หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ทั่วโลกตื่นตัวเลิกขายอสังหาฯ ให้ชาวต่างชาติ

โพสท์โดย doctorsopon

 

            ในขณะที่ประเทศไทยพยายามขายบ้าน ขายแผ่นดินให้ต่างชาติกันมาโดยตลอด รัฐบาลแล้วรัฐบาลเล่า แต่ในประเทศที่เจริญ (กว่าไทย) แล้ว เขาพยายามหยุดยั้งการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของคนต่างชาติ

            ดูอย่างประเทศที่เจริญกว่าเราในอาเซียน เขากีดกันต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์อย่างชัดเจน

            1. สิงคโปร์กำหนดไว้ชัดเจนเลย ต่างชาติที่มาซื้อห้องชุดในประเทศของเขา ต้องเสียภาษีซื้อถึง 60% เช่น ถ้าห้องชุดราคา 40 ล้านบาท ก็ต้องนำเงินอีก 24 ล้านบาท (60% ของราคา 40 ล้านบาท) ไปประเคนให้รัฐบาลสิงคโปร์นำไปพัฒนาประเทศ เพื่อประโยชน์ของมหาชนชาวสิงคโปร์ ภาษีอย่างนี้ ไทยไม่เก็บและไม่เคยคิดจะเก็บ พวกที่พยายามจะ “ขายชาติ” ทั้งหลาย เห็นว่าไปศึกษาจากนานาชาติมามากมาย ไม่เคยยกเงื่อนไขนี้มาคิดพิจารณาเลย เงียบกริบ หวังจะ “ขายชาติ” กันสถานเดียว

            2. มาเลเซียที่เจริญกว่าเราเช่นกันเพราะมีรายได้ประชาชาติต่อหัวสูงกว่าไทยเกือบเท่าตัว ก็กำหนดราคาขั้นต่ำที่ต่างชาติจะซื้อได้ คือไม่ต่ำกว่า 2 ล้านริงกิต (หรือ 16 ล้านบาท) โดยเฉพาะในเขตกรุงกัวลาลัมเปอร์ แต่ในกรณีประเทศไทย ต่างชาติมาซื้อได้ในทุกระดับราคา 2 ล้านบาทก็ซื้อได้ อย่างนี้ก็แย่งคนไทยซื้อ ทำให้ราคาเพิ่มมากขึ้น คนไทยซื้อบ้านได้ยากขึ้น การเปิดให้ต่างชาติซื้อห้องชุดแบบไม่มีราคาขั้นต่ำนี้ ก็คือการทำลายคนไทยด้วยกันเอง

            3. อินโดนีเซียที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าไทยหนึ่งเท่าตัว ก็กำหนดราคาขั้นต่ำไปประมาณ 330,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 10 ล้านบาทเช่นกัน แต่ “ไทยเฉย”

            ถ้าเราดูเลยไปอีกนิดในเอเชีย เขาก็พยายามกีดกันต่างชาติไม่ให้ซื้ออสังหาริมทรัพย์เช่นเดียวกัน

            1. โดยออสเตรเลียกำหนดไว้เลยว่าใครก็ตามที่จะซื้อบ้านในออสเตรเลีย ซื้อได้เฉพาะบ้านมือหนึ่งที่สร้างใหม่ ห้ามซื้อบ้านมือสองเพราะจะเท่ากับมาแย่งชาวออสเตรเลียซื้ออย่างชัดเจน

            2. ในขณะที่ในประเทศนิวซีแลนด์ เขาห้ามขาดต่างชาติไปซื้ออสังหาริมทรัพย์แล้ว เขายืนยันว่าไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจแต่อย่างใด แต่พวกที่เกี่ยวข้องกับการขายบ้านก็พยายามเรียกร้องให้ “ขายชาติ” เช่นเดียวกันที่เย้วๆ ในประเทศไทย แต่รัฐบาลที่นั่นยึดแน่นในผลประโยชน์ของมหาชนมากกว่าของพวกนักธุรกิจ

            3. ที่เกาหลีใต้ ก็เริ่มเพิ่มความเข้มงวดมาตรการผู้ซื้อบ้านชาวต่างชาติด้วยระบบใบอนุญาตใหม่ ทั้งนี้เพราะมีชาวต่างชาติที่ร่ำรวยแต่ไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศเกาหลีใต้กำลังซื้อบ้านหรูเพื่อการลงทุน ส่งผลให้ราคาพุ่งสูงขึ้น นับแต่นี้ ชาวต่างชาติจะต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลก่อนซื้อบ้านในกรุงโซลและพื้นที่โดยรอบ ซึ่งถือเป็นความพยายามครั้งใหญ่ที่สุดของกระทรวงในการสกัดกั้นการไหลเข้าของเงินจากต่างประเทศเพื่อเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ (กรุงโซล 23 เมืองและเทศมณฑลในจังหวัดคยองกี และ 7 เขตของอินชอน) และผู้ซื้อชาวต่างชาติต้องย้ายเข้าภายใน 4 เดือนนับจากวันที่ซื้อ และต้องอาศัยอยู่ในอสังหาริมทรัพย์นั้นอย่างน้อยสองปี ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามนี้อาจเสี่ยงต่อการถูกปรับซ้ำหลายครั้งเป็นเงินสูงสุดถึง10% ของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ และอาจถูกยกเลิกการซื้อขาย ตามข้อมูลพบว่า ณ สิ้นปี 2567 ชาวจีนมีถือครองอสังหาริมทรัพย์ 56,301หน่วย รองลงมาคือชาวอเมริกัน 22,031 หน่วย ชาวแคนาดา 6,315 หน่วย และชาวไต้หวัน 3,360 หน่วย

            4. ที่ประเทศจีน ต่างชาติไม่สามารถซื้อบ้านได้เลย ได้แต่เช่า 50-70 ปีเท่านั้น และผู้ซื้อจะต้องเป็นผู้ที่ทำงานอยู่ในประเทศจีนแล้ว 1 ปี หรือมีใบกำกับภาษี และซื้อได้แค่หน่วยเดียว ไม่สามารถซื้อไว้เก็งกำไรได้ ไม่สามารถซื้อห้องชุดเป็นจำนวนมาก เช่นที่คนจีนทำในกรุงเทพมหานคร แล้วเปิดให้เช่าแบบ AirBnB สัญชาติจีนที่อุกอาจเอากุญแจห้องมาแขวนไว้ในที่สาธารณะให้แขกถือเข้าไปในห้องชุดได้โดยตรง

            5. ที่ญี่ปุ่น เขาเริ่มรู้สึกแล้วว่า ชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่นเป็นเรื่องง่ายเกินไป ซึ่งกระทบต่อกำลังซื้อของชาวญี่ปุ่นเอง (ทุกประเทศในโลกมักเห็นแก่ประโยชน์ของชนในชาติมากกว่าประโยชน์ของนักธุรกิจที่ขายอสังหาริมทรัพย์ใหนคนต่างชาติ) การซื้อบ้านของคนต่างชาติในญี่ปุ่น ทำให้ราคาบ้านพุ่งสูงขึ้น ชาวบ้านที่คิดจะซื้อบ้านก็เดือดร้อนไปตามๆ กัน ทั้งนี้กลุ่มคนซื้อที่ “น่ากลัว” ของญี่ปุ่นก็คือคนจีน ที่แห่ไปซื้อห้องชุดบ้าง บ้านร้างในชนบทบ้าง ทำให้ญี่ปุ่นรู้สึกว่าอาจเกิดปัญหาความไม่มั่นคงของประเทศได้

            6. อินเดียกำหนดไว้ว่าต่างชาติจะซื้ออสังหาริมทรัพย์ในอินเดียได้ต้องเป็นคนอินเดียที่ไม่ได้อยู่ในอินเดียและชาวอินเดียโพ้นทะเลเป็นหลัก  ส่วนชาวต่างชาติอื่นๆ ต้องได้รับการอนุญาตให้ซื้ออสังหาริมทรัพย์เป็นรายๆ ไปจากธนาคารกลางของอินเดียเท่านั้น จะไปซื้ออย่างอิสระโดยเสรีจากชาวบ้านโดยมีพวกนักธุรกิจ (ขายชาติ) คอยตามช่วยซื้อช่วยขาย เช่น ที่พยายามกวาดต้อนซื้อกันในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ในขณะนี้

            มาดูในอเมริกากันบ้างว่าเป็นอย่างไร

            1. สหรัฐอเมริกาที่เคยเปิดกว้างเป็นพิเศษ ก็ปรากฏว่ามีการจำกัดการซื้อในบริเวณใกล้ฐานทัพ หรือบางรัฐก็เริ่มคิดที่จะมีข้อจำกัดกันบ้างแล้ว เพราะกำลังซื้อของต่างชาติโดยเฉพาะจีนมาแรงมากๆ จนกระทั่งขนาดสหรัฐอเมริกายังหวั่นเกรงปัญหาภัยความมั่นคงของประเทศของตน  ในสหรัฐอเมริกามีภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรายปี ภาษีกำไรจากการขายต่อ ที่ค่อนข้างสูงมาก

            2. แคนาดา มีประกาศจากรัฐบาลกลางขยายระยะเวลาห้ามชาวต่างชาติเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในแคนาดาออกไปอีก 2 ปี (ถึงปี 2570) ทั้งนี้เพื่อต้องการให้รักษาตลาดบ้านไว้ให้ชาวแคนาดา และราคาที่อยู่อาศัยไม่พุ่งพรวดพราดเพราะการซื้อขายของชาวต่างชาติ รัฐบาลของเขาเห็นว่าที่อยู่อาศัยสำหรับครอบครัวชาวแคนาดา จะไม่กลายเป็นสินทรัพย์ทางการเงินเพื่อการเก็งกำไร รัฐบาลของเขาก็มุ่งมั่นที่จะทำให้ที่อยู่อาศัยมีราคาที่เอื้อมถึงได้โดยชาวแคนาดาทั่วประเทศ

            ในยุโรปก็ไม่แพ้กัน ปรากฏว่า

            1. ที่ประเทศสเปน มีข้อเสนอภาษีใหม่ที่กำหนดให้ผู้ซื้อที่ไม่ใช่ชาวสหภาพยุโรปต้องเสียภาษีทรัพย์สิน 100% ขึ้นไป แต่การซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการเปิดใหม่ได้รับการยกเว้น เป้าหมายคือการควบคุมแรงกดดันจากการเก็งกำไรในตลาดที่อยู่อาศัย

            2. ที่ประเทศออสเตรีย ต่างชาติที่ไม่ใช่ชาวอียู ต้องได้รับขอนุญาตในการซื้อที่อยู่อาศัย มีการกำหนดโควตาในการซื้อ และห้ามซื้อบ้านามือสอง ในบางภูมิภาคก็ห้ามซื้อ และกระบวนการซื้อของคนต่างชาติก็ค่อนข้างซับซ้อนเพื่อพยายามกีดกันชาวต่างชาติเช่นกัน นอกจากนี้ประเทศในยุโรปยังมีการจัดเก็บภาษีซื้อสำหรับคนต่างชาติ ภาษีมรดก ภาษีกำไรจากการขายต่อ และภาษีมรดกอีกด้วย

            ประเทศที่เจริญๆ เขาไม่คาดหวังลมๆ แล้งๆ ว่าต่างชาติมาซื้ออสังหาริมทรัพย์จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ คงกระตุ้นแต่กระเป๋าของนักธุรกิจที่ไม่คำนึงถึงประชาชนโดยรวมและความมั่นคงของประเทศเท่านั้น

ขอบคุณเนื้อหา และสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่: https://www.area.co.th/t/9388
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
doctorsopon's profile


โพสท์โดย: doctorsopon
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯแคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการีพบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบินพืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่าเปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหมชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีดเขมรขวัญผวา ทัพไทยเหนือชั้น เปิดตัวอาวุธใหม่จากอิสราเอล พร้อม Gripen E/F สุดโหด!🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปีสภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เขมรพังเรื่อยๆ ไทยปิดด่าน ทำเอาชาวเขมรโมโห เผานาทิ้ง เนื่องจากขายข้าวไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับดีไซน์ไทย? เทียบป้ายกีฬา ‘2541 vs 2568’ ทำไมของใหม่กลับเชยกว่าเดิมเมนูอีสานแซ่บๆ: แจ่วปลาร้าพริกสดเขมรขวัญผวา ทัพไทยเหนือชั้น เปิดตัวอาวุธใหม่จากอิสราเอล พร้อม Gripen E/F สุดโหด!
กระทู้อื่นๆในบอร์ด บ้าน คอนโด ที่ดิน
สถานการณ์อสังหาฯ เปิดใหม่ตุลาคม 2568คอนโดภูเก็ต สุดยอดตัวเลือกที่คุณไม่ควรพลาดแนะนำร้านขวัญใจช่างไม้ ‘วิวัฒน์ชัยค้าไม้’ ทำไมถึงเป็นที่นิยมการปฏิวัติวงการที่อยู่อาศัยไทยด้วยระบบภาษี
ตั้งกระทู้ใหม่