ฟังเพลงเศร้า ทำให้กินน้อยลง เหตุผลที่ว่าทำไม ร้านบุฟเฟต์ ชอบเปิด “เพลงเศร้า”
การกินเพื่อรับมือกับอารมณ์เชิงลบ ในการศึกษาเมื่อต้นปี ค.ศ.2022 จากมหาวิทยาลัย University of Lincoln
comfort eating หรือ emotional eating คือ พฤติกรรมการกินที่เกิดจากอารมณ์โดยเฉพาะความเศร้า คือ เมื่อเราเศร้าเรามักจะใช้อาหารในการปลอบประโลมหัวใจที่ว่างเปล่าลง เรามักหันหาอาหารไขมันสูง
การทดลองในกลุ่มตัวอย่างผู้หญิง 360 คน วิธีการทดลอง คือ นักวิจัยจะให้กลุ่มตัวอย่างนึกถึงความทรงจำเศร้า ๆ ก่อนพักสามนาที แล้วก็เข้าสู่การทดลองกินขนม ผลการศึกษา พบว่า การกินโดยไม่เปิดเพลงกลุ่มตัวอย่างจะกินขนม มากกว่า ราว 8 กรัม ในขณะที่กลุ่มที่เปิดเพลงคลอไปด้วยมีแนวโน้มจะกินน้อยกว่ามากที่ 4-5 กรัม
ประเภทเพลงมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการกิน เพลงที่กลุ่มตัวอย่างเลือกจะสัมพันธ์กับความรู้สึกสามแบบที่เกี่ยวข้องกับการรับมือความเศร้า เพลงที่ฟังบ่อย ๆ 3 ประเภท คือ
- เพลงเพื่อความสบายใจ (comfort music)
- เพลงให้กำลังใจ (distracting positive music)
- เพลงเพื่อการปลดปล่อย คือ เพลงประเภทโกรธเกรี้ยวและเพลงเศร้า (angry and/or sad music)
ผลการศึกษา พบว่า ผู้ร่วมวิจัยที่ฟังเพลงเศร้ารับประทานน้อยกว่ากลุ่มอื่น บางกลุ่มเพลงเพื่อความสบายใจกินน้อยกว่า แต่เพลงประเภทให้กำลังใจไม่ค่อยส่งผลให้บริโภคน้อยลง
เปิดเพลงเศร้าในร้านบุฟเฟต์ จะทำให้คนที่อยู่ในร้าน “เศร้าจนกินไม่ลง”
งานวิจัยจาก HUI Research มีการไปเก็บข้อมูลของเชนร้านอาหาร 16 แห่ง เพื่อนำมาวิเคราะห์กับยอดธุรกรรมภายในร้านกว่า 2,000,000 รายการ เพื่อหาว่าจริง ๆ แล้ว เพลงมีผลต่อยอดขายอย่างไร
การเลือกใช้เพลงในหน้าร้านมี3 ประเภท
1.เพลง Mass (เพลงที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนั้น)
2. เพลงไม่ Mass แต่เข้ากับคอนเซปต์ของร้าน (เพลงนอกกระแส)
3. ไม่เปิดเพลงเลย
ผลการสำรวจ พบว่า
- เพลง Mass ช่วยทำให้ร้านดูโดดเด่นมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคพึงพอใจ จะช่วยดึงดูดให้คนมาสนใจร้านได้มากขึ้นจริง แถมยังช่วยให้ลูกค้าอยู่ในร้านได้ “นานขึ้น” ผลเสีย คือ “ลูกค้าจะซื้อสินค้าน้อยลง” เพราะ เพลง Mass เป็นเพลงที่คนส่วนใหญ่รู้จักและร้องตามกันได้ง่าย จนทำให้ลูกค้าไม่โฟกัสไปที่ตัวสินค้าเท่าที่ควร
- ถ้าเพลง Mass เป็นเพลงเศร้าหรือเพลงอกหัก ผลการศึกษาจาก University of Lincoln ระบุว่า “คนที่ฟังเพลงเศร้า จะกินได้น้อยกว่าคนทั่วไป” ยิ่งทำให้การเปิดเพลงเศร้าในร้านบุฟเฟต์ส่งผลให้ “เศร้าจนกินไม่ลงได้จริง ๆ”
- การเปิดเพลงที่ไม่ Mass แต่เข้ากับคอนเซปต์ของร้าน จะมียอดขาย “เพิ่มขึ้น” และลูกค้าจะลุกออกจากร้าน “เร็วขึ้น” เหมาะกับร้านอาหารและร้านกาแฟ เพราะลูกค้าจะนั่งแช่อยู่ในร้านสั้นลง แต่มีโอกาสที่จะสั่งสินค้ามากขึ้นหรือแพงขึ้น จึงเป็นคำตอบที่ว่า ทำไมเวลาเราไปร้าน Starbucks เราถึงมักได้ยินแต่ “เพลงที่เราไม่รู้จัก”
- การไม่เปิดเพลงเลย จะสามารถทำยอดขายได้ มากกว่า ร้านที่เปิดเพลง Mass ได้มากถึง 4% เป็นเพราะลูกค้ามีการโฟกัสไปที่ตัวสินค้ามากขึ้น จัดว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับแบรนด์เล็ก ที่ยังไม่มีทุนไปซื้อลิขสิทธิ์เพลง
10 พรรณไม้สวยพิษร้าย: ความงดงามที่ต้องแลกด้วยอันตรายถึงชีวิต
5 จอมโจรขมังเวทแห่งที่ราบสูง: ตำนานเสือร้ายภาคอีสานที่โลกต้องจดจำ
ปิดตำนานรถ EV ราคาถูก ทิ้งลูกค้า, ดีลเลอร์ หอบเงินจากภาครัฐฯ กลับจีนหน้าตาเฉย
เปิดตำนานอาถรรพ์ "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" แห่งวัดกุฎีดาว: ความลี้ลับที่อยู่คู่แผ่นดินอยุธยา
วิเคราะห์หวยงวดวันที่ 2 มกราคม 69 โดยใช้ AI..เลขไหนมีสิทธิ์ถูกรางวัล
เจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์
เปิดแฟ้มลับ 5 อันดับคดีมนต์ดำสะเทือนราชสำนักไทย
ใครที่ยังตั้งรหัสผ่านง่ายๆ รีบเปลี่ยนด่วน! เพราะไม่ปลอดภัยอาจโดนเจาะได้
เจาะเทรนด์ปี 2026! นิสัยและไลฟ์สไตล์ผู้ชายแบบไหนที่ "ดึงดูดใจ" สาวๆ ยุคใหม่มากที่สุด
ไขข้อสงสัย! ลืมอุ่นอาหารจาก 7-11 เอากลับไปขอเวฟที่ร้านทีหลังได้หรือไม่? เปิดคำตอบจาก "น้องเปาเซเว่น"
บุรีรัมย์เดือด! ศึกชิงเก้าอี้ สส. วันแรกคึกคัก 'ไหม ศิริกัญญา' บุกถิ่นพรรคสีน้ำเงิน ท้าชนกลุ่มอำนาจเดิม
หลังหยุดยิง จีนบริจาคเงินและของให้เขมร มูลค่า 20 ล้านหยวน
พระสงษ์ชาวเวียดนาม ผู้เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องศาสนา








