มรดกที่มีค่ามากกว่าเงิน
ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งที่เกิดในครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างดี แม้จะไม่ถึงกับร่ำรวยมาก แต่ด้วยความที่อยู่ในชนบท จึงทำให้ผมมีบ้านหลังใหญ่กว่าคนอื่นๆ ในตำบลเดียวกัน ผมถูกเพื่อนๆ ในโรงเรียนที่อาศัยอยู่ในตำบลเดียวกันเรียกว่า “ลูกเทวดา” เพราะเห็นผมเกิดมาบ้านรวย อยากจะได้อะไรพ่อแม่คงซื้อให้หมด ไม่มีใครรู้ความจริงเลยว่า ผมไม่เคยได้อะไรแบบนั้น
ด้วยความที่พ่อกับแม่เคยยากจนกันมาก่อน บวกกับความที่ผมเป็นพี่คนโต จึงพอจะทันเห็นระยะสร้างตัวของพ่อกับแม่ตั้งแต่จ่าความได้ ตอนนั้นร้านของแม่ยังเป็นแค่ร้านขายของชำธรรมดา ไม่ใช่มินิมาร์ตเหมือนอย่างตอนนี้ ส่วนพ่อก็ขับรถจักรยานยนต์คันเก่าๆ ที่มีสายไฟพันเต็มไปหมดไปทำงานโดยไม่มีวันหยุด พอสร้างตัวได้หน่อยถึงค่อยซื้อรถเก๋งสีดำมือสอง ซึ่งขึ้นชื่อว่าไปที่ไหนก็ต้อง “จอดเสียกลางทาง” ตลอด
มาถึงตอนนี้ ร้านขายวัสดุก่อสร้างของพ่อใหญ่โตและยังขยายไปอีก 3 สาขา แถมยกระดับจากคนเคยขับรถเก๋งมือสองมาเป็นคนที่มีรถเบนซ์ขับ แต่ถึงแม้วันนี้พ่อแม่ของผมจะมีฐานะดีแค่ไหน ท่านก็ไม่เคยให้ลูกใช้เงินฟุ่มเฟือยโดยไม่รู้คุณค่าเลย ย้อนกลับไปตอนที่ผมกำลังจะเข้าเรียนชั้นมัธยมปีที่ 1 ซึ่งผมต้องย้ายเข้าไปเรียนในเมือง
แน่นอนว่าเมื่อเราต้องไปเรียนในที่ห่างไกล เราก็อยากจะมี “โทรศัพท์มือถือ” ติดตัวไว้ให้อุ่นใจ นั่นเป็นที่มาของมือถือเครื่องแรกของผม เจ้าโมโตโรล่า ราคาประมาณ 600 บาท แม้ว่ามันจะจําเป็นสําหรับการติดต่อกันเมื่อไกลตา แต่พ่อแม่ก็ไม่ได้ซื้อให้ และบอกให้ผมหาเงินไปซื้อเอง ตอนนั้นผมเลยทํางานรับจ้างล้างรถให้พ่อแม่ ถูบ้าน และเอาเงิน เก็บในกระปุกทั้งหมดออกมาซื้อ ที่สําคัญเงินในมือถือก็ต้องใช้เงินที่เหลือจากค่าขนมมาเติมเอง
พอขึ้น ม.2 ผมก็ย้ายกลับมาเรียนใกล้บ้าน เพราะมีปัญหาทางด้าน ภาษามลายูที่พูดไม่ได้ จึงทําให้เรียนไม่เข้าใจ ตอนนั้นมือถือรุ่น Samsung one tv ดังมาก เพราะมันดึงเสาอากาศ ออกมาดูทีวีได้ สําหรับยุคนั้นถือว่าว้าวมาก เครื่องหนึ่งราคา 2,300 บาท ด้วยความที่ผมอยากได้มาก ประกอบกับเจ้ามือถือเครื่องเดิมดันเสีย เพราะไปเผลอทําตกน้ำในระหว่างกําลังซักผ้าพอดี จึงต้องทํางานแลกมาเหมือนเดิม โดยตอนนั้นก็ยังรับจ้างล้างรถให้พ่อแม่อยู่ แต่คราวนี้ผมได้ ยกระดับฝีมือการล้างรถของตัวเองขึ้นจนคุณภาพเทียบเท่ากับร้านคาร์แคร์เลย
คือแทนที่จะล้างรถแบบธรรมดาทั่วไป ผมก็เพิ่มบริการ ดูดฝุ่น ขัดล้อรถ ขัดเครื่องหนัง และเคลือบกระจก พ่อจึงเพิ่มค่าจ้างให้ ในระดับที่ใกล้เคียงกับร้านคาร์แคร์เป็นจํานวนเงินทั้งสิ้น 100 บาท นั่นแปลว่าผมต้องล้างรถถึง 23 ครั้ง กว่าจะเพียงพอสําหรับค่าโทรศัพท์เครื่องนั้น
ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้เวลานานมาก เพราะใช่ว่าจะมี รถมาให้ล้างทุกวัน พอดีกับในจังหวะนั้นลูกพี่ลูกน้องที่โตกว่าผมประมาณ 3 ปี มา ชักชวนให้ไปรับจ้างทาสีเหล็กที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งในตําบลใกล้เคียง โดยจะได้ค่าจ้างอยู่ที่ 800 บาท ทํางานประมาณ 3 วัน ผมจึงตอบตกลงทันที และลูกพี่ลูกน้องก็มารับผมที่บ้านตอนเช้า เพื่อไปทาสี โดยเขาก็สอนผมทาสีไปด้วย
แต่ก็โชคร้าย ทาไปทามา วันที่ 2 ของการทำงาน ขณะที่ผมกำลังยกเหล็กขึ้นเพื่อไปวางบนแท่นทาสีมันดันหลุดมือตกใส่เท้า ทำให้นิ้วโป้งเท้าด้านขวาผมเลือดออกเยอะมาก
ตอนนั้นมีคนงานต่างด้าวชาวพม่าคนหนึ่งเห็นผมกำลังร้องด้วยความเจ็บปวด เขาก็เดินไปเด็ดใบไม้อะไรสักอย่างมาจากต้น แล้วขยี้บีบน้ำออกมาใส่แผลผม ปรากฏว่าเลือดหยุดทันที แต่มันก็ทำให้ผมต้องหยุดทำงานตั้งแต่วันนั้น เพราะแผลค่อนข้างใหญ่ ผมจึงได้รับค่าจ้างมา 600 บาท เพราะทำงานไม่ครบตามกำหนด
ผมกลับมาล้างรถเหมือนเดิม ประกอบกับไปที่ร้านของพ่อที่เป็นสาขาย่อย เพื่อไปเป็นคนซึ่งตะปูขาย และเก็บเงินที่เหลือจากค่าขนมที่ได้ไปโรงเรียนในแต่ละวัน ผมทำงานเก็บเงินอยู่ 3 สัปดาห์ กว่าจะซื้อโทรศัพท์เครื่องนี้มาได้ สิ่งที่แตกต่างระหว่างการที่พ่อแม่ซื้อให้กับเราทำงานซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง คือ การมองเห็น “คุณค่า” ของสิ่งของนั้นๆ
ช่วงที่ผมไปซ้อมกีฬาเทควันโดสมัยมัธยมต้น เพื่อนทุกคนจะมีโทรศัพท์เหมือนกันหมด แต่สิ่งที่แตกต่างคือ ถ้าผมทำโทรศัพท์ตกเมื่อไหร่ ใจผมจะวูบมาก เพราะกลัวมันจะเสีย หน้าจอจะแตก ในขณะที่ถ้าเพื่อนผมทำโทรศัพท์ตก เขาจะหยิบขึ้นมาแล้วขว้างมันลงกับพื้นซ้ำ เพราะอยากให้มันพังเร็วๆ พ่อจะได้ซื้อใหม่ให้
นอกจากของที่เกี่ยวกับการเรียน พ่อแม่ผมจะไม่ซื้อของใช้ส่วนตัวใดๆ ให้เลย แต่ถึงแม้จะเป็นเรื่องเรียนก็ใช่ว่าจะเปย์ให้ทุกอย่าง อย่างเวลาผมไปแข่งกีฬาต่างจังหวัด แม่จะคำนวณเลยว่าใน 1 วันใช้เงินกับอะไร เท่าไหร่บ้าง เช่น
- กินมื้อละ 30 บาท จำนวน 3 มื้อ รวม 90 บาท
- ซื้อน้ำดื่ม 20 บาท
- ขนม 20 บาท
- แถมให้อีก 20 บาท
- รวมทั้งหมดเป็น 150 บาท
ไปแข่งทั้งหมด 3 วัน เท่ากับว่าผมจะได้เงินติดตัวไปรวมทั้งหมด 450 บาท
ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ผมเริ่มทำงานหาเงินตั้งแต่ชั้น ม.2 โดยการไปรับจ้างเป็นครูผู้ช่วยเทควันโด ได้เงินเดือนละ 2,000 บาท จนไปเปิดชมรมเองในโรงเรียนมัธยมปลาย ได้เงินประมาณ 1-2 หมื่นบาท จนออกมาลงทุนเปิดโรงเรียนเองข้างนอกตอนเรียนมหาวิทยาลัย
ปิดเทอมผมไม่เคยหยุด วันหยุดผมไม่เคยนิ่ง เพราะผมเอาเวลาว่างไปทำงานหาเงินมาตลอดจนถึงวันนี้ แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่นอย่างที่คิด
ตอนผมเรียนมหาวิทยาลัย ธุรกิจโรงเรียนสอนเทควันโดของผมเจ๊งไปถึงสองครั้ง และขาดสภาพคล่องทางการเงินไปหลายหน ด้วยความที่ทำธุรกิจโดยที่ไม่มี “ความรู้ทางการเงิน" ผมเคยไม่มีเงินถึงขนาดต้องไปขอยืมเงินเพื่อน 100 บาท เพื่อเอาไปซื้อมาม่าและไข่ไว้กินประทังชีวิตตลอด 2 สัปดาห์ จนวันนี้ผมสามารถสร้างธุรกิจที่ทำเงินได้มากพอที่จะเลี้ยงตัวเองได้อย่างสบาย และเพียงพอสำหรับแบ่งปันให้ผู้อื่นแล้ว
เมื่อช่วงกลางปี 2020 ผมมีโอกาสกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด ผมตั้งใจถอนเงินสด 2 หมื่นบาทเตรียมไว้เพื่อแจกจ่ายให้กับย่า ยาย หลานๆ และบริจาคให้เด็กกำพร้า
แม่บอกผมว่าไม่ต้องให้เงินแม่หรอก แค่ลูกเรียนจบ หาเงินเลี้ยงตัวเองได้โดยไม่เดือดร้อนพ่อแม่ แม่ก็ภูมิใจแล้ว เพราะยังมีอีกหลายคนที่เรียนจบแล้ว โตแล้ว แต่ยังต้องขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่เลย
สิ่งที่ผมมักจะพูดเสมอคือ “ขอบคุณพ่อกับแม่ที่สอนให้ผมรู้จักหาเงิน และเห็นคุณค่าของเงิน ตอนนั้นผมไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมพ่อแม่ถึงต้องให้ผมทำงานหาเงินเอง ในขณะที่เพื่อนแถวบ้านมีพ่อแม่คอยซื้อของทุกอย่างให้ทั้งที่ฐานะ เขาก็ไม่ได้ดีไปกว่าเรา ทำไมวันหยุดผมและน้องต้องตื่นมาแล้วแบ่งหน้าที่กันว่าใครจะถูพื้น ใครจะล้างห้องน้ำ ใครจะขัดหน้าบ้าน จะซื้ออะไรก็ต้องทำงานหาเงินแลกมา แต่ถึงวันนี้ผมเข้าใจแล้วว่า สิ่งที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ผมคือ “มรดกทางความคิด” ที่มีค่ามากกว่าเงินมหาศาล
ตอนเด็กๆ ที่ผมต้องทำงานหาเงิน พ่อแม่ก็ไม่ได้ให้ต้นทุนอะไรมาก นอกจากให้ใช้แรง สมอง ความขยัน และความอดทน ทุกวันนี้ผมจึงสามารถสร้างธุรกิจของตัวเองได้ โดยไม่ต้องรอให้มีเงินทุนก่อน หรือรอให้พ่อแม่หยิบยื่นให้ สิ่งที่ผมถูกปลูกฝังมาก็คือ ให้เชื่อในการ “ลงมือทำ”ถ้าวันนี้ใครที่ไม่ได้เกิดมามีพ่อแม่ร่ำรวย ก็อย่าได้น้อยใจ ส่วนใครที่กำลังมีลูก ก็อย่าอายที่จะสอนให้ลูกหาเงินตั้งแต่เด็กนะครับ
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
สูตรคำนวณงวด 2/1/69
จีน ไฟเขียว ให้ไทย ถล่มรังแก๊งสแกมเมอร์
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวน
นักมวยรองแชมป์โอลิมปิก แซะเจ้าภาพไทย หลังตกรอบรองฯ ซีเกมส์ 33
“บอย ภิษณุ" ประกาศขายบ้านหรูแล้ว ราคา 70 ล้าน
เด็ก 5 ขวบจุดไฟเผากระดาษทิชชูเล่น ทำวิลล่าหรูวอด
"ปูติน" ให้สัมภาษณ์สื่อ "กำลังอินเลิฟ"..สื่อผู้ดีขุดคุ้ยทันทีสาวคนนี้เธอเป็นใคร ?
ซีรี่ส์เรื่อง "Signal" ถูกกล่าวหาว่าลอกเลียนแบบ ซีรี่ย์เก่าของฮ่องกง
ช้าง 7 เชือกเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถไฟในอินเดีย
สมาคมฟุตบอลเอเชียเตรียมลงโทษผู้ตัดสินชาวลาว
ซีรี่ส์เรื่อง "Signal" ถูกกล่าวหาว่าลอกเลียนแบบ ซีรี่ย์เก่าของฮ่องกง
"3 สิ่งในห้าง" ที่ไม่ควรซื้อมากิน!!
ผู้เสียหายร้องจเรตำรวจ–ป.ป.ท. สอบสวนตำรวจย่านรามคำแหง หลังสำนวนคดีลักทรัพย์บกพร่อง พยานสำคัญ 5 ปาก “หายจากแฟ้ม”



