"ไสยเวทย์วังหน้า"....ในสมัยรัชกาลที่4
หากพูดถึง “วังหน้า” คือ พระราชวังบวรสถานมงคล หรือ พระบวรราชวังหลายคนคงคิดว่า วังหน้า คือพระราชวังที่อยู่ด้านหน้า แต่วังหน้าคืออะไร “วังหน้า” มีความหมาย 2 นัย คือ ชื่อตำแหน่ง "กรมพระราชวังบวรสถานมงคล" และชื่อ "พระราชวังบวรสถานมงคล" หรือ "พระบวรราชวัง" ซึ่งเป็นที่ประทับของผู้ที่ดำรงตำแหน่งนี้ โดยผู้ดำรงตำแหน่งนี้มีฐานะเป็นพระมหาอุปราช รองลงมาจากพระมหากษัตริย์ และถือเป็นรัชทายาทที่จะสืบราชสมบัติต่อไป หากดูในความหมายโดยละเอียด “วังหน้า” แบ่งได้ 2 ความหมาย
ผู้ดำรงตำแหน่ง (บุคคล):
- เป็นตำแหน่ง "พระมหาอุปราช" หรือ "กรมพระราชวังบวรสถานมงคล" ซึ่งมีความสำคัญรองจากพระมหากษัตริย์
- ผู้ดำรงตำแหน่งนี้มีหน้าที่สำคัญในการทำสงครามป้องกันราชอาณาเขต และปฏิบัติราชการตามพระบรมราชโองการ
- ตำแหน่งวังหน้ามีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาและในสมัยรัตนโกสินทร์ได้ยกเลิกตำแหน่งนี้ไปในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเปลี่ยนเป็นตำแหน่ง "สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช"
สถานที่ (ที่ประทับ):
- หมายถึง พระราชวังบวรสถานมงคลหรือที่เรียกกันว่า พระบวรราชวัง
- สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์โดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ผู้เป็นวังหน้าพระองค์แรก
- วังหน้าในสมัยอยุธยาคือพระราชวังจันทรเกษม ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของวังหลวง
- วังหน้าในปัจจุบันคือที่ตั้งของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
แต่หากพูด “วังหน้า” ผู้ซึ่งสนใจด้านไสยเวทย์แล้วหล่ะก็ คงจะไม่มีใครนอกจากพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงสร้างพระที่นั่งคชกรรมประเวศเป็นองค์แรก บริเวณด้านหน้าพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ซึ่งใช้เป็นพระที่นั่งในการเกยช้าง พระที่นั่งองค์นี้มีลักษณะคล้ายพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท ภายในพระบรมมหาราชวัง และโปรดให้สร้างพระที่นั่งบริเวณมุมข้างใต้และเหนือของพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย นามว่า พระที่นั่งมังคลาภิเษก และ พระที่นั่งเอกอลงกฎ สร้างตามแบบพระที่นั่งดุสิตาภิรมย์ ภายในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งพระที่นั่งทั้ง 2 องค์มีที่เกยสำหรับทรงพระราชยาน รวมทั้ง ยังสร้างพระที่นั่งสนามจันทร์ และสร้างพลับพลาสูงตามแบบพระที่นั่งสุทไธสวรรยปราสาท เหมือนอย่างพระราชวังหลวง และทรงย้ายตำหนักแดงจากพระราชวังเดิม มาปลูกไว้ที่พระบวรราชวังด้วย
พระองค์โปรดให้สร้างพระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ ซึ่งเป็นตึกแบบฝรั่ง 2 ชั้น เพื่อใช้เป็นที่ประทับของพระองค์ และเสด็จเสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งแห่งนี้ นอกจากนี้ ยังโปรดให้สร้างพระที่นั่งบริเวณหน้าพระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ แต่พระองค์เสด็จสวรรคตไปเสียก่อน ดังนั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างต่อจนสำเร็จ พร้อมทั้งพระราชทานนามพระที่นั่งว่า พระที่นั่งบวรบริวัติ
เมื่อพระองค์จัดตั้งทหารวังหน้าขึ้น จึงมีการสร้างสถานที่สำหรับการทหารขึ้นภายในพระบวรราชวัง เช่น โรงปืนใหญ่ โรงทหาร คลังสรรพาวุธ เป็นต้น รวมทั้ง ยังสร้างโรงช้างต้น และ ม้าต้น ตามแบบพระบรมมหาราชวังอีกด้วย นอกจากนี้ พระองค์ยังได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้อัญเชิญไปประดิษฐาน ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ภายหลังการเสด็จทิวงคตของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทนั้น กลับมาประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ดังเดิม พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2408 หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่ได้ทรงตั้งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลอีกตลอดรัชกาล แต่หากพูดถึงเรื่องราวของไสยเวทย์แล้ว พระองค์มีความสนใจในเรื่องเกี่ยวกับไสยศาสตร์วิทยาคม จำพวกวิชาคงกระพันชาตรี เป็นที่รู้จักกันดีว่านิยมมากในหมู่ทหาร โดยเฉพาะในสมัยโบราณที่ต้องรบทัพจับศึกกันอยู่เสมอ จึงมักเสาะหา “ของดี” มาไว้คุ้มครองรักษาบ้าง หรือศึกษาเล่าเรียนจนมี “ของดี” โดยมีหลักฐานปรากฎในพระปิ่นเกล้าเจ้ากรุงสยาม (วัชรินทร์การพิมพ์, 2542) ที่เสทื้อน ศุภโสภณ รวบรวมเรียบเรียงพระราชประวัติเอาไว้ ดังนี้
“วังหน้าเป็นหนุ่มแข็งแรง ขี่ช้างน้ำมัน ขี่ม้าเทศสูงสามศอกเศษ ยิงปืนทุกวัน ชอบการทหารมาก มีวิทยาอาคมดี ฤๅษีมุนีแพทย์หมอมีวิทยานับถือเข้าอยู่ด้วยมาก ผู้หญิงก็รักมากเลี้ยงลูกเมียดี เจ้ากลีบเป็นพระ มเหสี เฮอมายิสตีข้างใน ข่าวฦๅดังนี้ตลอดทั่วเมืองไทย เมืองลาวแลจีน ฝรั่งอังกฤษทั้งปวงมิใช่ฤๅ ฦๅมาดังนี้ตั้งแต่ข้าพเจ้ายังอ่อนกว่าวังหน้าเดียวนี้อยู่…” ความที่ยกมาข้างต้นนี้ มีปรากฏอยู่ในพระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีไปถึงพระยามนตรีสุริยวงศ์ และเจ้าหมื่นสรรเพธภักดี ที่เป็นราชทูตเดินทางออกไปเจริญทางพระราชไมตรียังกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อปี พ.ศ. 2401 พระราชหัตถเลขาฉบับนี้ เป็นเครื่องชี้แสดงให้เห็นถึงคุณวิเศษของพระปิ่นเกล้าฯ “พระเจ้าแผ่นดินวังหน้า” ในเวลานั้น ว่าทรงเพรียบพร้อมด้วยความเป็นนักกีฬา นักการทหาร ที่เปรื่องปราดสามารถยิ่ง จนเป็นที่ล่วงรู้เลื่องลือกันทั่วไป ตลอดทั่วทั้งเมืองไทย เมืองลาว ประเทศใกล้เคียง จนกระทั่งถึงประเทศอังกฤษ…
ในพระราชหัตถเลขาของพระจอมเกล้าฯ ฉบับนี้ ยังแจ้งให้ทราบด้วยว่า พระปิ่นเกล้าฯ นั้นทรงมี “วิทยาอาคมดี” มีผู้ทรงคุณในทางวิทยาคมร่วมสวามิภักดิ์อยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ทั้งยังทรงเป็นผู้มีเสน่ห์เมตตามหานิยม เป็นที่นิยมหลงใหลของเหล่าบรรดาอิสตรีทั้งหลายในสมัยนั้นเป็นอันมาก… นอกจากนี้ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ “พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์” ก็ยังได้ทรงพระนิพนธ์เล่าถึงคำเล่าลือเรื่องดังกล่าวนี้ไว้ใน “ตำนานวังหน้า” ประชุมพงศวดารภาคที่ 13 มีความสำคัญตอนหนึ่ง ดังนี้
“…เห็นจะเป็นเพราะเหตุที่โปรดการทแกล้วทหาร และสนุกคะนองต่าง ๆ ดังกล่าวมานี้ จึงเกิดเสียงกระซิบลือกันว่า พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงวิชาอาคม บางคนว่าหายพระองค์ได้ บ้างว่าเสด็จลงเหยียบเรือกำปั่นฝรั่งเอียงก็มี กระบวนทรงช้างก็ว่าแข็งนัก…”
ในพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่ง ม.ร.ว.จันทร์เพ็ญ กาญจนะวิชัยเรียบเรียงพิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ หม่อมเจ้า รัตโนภาศ กาญจนะวิชัย เมื่อปี พ.ศ. 2521 แม้จะเป็นฉบับที่มีข้อความสั้นมาก แทบจะมิให้รายละเอียดใด ๆ เลย แต่ก็มีกล่าวถึงเรื่องพระปิ่นเกล้าฯ ทรงเป็นผู้อุดมด้วยวิทยาคมไว้ในตอนหนึ่ง ดังนี้
“พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระปรีชาสามารถมาก และขณะนั้นก็มีกำลังทหารอยู่ในมือมาก ผู้คนเคารพเกรงกลัว ถึงกับมีเสียงล่ำลือกันว่า ทรงมีวิชาอาคมขลังถึงกับหายตัวได้ บ้างก็ว่าทรงมีพระชิวหาดำเหมือนพระเจ้าหงสาวดีลิ้นดำ บ้างก็ว่าทรงมีฤทธิ์อำนาจถึงกับเหยียบเรือรบฝรั่งเอียง” หมายความว่า นอกเหนือไปจากทรงมีวิชาอาคมดีแล้ว ยังทรงมีพระชิวหา (ลิ้น)ดำ เหมือนดังพระเจ้าหงสาวดีที่มาตีกรุงศรีอยุธยา ก่อนรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชอีกด้วย ซึ่งเป็นที่เชื่อถือกันว่าเป็นคุณลักษณะวิเศษของท่านผู้แก่กล้าในทางวิทยาคมมาแต่กำเนิดอย่างแท้จริง เป็นที่ยำเกรงของมหาชนทั่วไป
***********
ปิดตำนานรถ EV ราคาถูก ทิ้งลูกค้า, ดีลเลอร์ หอบเงินจากภาครัฐฯ กลับจีนหน้าตาเฉย
เจาะสเปก กริเพน ทําไมกองทัพไทยถึงเลือกใช้
เขาพระวิหารในวันที่เหลือแต่ซาก หลังถูก BM-21 ถล่มย่อยยับ โซเชียลไทยตั้งคำถาม “ถ้ารักจริง ทำไมใช้เป็นฐานรบ”
เปิดโผ 60 อันดับสาวเอเชียสาย Amateur ที่มียอดวิวสูงสุดใน Pornhub ปี 2025: ใครคือแชมป์ตัวจริงแห่งปี
นรกแตกก่อนวันเซ็นสัญญา F16 ไทยบึ้มสะพาน คืนหมาหอน "ฮุนเซน" อกแตก แพ้หมดรูป จำยอมเซ็นสงบศึก
เจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์
คุก 2 ปี "แอน จักรวาล" ไม่รอลงอาญา
เขมรขอถก JBC ด่วน ยันไม่รับเส้นเขตแดน จากการใช้กำลังของไทย
เกาหลีเหนือ..จับหญิงศัลย์ฯหน้าอก ลั่นไม่เป็นสังคมนิยม
สรุปเผยข้อมูลกลโกงใหม่ๆที่ต้องระวัง!!!
มาตรการ ‘มหาเถรสมาคม’ - ‘คพช.’ กู้คืนศรัทธาวงการสงฆ์: บทเรียนจากปีแห่งการล้างบาง
Avatar 3 ช่วยแบก MAJOR ไม่ไหว! กำไรดิ่งหนัก 30%
ราชินีลำภูไท มลฤดี พรหมจักร์ ผู้สร้างตำนานกลอนลำ สาวนักเรียนตำตอ
เขมรขอถก JBC ด่วน ยันไม่รับเส้นเขตแดน จากการใช้กำลังของไทย
เปิดโผ 60 อันดับสาวเอเชียสาย Amateur ที่มียอดวิวสูงสุดใน Pornhub ปี 2025: ใครคือแชมป์ตัวจริงแห่งปี
วันนี้!! ทหารไทยเหยียบระเบิดขาขาดอีกแล้ว!!
ประเทศเดียวในโลกที่ประชากรทั้งหมดนับถือศาสนาคริสต์
"ภูมิรพี"เด็กไทยฟุตบอล U17 สู่ตัวหลักมือกาวมัธยมปลายในญี่ปุ่น
5 จอมโจรขมังเวทแห่งที่ราบสูง: ตำนานเสือร้ายภาคอีสานที่โลกต้องจดจำ
เปิดตำนานอาถรรพ์ "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" แห่งวัดกุฎีดาว: ความลี้ลับที่อยู่คู่แผ่นดินอยุธยา
โศกนาฏกรรมแม่ทัพ"หยวนฉงฮ่วน"ผู้ถูกกิน: เมื่อวีรบุรุษผู้ปกป้องแผ่นดิน ถูกชาวบ้าน "แล่เนื้อ" แกล้มเหล้าเพราะคำลวง
ย้อนรอยประวัติศาสตร์: เส้นทางปฏิทินไทยจาก "1 เมษา" สู่ "เคาท์ดาวน์ 1 มกรา"

