“โหรฌานศิลป์” คิดค้นวิชาดูลายมือตำรับไทย (การอ่านโค๊ตวิทยุแห่งจักรวาฬ)
หากพูดถึง นายเสวี ยกย่องกุล หลายคนคงสงสัยว่าเขาคือใคร? หากพูดถึงท่านอาจารย์โหรฌานศิลป์ ผู้คิดค้นวิชาการอ่านโค๊ตวิทยุแห่งจักรวาฬ และเป็นหมอดูที่ถูกจับเข้าคุกในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อปี พ.ศ. 2502 เนื่องจากพิมพ์ใบปลิวทำนายว่า "ประเทศไทยจะต้องถูกภัยสงคราม" วันนี้ผู้เขียนเป็นผู้ที่สนใจในวิชานี้ วิชาการอ่านโค๊ตวิทยุแห่งจักรวาฬ หรือเป็นที่รู้จักในปัจจุบันว่า ดูลายมือตำรับโหรฌานศิลป์ ซึ่งมีความแตกต่างจากการอ่านลายมือที่มองพื้นที่บนฝ่ามือเป็นเนิ่นแห่งดวงดาว ดังนั้นผู้เขียนจึงจะขอเล่าชีวประวัติของท่านให้ฟังพอสังเขป จากหนังสือ“วิชาการอ่านโค๊ตวิทยุแห่งจักรวาล” เล่ม 1 ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2512) ดังนี้
อาชีพ “หมอดู” เป็นหนึ่งในอาชีพที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านาน และเป็นอาชีพที่ส่งผลต่อขวัญกำลังใจของคนในสังคมไทยอย่างแปลกประหลาด หมอดูบางคนมีความสำคัญต่อชะตาชีวิตบ้านเมืองถึงขนาดเป็นผู้กำหนดเวลากระทำการลงมือปฏิวัติ/รัฐประหาร บางคนเป็นศูนย์รวมเครือข่ายทางการเมือง และบางคนก็มีอิทธิพลสำคัญต่อการตัดสินใจทางการเมืองของผู้นำระดับนายกรัฐมนตรี แต่มีหมอดูคนหนึ่งที่ต้องประสบชะตาชีวิตอย่างยากลำบาก เพราะไป “ทำนายดวงชะตาบ้านเมืองว่าจะเกิดสงครามใหญ่”
ในยุคเผด็จการทหารจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จนถูกสั่งจับขังคุกอยู่นานเสียหลายปี นั่นคือ นายเสวี ยกย่องกุล หรือเป็นที่รู้จักในวงการหมอดูว่า “โหรฌานศิลป์”
“โหรฌานศิลป์” เคยเขียนแนะนำประวัติของตัวเองไว้ในหนังสือ “วิชาการอ่านโค๊ตวิทยุแห่งจักรวาล” เล่ม 1 ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2512) ซึ่งเป็นหนังสือสอนวิชาดูลายมือทำนายดวงชะตาที่เขาเขียนขึ้นด้วยตนเอง ว่า
“นามจริงของข้าพเจ้าคือ นายเสวี ยกย่องกุล เกิดที่ตำบลสระแก้ว อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2451 เป็นวันจันทร์ เดือน 7 แรม 2 ค่ำ เวลาเที่ยง เป็นบุตรของ นายกล่อม ยกย่องกุล และนางบุญเลื่อน ยกย่องกุล ปู่ชื่อย่อง ย่าชื่อแจ่ม”
โหรฌานศิลป์ เล่าว่า เขาสนใจในวิชาโหราศาสตร์มาตั้งแต่อายุยังน้อย เคยเรียนและฝึกวิชาพยากรณ์หลายอย่างทั้งตัวเลข ผูกดวง กร๊าฟชีวิต แต่วิชาที่เขาสนใจและชำนาญมากที่สุดคือ วิชาดูลายมือ(วิชาการอ่านโค๊ตวิทยุแห่งจักรวาล) ซึ่งเขา “ทดสอบอย่างไม่ยอมท้อถอยตลอดระยะเวลา 20 ปี เศษ” อันนี้ถือว่า เป็นวิชาที่สุดยอดมากหากสนใจเรียนปัจจุบันยังมีผู้ถ่ายทอดวิชาความรู้นี้อยู่ คือ ท่านอาจารย์ธาตรี เทียมทอง จากสถาบันโหราศาสตร์วิทยา
โหรฌานศิลป์ เริ่มมีชื่อเสียงในช่วงปลายทศวรรษ 2490 เมื่อเขาเริ่มทำนายดวงชะตาทางการเมืองเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2499 โดยพยากรณ์ว่า “อีก 1 ปีต่อไปจะเกิดปฏิวัติขึ้นในแผ่นดิน รัฐประหารจะหมดอำนาจ จอมพล ป. กับรัฐมนตรีบางคนจะเดินทางไปต่างประเทศนั้นภายหลังจะไปเสียชีวิตในต่างประเทศ”
ทว่า การทำนายทางการเมืองครั้งแรกของโหรฌานศิลป์ นั้น ไปถึงที่ไหน ที่นั่นก็รุมด่า เพราะคนทั่วไปไม่เชื่อว่ารัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม จะถึงกาลอวสาน เนื่องจากเป็นรัฐบาลมายาวนานเกือบสิบปี อีกทั้ง ตัวจอมพล ป. พิบูลสงคราม ยังได้รับฉายาทางการเมืองในขณะนั้นว่า “นายกรัฐมนตรีตลอดกาล” กระนั้น ผลจากการออกมาทำนายพยากรณ์ครั้งนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตัวโหรฌานศิลป์ ไปสอบสวน แต่ก็มิได้จับคุมขัง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ลงความเห็นว่า “สติไม่ดี”
แต่ทว่าสุดท้ายแล้วหลังผ่านพ้นไป 1 ปี เหตุการณ์ทางการเมืองก็ปรากฏตามคำทำนายของโหรฌานศิลป์ เมื่อจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ทำการรัฐประหารรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ในวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2500 ผลปรากฏว่า จอมพล ป. พิบูลสงคราม จำต้องลี้ภัยไปประเทศญี่ปุ่น ในขณะที่ขุนพลคู่ใจอย่าง พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ ก็จำต้องลี้ภัยไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเสียชีวิตในต่างแดนทั้งคู่
อย่างไรก็ในช่วงปี พ.ศ.2499 – 2500 โหรฌานศิลป์ มิได้มีสถานะทางสังคมเป็น หมอดูหรือโหรการเมือง เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะปรากฏข้อมูลอันน่าสนใจว่า โหรฌานศิลป์ยังเป็น “นักพูดไฮค์ปาร์” ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในช่วงปี พ.ศ. 2499 และยังมีตำแหน่งเป็น “โฆษกของพรรคขบวนการไฮด์ปาร์ค” วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงครามด้วย
ภายหลังในรัฐบาลพลเอกถนอม กิตติขจร (ยศในขณะนั้น) ภายใต้การควบคุมดูแลของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เข้าบริหารงานบ้านเมืองได้ราว 3 - 4 เดือน โหรฌานศิลป์ ก็ “เรียกทัวร์มาลง” ด้วยการออกมาทำนายดวงชะตาบ้านเมืองอีกครั้ง โดยทำนายว่า
“จากวันที่พยากรณ์ไปแล้ว 7 เดือน จะเกิดการปฏิวัติขึ้นในแผ่นดิน ปฏิวัติชนะไม่นองเลือด รัฐธรรมนูญ 2475 ล้ม สภาผู้แทนล้ม ประเภท 2 ล้ม พรรคสหภูมิชาติสังคมล้ม จอมพลสฤษดิ์ถ้าไม่เสียชีวิตจะต้องเดินทางออกไปนอกประเทศ”
การทำนายในครั้งนี้ของ “โหรฌานศิลป์” ส่งผลทำให้เขาถูก หนังสือต่าง ๆ ลงวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางเสื่อมเสีย หนังสือพิมพ์พยากรณ์สารของสมาคมโหรลงในเชิงวิพากวิจารณ์ตำหนิต่อว่า หาว่าไม่มีความรู้อะไรแล้วพยากรณ์เพื่อหาชื่อเสียง กระนั้น อีกไม่กี่เดือนต่อมา “จอมพลสฤษดิ์ก็ทำการรัฐประหารอำนาจตัวเอง ล้มรัฐบาลพลเอกถนอม และเปลี่ยนระบบการปกครองของไทยเป็น ‘เผด็จการ’ ในนาม ‘คณะปฏิวัติ’ ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ.2501”
หากใครสนใจเรื่องประวัติศาสตร์การเมืองไทย คงพบจะทราบว่า การปฏิวัติ 20 ตุลาฯ ของจอมพลสฤษดิ์ในครั้งนั้น ภารกิจสำคัญคือการจับกุมปัญญาชนนักคิด นักเขียน นักหนังสือพิมพ์ ตลอดจนนักการเมืองที่วิพากษ์วิจารณ์ต่อต้านรัฐบาล โดยให้เหตุผลว่ามาจาก “ลัทธิคอมมิวนิสต์เป็นภัยยิ่งใหญ่” จนทำให้คณะปฏิวัติ “ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีอื่น ๆ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงไปใช้วิธีใด นอกจากยึดอำนาจและทำการปฏิวัติ ถึงกระนั้น อีกไม่กี่วันต่อมา ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 17 ที่เน้นย้ำถึงการควบคุมและวางระเบียบการนำเสนอข่าวของหนังสือพิมพ์ ได้มีข้อความใจความสำคัญว่า ให้พนักงานเจ้าหน้าที่อำนาจตักเตือน ยึดทำลายหนังสือพิมพ์ หรือสั่งถอนใบอนุญาตผู้พิมพ์โฆษณา บรรณาธิการ หรือเจ้าของหนังสือพิมพ์ ที่มี
“ข้อความทำนายในทางที่อาจก่อให้เกิดความวิตกกังวลแก่ประชาชนในโชคชะตาของบ้านเมือง”
ข้อความดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า คณะปฏิวัติของจอมพลสฤษดิ์ ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นกำจัดและจำกัดแนวคิดและนักคิดปัญญาชนที่อาจเป็นอันตรายต่อระบบการปกครองของคณะปฏิวัติเท่านั้น แต่ยังใส่ใจ “อารมณ์ความรู้สึก” ของประชาชนที่ไม่อาจมองข้ามได้ เพราะคนไทยจำนวนไม่น้อยอาจพร้อมที่จะเชื่อและตื่นตระหนกไปกับคำทำนายต่าง ๆ ของบรรดาหมอดูการเมือง
ดังนั้น ในยุครัฐบาลคณะปฏิวัติของจอมพลสฤษดิ์ การทำนายดวงชะตาบ้านเมืองจึงเป็นสิ่งต้องห้าม และแน่นอนว่า โหรฌานศิลป์ คือหนึ่งในหมอดูการเมืองที่ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังที่เขาเล่าว่า ในปี พ.ศ. 2501 เขาถูกสมาคมโหรฯไล่ออกจากการเป็นสมาชิก และตำรวจรวมหนังสือพยากรณ์จำนวน 361 เล่มของเขา เอาไปเผาไฟจนหมด
ชื่อเสียงของ “โหรฌานศิลป์” ขึ้นสู่จุดสูงสุดในวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ.2502 เมื่อเขาได้ขึ้นหน้า 1 หนังสือพิมพ์สารเสรี ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์รายวันที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในขณะนั้น พร้อมพาดหัวข่าวตัวใหญ่ว่า “จับโหรยุยงให้ประชาชนกระด้างกระเดื่อง”
หนังสือพิมพ์สารเสรีรายงานว่า ที่นายเสวี ยกย่องกุล ถูกจับเพราะเป็นโหรเถื่อน (เนื่องจากเขาถูกขับออกจากสมาชิกสมาคมโหร) และได้พิมพ์ใบปลิวโฆษณาทำนายดวงชะตาบ้านเมืองว่า “บ้านเมืองจะแหลกลาญ” และ “อีก 24 เดือนข้างหน้า ประเทศไทยจะต้องถูกภัยสงครามและย่อยยับ คนทั้งประเทศจะแหลกลาญไปหมด เดือดร้อนกันทุกย่อมหญ้า ฉะนั้น ขอให้พี่น้องชาวพระนครเตรียมตัวรับสถานการณ์สงครามนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมไปอีก 24 เดือน”
การทำนายดวงชะตาบ้านเมืองว่าจะเกิดสงครามใหญ่ของ โหรฌานศิลป์ ทำให้เขาถูกตำรวจสันติบาลแจ้งข้อกล่าวหาทันทีว่า “มีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์และยุยงส่งเสริมให้ราษฎรกระด้างกระเดื่อง”
เนื่องจาก “พยากรณ์บ้านเมืองโดยพิมพ์ใบปลิวแจกจ่ายไปในหมู่ประชาชน มีข้อความเป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงและมีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์” รวมทั้งปรากฏผลการสอบสวนปรากฏเพิ่มเติมว่า “ยังมีส่วนพัวพันในกรณีพิมพ์ใบปลิวยุยงกรรมกรสามล้ออีกด้วย”
ดังได้กล่าวแล้วว่า ยุครัฐบาลคณะปฏิวัติของจอมพลสฤษดิ์ การทำนายดวงชะตาบ้านเมืองเป็นสิ่งต้องห้าม และโดยเฉพาะการทำนายว่าบ้านเมืองจะเกิดสงครามครั้งใหญ่ ซึ่งจอมพลสฤษดิ์ก็ดูจะเป็นผู้นำที่ให้ความสำคัญกับอารมณ์ความรู้สึกของผู้คนเป็นอย่างมาก เพราะจอมพลสฤษดิ์ได้ให้ความสนใจกรณีโหรฌานศิลป์ ถึงกับลงมาทำการสอบสวนด้วยตนเอง โดยจอมพลสฤษดิ์ใช้เวลาสอบสวนประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อต้องการจะทราบเจตนาที่โหรฌานศิลป์กระทำไปว่ามีอะไรแอบแฝงอยู่บ้าง เพราะทำนายแล้วพิมพ์ออกจ่ายแจกไปทั่วประเทศ
ท้ายที่สุด เรื่องการทำนายดวงชะตาบ้านเมืองของโหรฌานศิลป์ จบลงเมื่อเจ้าหน้าที่ส่งตัวโหรฌานศิลป์ “เข้า รพ.บ้า” (โรงพยาบาลปากคลองสาน หรือ โรงพยาบาลศรีธัญญา) เนื่องจากแพทย์ได้วินิจฉัยลงความเห็นว่าเขามีสติวิปลาสเพ้อฝันฟั่นเฟือง อย่างไรก็ตาม เพียงประมาณ 1 เดือน โหรฌานศิลป์คงได้รับการปล่อยตัวออกมา เพราะตามบันทึกเขาเล่าถึงประสบการณ์ในครั้งนี้ว่า
“ครั้นในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2502 นั้น ข้าพเจ้าก็ถูกจอมพลสฤษดิ์จับขัง ตั้งข้อหาว่าเป็นคอมมูนิสม์ ส่งโรงพยาบาลบ้าหาว่าเป็นบ้า และมาปล่อยเอาเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2503 รวมเวลาถูกขังอยู่ในที่ต่าง ๆ รวมเวลา 6 เดือนด้วยกัน”
โหรฌานศิลป์ เล่าว่า ตลอดเวลาระยะ 6 เดือนในโรงพยาบาลปากคลองสาน (โรงพยาบาลศรีธัญญา) และคุกลาดยาว ทำให้วิชาดูลายมือของเขาพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างมาก เพราะได้ดูเส้นลายมือของ “คนติดตารางหลายพวกหลายเหล่า” จนสามารถเขียนและปรับปรุงแก้ไขต้นฉบับหนังสือ ‘วิชาการอ่านโค๊ตวิทยุแห่งจักรวาฬ’ ซึ่งเป็นหนังสือสอนวิชาดูเส้นลายมือที่เขาค้นพบและเขียนขึ้นด้วยตนเองมาตั้งแต่ในช่วงปลายทศวรรษ 2490 จนสำเร็จได้รับการตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2503 ในชื่อหนังสือ "วิชาการอ่านโค๊ตวิทยุแห่งจักรวาล ชั้นประถม ก" (READING SCIENCE OF THE RADIO CODE OF THE UNIVERSE)
แม้ภายหลังได้รับการปล่อยตัว “โหรฌานศิลป์” ต้องประสบกับความยากลำบากเป็นอย่างมาก เนื่องจากอาจถูกจับตาเพ่งเล็งจากเจ้าหน้าที่ และไม่สามารถทำนายดวงชะตาบ้านเมืองเพื่อเรียกกระแสหรือ “ทัวร์ลง” ได้เช่นดังก่อน รวมทั้งประสบยังปัญหาชีวิตหลายอย่าง แต่ทว่า เขาก็มีความพยายามเป็นอย่างมากในการเขียนหนังสือ “วิชาการอ่านโค๊ตวิทยุแห่งจักรวาล” ที่เขาค้นพบให้ครบสมบูรณ์จำนวนทั้งหมด 4 เล่ม โดยมีข้อมูลว่า โหรฌานศิลป์ เคยท้อใจถึงขนาดเขียนเอกสารเขียนบันทึกไว้ว่า “ไม่สามารถพิมพ์ตำราให้จบได้ เพราะไม่มีเงิน” และหากตายไปเสียก่อน ก็ขอให้หอสมุดแห่งชาติติดตามเอาต้นฉบับมาเก็บไว้ “ต่อไปภายหน้าผู้โชคดีจะได้พิมพ์ตำรานี้ออกสู่สายตาชาวโลก”
อย่างไรก็ดี ความปรารถนาของโหรฌานศิลป์ก็สำเร็จดังหวังเมื่อเขาสามารถตีพิมพ์หนังสือ ‘วิชาการอ่านโค๊ตวิทยุแห่งจักรวาล’ เล่มที่ 2 และเล่มที่ 3 ออกจำหน่ายในปี พ.ศ. 2507 และปิดท้ายภาคสมบูรณ์เล่มที่ 4 ในปี พ.ศ. 2510
ในปัจจุบันหลายท่านอาจไม่รู้จัก “โหรฌานศิลป์” แต่สำหรับวงการวิชาโหราศาสตร์หรือหมอดูลายมือของเมืองไทย โหรฌานศิลป์ได้รับการยอมรับในฐานะ “บรมครู” โดยเฉพาะตำราหนังสือของโหรฌานศิลป์เรื่อง “วิชาการอ่านโค๊ตวิทยุแห่งจักรวาล” (READING SCIENCE OF THE RADIO CODE OF THE UNIVERSE) หรือ “วิชาการอ่านเส้นบนลายมือแบบใหม่” ทั้งหมด 4 เล่ม (เล่ม 1 – 4) เป็นหนังสือที่หมอดูลายมือในเมืองไทยยกย่องและนำมาใช้ศึกษาเป็นตำรา “เล่มครู” รวมทั้งยังจัดได้ว่าเป็นหนังสือประเภทระดับ “หายาก” เป็นที่เสาะแสวงหาของบรรดาวงการหมอดูเมืองไทย ณ ปัจจุบัน
แต่หากใครสนใจใน“วิชาการอ่านโค๊ตวิทยุแห่งจักรวาล” (READING SCIENCE OF THE RADIO CODE OF THE UNIVERSE) หรือ “วิชาการอ่านเส้นบนลายมือแบบใหม่”ตำรับโหรฌานศิลป์ ทั้งหมด 4 เล่มนี้ หรืออยากที่จะเรียนวิชานี้ ผู้เขียนเพียงแค่เล่าประสบการณ์ในการเรียนในสถาบันโหราศาสตร์วิทยาว่า ทุกเส้นลายมือสามารถบอกเล่าเรื่องราวในชีวิตได้ “วิชาการอ่านโค๊ตวิทยุแห่งจักรวาล” วิชานี้จัดเป็นสมบัติของชาติที่คิดค้นวิชาด้วยฝีมือคนไทยที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์
*********
APC M113 รถเกราะ 60 ปี ลุยสมรภูมิช่องอานม้า เสริม "เกราะไม้" กันจรวดสุดแกร่ง
"ทัพฟ้าไทย" ยืดอกรับ ส่งฝูงบินถล่มคลังแสงพระตะบอง ลั่น "เราไม่ได้เริ่มก่อน" แต่ต้องทำเพื่อปกป้องประชาชน
รู้จัก M777 ปืนใหญ่สนามตัวโหด เบา คล่อง ยิงแม่นระดับนำวิถี ตัวเปลี่ยนเกมสงครามยุคใหม่
สมรภูมิเขาพระวิหารเดือด เขมรเผยความเสียหาย หลังเจอไทยกระหน่ำถล่ม ฐานที่มั่นพังยับเยิน
วิเคราะห์สถิติหวยปีใหม่ 2 มกราคม: เจาะลึกเลขเด่นรับโชควันศุกร์ 2569
ลือหึ่ง "ตระกูลฮุน" วงแตก "ฮุนมาเนต" จ่อปฏิวัติยึดอำนาจ "ฮุนเซน" ญาติทหารลุกฮือเลิกรบ แต่ผู้นำสั่งห้ามถอย
มาเลเซีย 🇲🇾 | ฉลองคริสต์มาสอีฟสุดคึกคัก ทิ้งขยะเกลื่อนบูกิตบินตัง DBKL ตำหนิประชาชน
📜 ภาพเก่าประวัติศาสตร์ “พระตะบอง” จากแผ่นดินสยาม สู่ความทรงจำ
เผยสถิติเลขออกบ่อย ย้อนหลัง 20 ปี..งวดวันที่ 2 มกราคม 69
สยายปีกรับทรัพย์! เลขเด็ด "นกตาทิพย์" แนวทางรวยงวดใหม่ 2 มกราคม 2569
จรวดจีนฟัดจรวดจีน เปิดคลังอาวุธลับสมรภูมิสระแก้ว เมื่อไทย-เขมรต่างงัดไม้เด็ด "สายเลือดมังกร" มาดวลกัน
สว่างวาบทั้งป่า ทัพไทยยิงกระสุนส่องกบาล ก่อนส่งปืนใหญ่ 155 มม. ยัดปากเขมรจุกๆ 3 นัดซ้อน
ฌอง ฟรังซัวส์ ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา อ้าง “กัมพูชาไม่มีวันแพ้ และไทยก็ไม่มีวันชนะ”
รมต.เขมร คุยโว! เหตุที่ "ไทย" ต้องใช้เครื่องบินรบ..เพื่อปกปิดความพ่ายแพ้ในสมรภูมิภาคพื้นดิน
ระบบอักษรสำหรับคนตาบอดมีหลักการทำงานอย่างไร?






