเหมือนกันนะเนี่ย (ฮา)🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
“ย้อนวันวานอาหารจานละ 2-3 บาท กินอิ่มทั้งบ้านด้วยเงินไม่กี่บาท ราคาน่ารักที่วันนี้หาไม่ได้แล้ว”ทัพฟ้าไทย พร้อมรบ 24 ชั่วโมง โชว์ยุทโธปกรณ์สุดล้ำ โจมตีแม่นยำ "ไม่ให้ใครย่ำยี" น่านฟ้าไทยทำไมต้องหย่ากัน หลังถูกคดีความ? เหตุผลที่ฟังดูดราม่า…แต่จริงกว่าที่คิดน้องแร็คคูนบุกร้านค้า ดื่มจัดหนัก จนเมาค้าง เห็นแล้วนึกถึงคนเหมือนกันนะเนี่ย (ฮา)นี่คือสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก Redwood และ Sequoiaเฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับของจีน ทดสอบบินและยิงกระสุนจริงครั้งแรกแล้ว
อัลปากา VS อัลปากา: พลังศักดิ์สิทธิ์จากสัตว์แห่งอินคา สู่โลหะมงคลในวงการพระเครื่องไทยถอดรหัสเสน่ห์ร้ายของยอดนักรัก! ทายนิสัยความเป็น "คาสโนว่าและคลาสโนวี่" ตามเดือนเกิด พร้อมส่องพฤติกรรมการแสดงออกเปิดตำนาน "ฮัตเชปซุต" ฟาโรห์หญิงผู้ต้อง "สวมเครา" ท้าทายกฎบุรุษ จนถูกลบชื่อนาน 3,500 ปี!บัวน่าปลูก...สายมูต้องห้ามพลาด! เสริมมงคลให้ชีวิตรุ่งเรือง
ตั้งกระทู้ใหม่