ประเทศที่เปลี่ยนชื่อเยอะที่สุดในโลก?
การเปลี่ยนชื่อประเทศอาจมีปัจจัยหลายสาเหตุ อาจเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงการปกครอง การสะท้อนภาพอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม การสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้น่าจดจำและสร้างความเชื่อมั่น แก้ไขความสับสน เป็นต้น
ประเทศไทยเองก็เคยเปลี่ยนชื่อเช่นกันจาก สยาม มาเป็น ไทย อย่างเมียนม่า ก็เคยชื่อ พม่าเช่นกัน แต่มีประเทศหนึ่งที่มีการเปลี่ยนชื่อเยอะที่สุดถึง 14 ชื่อ กว่าลงตัวในชื่อที่ใช้ในปัจจุบัน นั่นคือ"ประเทศเวียดนาม"
ในประวัติศาสตร์อันยาวนานถึง 4,000 ปีของเวียดนาม นับตั้งแต่สมัยสร้างชาติใหม่ ๆ จนถึงทุกวันนี้ ชื่อประเทศเวียดนามเปลี่ยนแปลงไปแล้วถึง 14 ครั้ง โดยมีทั้งหมด 13 ชื่อ !...ใช่คุณอ่านไม่ผิด.... เพราะจำนวนที่มากมายของชื่อประเทศเวียดนามมาจากธรรมเนียมว่า "หากกษัตริย์จากตระกูลอื่นขึ้นครองราชย์แทนราชวงศ์เดิม หรือเมื่อมีวีรชนกลุ่มหนึ่งลุกขึ้นขับไล่ผู้ปกครองชาวจีนออกจากดินแดนเวียดนาม ก็มักจะตั้งชื่อประเทศเสียใหม่ บางครั้งการย้ายเมืองหลวงไปตั้งในอีกแห่งด้วย"
ดังนั้นชื่อประเทศจึงเป็นเครื่องหมายสำคัญในประวัติศาสตร์เวียดนาม และการทบทวนชื่อประเทศก็ไม่ต่างจากการทบทวนประวัติศาสตร์ของประเทศนี้ไปด้วย ชื่อประเทศเวียดนามจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ มีดังต่อไปนี้
" ซิกกวี๋" ปฐมบทชื่อแรกของเวียดนาม : พระราชพงศาวดารเวียดนามเรื่อง "ด่ายเหวียดสือกี๊ตว่านทือ" แต่งโดยโงสีเลียน และแกะสลักบนแผ่นไม้ ตีพิมพ์เผยแพร่ใน พ.ศ. 2240
ในสมัยกษัตริย์เลฮีตง ปรากฏพระนามกษัตริย์องค์แรกของเวียดนามเมื่อ 4,000 ปีก่อน คือ กษัตริย์กิงเยืองเวือง พระบิดานามว่า เด๊มิง “ได้ทรงแต่งตั้งให้เป็นกิงเยืองเวือง ปกครองภาคใต้ เรียกว่า "ประเทศซิกกวี๋"
"วันลาง" : หนังสือด่ายเหวียดสือกี๊ตว่านทือ บันทึกว่า "กษัตริย์หุ่งเวือง" ขึ้นบัลลังก์ ทรงเปลี่ยนชื่อประเทศว่า "วันลาง" เป็นประเทศนี้ตั้งอยู่ทิศตะวันออกติดทะเลจีนใต้ ทิศตะวันตกจดบาถุก ทิศเหนือจดทะเลสาบด่งดิ่ง ทิศใต้จดประเทศโห่ตน หรือเจียมแถ่ง จ. กว๋างนาม ในปัจจุบัน แบ่งเป็น 15 เขต หรือเรียกว่า โบะ คือ"วันลาง" ที่กษัตริย์ตั้งราชธานี" , ยาวจี๋, จูเยียน, วู๋นิง, ฟุกหลก, เหวียดเถื่อง, นิงหาย, เยืองเตวี่ยน, หลุกหาย, หวูดิ่ง, หว่ายนาม, กื๋วเจิน บิงวัน, ตนฮึง และ กื๋วดึ๊ก
"เอิวหลาก" : กษัตริย์ถุกฟ้าน ผู้นำเผ่าเอิวเหวียด ร่วมกับเผ่าหลากเหวียด ตั้งตนเป็นอานเยืองเวือง ตั้งชื่อประเทศว่าเอิวหลาก ตั้งราชธานีที่โก๋ลวา หรือ ดงแองห่าโหน่ยในปัจจุบัน ราชวงศ์ของพระองค์ครองอำนาจอยู่ราว 50 ปี ระหว่าง พ.ศ. 286-235
"นามเหวียด"` : ชาวจีนนาม "เตรี่ยวด่า" ยึดดินแดนเวียดนามแล้วตั้งชื่อว่า "นามเหวียด" ตั้งราชธานีที่เฟียนงุง หรือมณฑลกวางตุ้งในปัจจุบัน ราชวงศ์นี้ปกครองตั้งแต่ พ.ศ. 336-432
"ยาวจี๋" :ราชวงศ์ฮั่นของจีน ได้รุกรานดินแดนตอนใต้ลงมาถึงเวียดนาม และปกครองในชื่อ "ยาวจี๋โบะ" ดินแดนแถบนี้ถูกแบ่งเป็น 9 แคว้น ได้แก่ นามหาย (กวางตุ้ง), เทืองโง (กวางสี), อ๊วดเลิม (กวางสี) ,เหิบโฟ้ (กวางตุ้ง), ยาวจี๋ (เวียดนามเหนือ), กื๋วเจิน (แทงฮว้า), เหญิดนาม (เหงะติ้ง) ,เจิวญาย (เกาะไหหลำ), ด่ามหญี (เกาะไหหลำ)
"หว่านซวน" : ในราวปี พ.ศ. 1097 "ลี้บี๊" หรือ "ลี้บน" ได้รวบรวมพลพรรคขับไล่ทหารจีนสำเร็จแล้วตั้งตนเป็นจักรพรรดิ พระนามว่า "ลี๊นามเด๊" เรียกประเทศว่า "หว่านซวน" ตั้งราชธานีที่ "ลองเบียน"
"อานนาม" : ในราวปรพ.ศ. 1450 จีนกลับมายึดพื้นที่นี้คืนอีกครั้ง และได้รับรองให้ "คุกห่าว" เป็นผู้ปกครองเขตอานนาม เขาแบ่งเวียดนามเป็นเขตปกครอง 5 ระดับ ได้แก่ โหละ, ฝู, เจิว, ย๊าบ และซ้า
"ด่ายโก่เหวียด" : "ปีเหม่าถิ่น" ในปี พ.ศ. 1511 หลังจากปราบกบฏ 12 "ซื้อกวน" "ดิงโป่ลิ้ง"ก็สถาปนาตนขึ้นเป็นจักรพรรดิ ตั้งชื่อประเทศว่า "ด่ายโก๋เหวียด" ตั้งเมืองหลวงที่ "ฮวาลือ" และต่อมา "เลหว่าน" ก็ได้ขึ้นครองราชย์ในพระนามว่า "เลด่ายแห่ง" ก็ยังคงใช้ชื่อประเทศว่าด่ายโก๋เหวียดต่อมา
"ด่ายเหวียด" : ราชวงศ์ลี้ ซึ่งปกครองเวียดนามตั้งแต่ พ.ศ. 1553-1768 เป็นระยะเวลาถึง 215 ปี ระยะแรกยังใช้ชื่อประเทศว่า"ด่ายโก๋เหวียด" แต่พอถึงเดือน 7 พ.ศ. 1553 "กษัตริย์ลี้ท้ายโต๋" โปรดให้ย้ายเมืองหลวงไปที่ "ด่ายลา" ตั้งชื่อใหม่ว่าเมืองหลวง "ทังลอง" หรือ "ห่าโหน่ย" นั่นคือ เมือง "ฮานอย" ในปัจจุบัน ต่อมาปี พ.ศ. 1767 "กษัตริย์ลี้เห่วตง" ถูก "เตริ่นถูโดะ" บังคับให้กระทำอัตวินิบาตกรรม มอบบัลลังก์ให้ "เจ้าหญิงเจียวแท้ง" (ซึ่งอาจจะเป็นจักพรรดินีองค์แรกของด่ายเหวียด) ต่อมานางก็ถูกบีบให้มอบบัลลังก์ให้พระสวามีนาม "เตริ่นแก๋ง" ราชวงศ์ลี้จึงเปลี่ยนเป็นราชวงศ์เตริ่น
ในยุคนี้เองนักประวัติศาสตร์ชื่อ "เลวันฮืว" เขียนประวัติศาสตร์เวียดนามชุดแรก ชื่อว่า "ด่ายเวียดสือกี้" ถวายกษัตริย์ราชวงศ์เตริ่นนาม "เตริ่นเญินตง" เมื่อ พ.ศ. 1815
"ด่ายงู" : ในปีพ.ศ. 1943 "โห่กวี๊ลี" บังคับ "กษัตริย์เตริ่นเที๊ยวเด๊" สละบัลลังก์ให้ตน แล้วเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น "ด่ายงู "ตั้งเมืองหลวงที่"โตโด" ถึงแม้เป็นผู้ชิงราชย์บังลังย์มาได้ แต่ "โห่กวี๊ลี" เป็นผู้ริเริ่มการปฏิรูปประเทศขนานใหญ่ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ
"ด่ายเหวียด" (การกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง) : "เลเหล่ย" ลุกขึ้นต่อต้านอำนาจจีนที่ลามเซิน จังหวัด แทงฮว้า สงครามดำเนินไปกว่า 10 ปี จนทหารจีนยอมถอนกลับ เขาขึ้นครองบัลลังก์เมื่อ พ.ศ. 1971 "นาม เลท้ายโต๋" ตั้งชื่อประเทศว่า "ด่ายเหวียด" ตั้งเมืองหลวงที่ "ดงโด" หรือ ห่าโหน่ย หรือ ฮานอยในปัจจุบัน
นอกจากนี้ "เลเหล่ย" มีที่ปรึกษาชื่อ "เหงวียนตร๋าย" แต่หลังเวียดนามเป็นเอกราชจากจีน "เหงวียนตร๋าย" ถูกใส่ร้ายว่าวางแผนปลงพระชนม์ จึงถูกประหารชีวิตพร้อมลูกหลาน 3 โคตรอย่างไร้ความยุติธรรม
"เหวียดนาม" : เหงวียนฟุกแอ๊ง หรือพงศาวดารไทยเรียก "องเชียงสือ" อาศัยทหารฝรั่งเศสเอาชนะราชวงศ์ไตเซิน ขึ้นครองราชย์ด้วยพระนาม "จักรพรรดิยาลอง" ตั้งชื่อประเทศว่า "เหวียดนาม" โดยตั้งราชธานีที่ฟู้ซวน คือนครเฮ้ว หรือเว้ ในปัจจุบัน นับเป็นครั้งแรกที่เวียดนามเป็นเอกภาพตั้งแต่เหนือจรดใต้ ตั้งแต่จังหวัดหล่างเซินจนถึงจังหวัดห่าเตียน จักรพรรดิแบ่งประเทศเป็น 24 เคริ๊น กับ 4 แยวง
"ด่ายนาม" : "เหงวียนฟุกด๋าม" พระโอรสองค์รองของจักรพรรดิยาลอง ครองราชย์ใน พ.ศ. 2363 พระนามว่า "มิงหม่าง" ทรงเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น "ด่ายนาม"
ต่อมาภายใต้การนำของนายพลโฮจิมินห์ ชื่อเดิมคือ "เหงวียนอ๊ายก๊วก" และความสำเร็จในการปฏิวัติ 19 สิงหาคม พ.ศง 2488 จึงกลับมาใช้เชื่อ "เหวียดนาม" หรือ "เวียดนาม" อีกครั้ง
อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนชื่อของประเทศเวียดนามนี้ไม่ได้เปลี่ยนเองตามใจชอบแต่เป็นหลักธรรมเนียม วัฒนธรรมในการเปลี่ยนชื่อเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงราชวงศ์ การย้ายเมือง ซึ่งร่องรอยจากการเปลี่ยนชื่อนี้ สะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของประเทศได้เป็นอย่างดี
******
เจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์
"ซินแสดัง" เผยดวงเมืองประเทศไทย ปี 2569..ยิ่งรบ ยิ่งแข็งแกร่ง ศัตรูแพ้ราบคาบ
หลังหยุดยิง จีนบริจาคเงินและของให้เขมร มูลค่า 20 ล้านหยวน
AI วิเคราะห์เลขท้าย 2 ตัว งวดวันที่ 2 มกราคม 69..โดยใช้สถิติย้อนหลัง 20 ปี
โศกนาฏกรรมแม่ทัพ"หยวนฉงฮ่วน"ผู้ถูกกิน: เมื่อวีรบุรุษผู้ปกป้องแผ่นดิน ถูกชาวบ้าน "แล่เนื้อ" แกล้มเหล้าเพราะคำลวง
ปิดตำนานรถ EV ราคาถูก ทิ้งลูกค้า, ดีลเลอร์ หอบเงินจากภาครัฐฯ กลับจีนหน้าตาเฉย
กองทัพภาคที่ 2 ประกาศเตือนภัยชายแดน สั่งห้ามแตะต้องหรือครอบครองยุทธภัณฑ์ตกค้างเพื่อความปลอดภัย
บทเรียนรักกลางสมุทร: อดีตลูกเรือสำราญเตือนสติ ทำไม "ความรักในที่ทำงาน" บนเรือถึงเป็นดราม่าที่หนีไม่พ้น
วิเคราะห์หวยงวดวันที่ 2 มกราคม 69 โดยใช้ AI..เลขไหนมีสิทธิ์ถูกรางวัล
เขมรวิเคราห์ "จุดอ่อนของ T-50TH คืออะไร?"
เจ็บ 5 ราย หลังเกิดเหตุกราดยิง ในกรุงวอชิงตัน
10 พรรณไม้สวยพิษร้าย: ความงดงามที่ต้องแลกด้วยอันตรายถึงชีวิต
หลังหยุดยิง จีนบริจาคเงินและของให้เขมร มูลค่า 20 ล้านหยวน
โพชฌงค์ 7 คืออะไร ?
บทเรียนรักกลางสมุทร: อดีตลูกเรือสำราญเตือนสติ ทำไม "ความรักในที่ทำงาน" บนเรือถึงเป็นดราม่าที่หนีไม่พ้น
แม่ทัพภาคที่ 4 ประกอบพิธีถวายราชสักการะและบวงสรวงสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันคล้ายวันปราบดาภิเษก
โศกนาฏกรรมแม่ทัพ"หยวนฉงฮ่วน"ผู้ถูกกิน: เมื่อวีรบุรุษผู้ปกป้องแผ่นดิน ถูกชาวบ้าน "แล่เนื้อ" แกล้มเหล้าเพราะคำลวง
ย้อนรอยประวัติศาสตร์: เส้นทางปฏิทินไทยจาก "1 เมษา" สู่ "เคาท์ดาวน์ 1 มกรา"
ทางบุญลุ้นทางรวย:พิธีเสกพระปิดตา ณ โบสถ์มหาอุด 1,000 ปี วัดป่าเลไลยก์
"กล้วยหอม" จากผลไม้พื้นบ้านสู่สินค้าเปลี่ยนโลก




