ศาลาคนเศร้า : เรื่องเล่าความรักผ่านตัวอักษร
สมัยก่อนการเดินทางต่างจังหวัดจะมีแผงหนังสือขายอยู่ตรงข้างๆท่ารถในอำเภอ และจังหวัดต่างๆ หนังสือเป็นที่นิยมอย่างมากในการซื้อไว้อ่านบทรถโดยสาร เพื่อคลายความเหงา ความเบื่อในการเดินทางระยะไกล มีหนังสือเล่มหนึ่งเป็นนิยมอย่างมากในการอ่านนั่นคือ “ศาลาคนเศร้า”
“ศาลาคนเศร้า” ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2507 โดยฝีมือของ “เล็ก วงศ์สว่าง” นักจัดรายการวิทยุชื่อดัง เจ้าของค่ายหนังสือ “I.S. Song Hits The Guitar” ที่เราคุ้นเคยกันดีหากต้องการคอร์ดกีตาร์สำหรับเล่นเพลงสักหนึ่งเพลง ที่มาที่ไปของศาลาคนเศร้า มาจากตอนที่ เล็ก วงศ์สว่าง จัดรายการเพลงที่สถานีวิทยุเสียงสามยอดเมื่อปี 2503 ได้รับความนิยมจากผู้ฟัง ที่เดิมเขียนจดหมายบรรยายเพลงสากลส่งมาร่วมสนุก ส่วนมากเป็นเพลงอกหัก ผิดหวัง ต่อมาพัฒนากลายมาเป็นเขียนเรื่องส่วนตัว และเมื่อมีจดหมายเข้ามานับร้อยฉบับจึงแยกเป็นพ็อกเก็ตบุ๊คอีกเล่มต่างหาก
เล็ก วงศ์สว่าง เคยกล่าวว่า “ผมคิดว่าศาลาคนเศร้าเป็นสนามให้เขาลองภูมิปัญญา เพราะคนที่เขียนมาไม่ใช่นักประพันธ์ ฉะนั้นเขียนไปลงนิตยสารอื่นก็ไม่ได้ลง เพราะเขาเขียนเป็นภาษาชาวบ้าน ไม่ได้มีสำบัดสำนวน นางแบบคนแรกที่ขึ้นปกนิตยสารก็ไม่ใช่คนอื่นไกล แต่เป็นสาวสวยใกล้โรงพิมพ์นี่เอง ไม่ใช่เพชรา เชาวราษฎร์ และไม่เอาพิสมัย วิไลศักดิ์” ที่ผ่านมา ศาลาคนเศร้าตีพิมพ์เป็นพ็อกเก็ตบุ๊กรายเดือน ความหนา 200 หน้าเศษ ประกอบด้วยคอลัมน์แนะนำเพื่อนใหม่ “ศาลาบริการ” และ “ศาลาสีรุ้ง” สำหรับคนที่มีรสนิยมรักเพศเดียวกัน แต่ที่ได้รับความนิยมคงจะเป็นคอลัมน์ “เรื่องเศร้าจากชีวิตจริง” ที่เป็นการตีพิมพ์จดหมายบรรยายความรักที่ไม่สมหวังจากผู้อ่านทางบ้าน
สิ่งสำคัญที่ศาลาคนเศร้ายังคงเป็นที่พูดถึงก็คือ เป็นพื้นที่สำหรับแนะนำเพื่อนใหม่ให้เขียนจดหมายหากัน และสานสัมพันธ์เป็นคนที่รู้ใจ มีอยู่คนหนึ่งผิดหวังจากความรัก ไปซื้อศาลาคนเศร้า ตัดสินใจเขียนจดหมายไปหาทหารพรานนายหนึ่งตามที่อยู่ในหนังสือ คุยไปคุยมาสุดท้ายคบหาแล้วได้แต่งงานกัน มีลูกด้วยกันคนหนึ่ง ทุกวันนี้ชีวิตมีความสุขดี ไม่น่าเชื่อว่า แม้คนรุ่นใหม่จะมองว่าชื่อของศาลาคนเศร้าจะดูโบราณไปสักนิด แต่ความนิยมในหมู่ผู้อ่านยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งผู้ต้องขังในเรือนจำ ส่วนใหญ่เป็นคดียาเสพติด มักจะส่งจดหมายเข้ามาบรรยายความรักที่ไม่สมหวังเพราะถูกแฟนทิ้งระหว่างต้องขัง กลายเป็นคอลัมน์ที่ชื่อว่า “เสียงจากคนข้างใน” ที่น่าอ่านอย่างยิ่ง
ผมเคยซื้อศาลาคนเศร้ามาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นพ็อกเก็ตบุ๊ก ถูกเพื่อนร่วมงานแซวอย่างขำขันว่า “เอ็งอกหักเหรอถึงได้ซื้อมาอ่าน” โดยส่วนตัวเห็นว่าเรื่องพวกนี้สนุกกว่าดูละคร เพราะล้วนเป็นเรื่องจริง แม้อย่างที่บอกก็คือเรื่องบางเรื่องจะยืนยันไม่ได้ว่าเป็นเรื่องจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าอ่านไปนานๆ จะดูออกว่าอันไหนคือการบอกเล่า อันไหนคือการรำพึงรำพัน เมื่อปีที่แล้วศาลาคนเศร้าขายเล่มละ 40 บาท หาซื้อไม่ยากแต่จะอยู่ตามร้านหนังสือ และแผงหนังสือตามชุมชนต่างๆ แต่หนังสือมักจะออกประมาณกลางเดือน คนขายกะไม่ถูก บอกไม่ได้ว่าหนังสือจะเข้าร้านตอนไหน กระทั่งเดือนกันยายน 2557 ศาลาคนเศร้าได้ตีพิมพ์พ็อกเก็ตบุ๊คเป็นครั้งสุดท้าย ฉบับที่ 510 ก่อนหยุดพิมพ์ไป 6 เดือน
เดือนมีนาคม 2558 ศาลาคนเศร้ากลับมาในรูปแบบนิตยสารรายเดือน ความหนา 116 หน้า เย็บมุงหลังคาแทนไสกาว พร้อมขึ้นราคาเป็น 45 บาท โดยมีทายาทอย่าง “ปิยะวัลย์ วงศ์สว่าง” เป็นบรรณาธิการบริหาร และเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายตามร้านเซเว่นอีเลฟแว่นที่มีสัญลักษณ์ Book Smile เพื่อให้การวางแผงครอบคลุมและทั่วถึง
นอกจากคอลัมน์เดิมที่กลับมาเกือบครบแล้ว เนื้อหาภายในถูกปรับปรุงโดยเน้นสกู๊ปเรื่องราวความรักของดาราดัง บทสัมภาษณ์ดารานักแสดงที่ผ่านเรื่องราวชีวิตที่น่าสนใจ ผ่านไปแล้วสองฉบับก็มี แตงโม-ภัทรธิดา กับ สุดา ชื่นบาน ตอบปัญหาความรักและเซ็กซ์, ธรรมะ, เรื่องลี้ลับ, การดูแลสุขภาพ, แนะนำวิธีการทำอาหาร และทำนายดวงชะตา
โดยส่วนตัวเท่าที่สัมผัสเนื้อหาศาลาคนเศร้ารูปโฉมใหม่มาสองฉบับ มีความรู้สึกว่าคอลัมน์พวกสัมภาษณ์ดารา สอนทำอาหาร สุขภาพความงาม ปกิณกะบันเทิง ของพวกนี้หาอ่านได้ตามแมกกาซีนทั่วไปที่วางขายกันกลาดเกลื่อน ไม่สอดคล้องกับชื่อของ “ศาลาคนเศร้า” ซึ่งเป็นชื่อที่ผู้อ่านต้องคาดหมายว่าจะต้องมีเรื่องเศร้าเป็นเอกลักษณ์แน่ๆ ที่น่าใจหายก็คือ เซ็กชั่น “เรื่องเศร้าจากชีวิตจริง” อ่านแล้วมีความรู้สึกว่าเนื้อหากลับน้อยลงจนน่าใจหาย ไม่รู้ว่าจำนวนเรื่องยังเหมือนเดิมหรือความรู้สึกเปลี่ยนไป แถมเซ็กชั่น “เสียงจากคนข้างใน” ที่เป็นการตีพิมพ์จดหมายบรรยายความผิดหวังเรื่องความรักจากนักโทษและผู้ต้องขัง ก็ถูกยุบรวมกันเหลือไม่ถึงเรื่อง-สองเรื่อง ทีแรกไม่รู้ว่าทีมงานศาลาคนเศร้ากำลังหลงทางหรือเปล่า เพราะแม้จะกล่าวได้ว่าต้องปรับตัวไปตามยุคสมัย แต่เอกลักษณ์ที่มีอยู่เดิมไม่น่าจะลดบทบาทลงไปด้วย แต่พอดูความนัยระหว่างบรรทัดจากบทบรรณาธิการ ก็พอเดาออกถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยี คือคนดราม่าผ่านเฟซบุ๊ก ผ่านโซเชียลมีเดียมากขึ้น แต่การเขียนจดหมายกลับน้อยลง
ปิยะวัลย์กล่าวในบทบรรณาธิการ ฉบับเดือนมีนาคม 2558 ที่กลายเป็นนิตยสารเล่มใหญ่ ว่า “เรารณรงค์เรื่องการเขียน อยากให้ผู้คนหันมาหยิบปากกาเขียนลงกระดาษแทนแป้นพิมพ์หรือโทรศัพท์มือถือ เพราะคุณค่าของตัวอักษรที่ถูกบันทึกลงผ่านกระดาษด้วยลายมือนั้นมีค่าและมีความหมายกว่าเป็นไหนๆ”
อย่างไรก็ตามถึงแม้ปัจจุบันศาลาคนเศร้ามีการปรับตัวจากสื่อสิ่งพิมพ์กลายเป็นสื่อดิจิทัลไปเป็นที่เรียบร้อย แต่เรื่องราวเรื่องเล่าในความรักก็มีการปริผลิออกมา ที่ได้แรงบันดาลใจจากศาลาคนเศร้านั่นคือ คลับฟรายเดย์ ที่จากเมื่อก่อนออกอากาศทางคลื่นวิทยุ และกลายเป็นรายการทางโทรศัพท์ และมีซีรีย์จากเรื่องเล่าทำให้เห็นภาพ แต่มุมของผู้เขียนยังชอบอ่านนะ เพราะมันได้จินตนาการดี
**************
สูตรคำนวณงวด 2/1/69
นักมวยรองแชมป์โอลิมปิก แซะเจ้าภาพไทย หลังตกรอบรองฯ ซีเกมส์ 33
รู้จัก "มาเฟีย" สาวไทยในปอยเปต..กับเส้นทางชีวิตที่ไม่ธรรมดา
พ่อนอกใจเป็นชู้ กับแฟนสาวของลูกชาย
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
เขมรไม่มีคิดหยุด แต่คิดว่าจะรบไทยให้ชนะด้วย F-35 ได้อย่างไรในอนาคต
ทหารกัมพูชา รับจ้างรีวิวสินค้าพร้อมปักตะกร้าในแนวหน้า ระหว่างสู้รบกับทหารไทย
BBC ยกให้ "กรุงพนมเปญ" ติด TOP20..ปลายทางที่ดีที่สุดในโลก
หนุ่มเผาบ้านวอด เหตุเพราะแม่ไม่ยอมกินข้าวที่เขาทำ
วิมานบนดินที่ไร้เงาเจ้าของ เจาะปมคฤหาสน์ลอยฟ้า 658 ล้านที่กลายเป็นเพียงอนุสรณ์แห่งความล้มเหลว
อาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ช่องทางการรับรางวัลสลากกาชาดมหาดไทย 2568 ตรวจสอบสิทธิและติดต่อรับโชคได้ถึงต้นปีหน้า
วิมานบนดินที่ไร้เงาเจ้าของ เจาะปมคฤหาสน์ลอยฟ้า 658 ล้านที่กลายเป็นเพียงอนุสรณ์แห่งความล้มเหลว
ทำไมคนยุคนี้ถึงชอบดูคลิป “ชีวิตช้า ๆ” (Slow Living) มากขึ้น
รู้ไหมว่า QR Code ที่เราใช้ในปัจจุบันมีเจ้าของลิขสิทธิ์?
วิธีล้างผักด้วยน้ำส้มสายชู
ทหารกัมพูชา รับจ้างรีวิวสินค้าพร้อมปักตะกร้าในแนวหน้า ระหว่างสู้รบกับทหารไทย
เปิดม่าน "เติร์กเมนิสถาน" ดินแดนหินอ่อนขาวที่กฎระเบียบสุดโต่งจนโลกต้องตะลึง
จากอดีตยูทูบเบอร์สาวผันตัวเข้าสู่วงการ AV ญี่ปุ่น
เจาะลึกเบื้องหลังกองถ่าย ทำไมหนังผู้ใหญ่เอเชียต้องใช้ถุงยาง แต่ฝรั่งไม่ต้อง?
ถอดรหัสความงาม! "ผู้หญิงที่เซ็กซี่ที่สุดในโลก" ตามหลักวิทยาศาสตร์และสถิติ

