รีวิวหนังดัง JURASSIC WORLD REBIRTH จูราสสิค เวิลด์ กำเนิดชีวิตใหม่

 

การสานต่อมหากาพย์สุดยิ่งใหญ่กลับมาอีกครั้ง พร้อมการผจญภัยที่ไม่ใช่แค่อยู่ใน Park อีกต่อไปแล้ว สุดยอดแฟรนไชส์ที่ทำหนังไดโนเสาร์ได้ดีที่สุด กำกับการแสดงโดย Gareth Edwards ที่ใช้ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำทั้งกระบี่ ตรัง พังงา ตราด

 

ครั้งนี้เป็นการเก็บตัวอย่าง DNA ไดโนเสาร์ 3 สายพันธุ์ เพื่อใช้ในทางการแพทย์แก้ปัญหาโรคหัวใจให้หายขาด นั่นคือ Titanosaurus ไดโนเสาร์คอยาว Quetzalcoatlus ไดโนเสาร์บินได้ และ Mosaurus มฤตยูใต้สมุทร

 

พร้อมไดโนเสาร์ตัวใหม่ที่ล้มเหลวจากการทดลอง Distortus Rex ไดโนเสาร์หน้าคล้ายเอเลี่ยน (Xenomorph) และ Mutadon ไดโนเสาร์มีปีกคล้ายค้าวคาวตัวอ้วนพี

 

 

เรื่องย่อ

Zora Bennett ทหารรับจ้างที่ได้รับการว่าจ้างโดย Martin Krebs ตัวแทนบริษัทเภสัชกรรม Parker Genix บุกเกาะลับแลที่เคยเป็นที่ตั้งศูนย์วิจัย INGEN ต้นเหตุของไดโนเสาร์ที่ถูกทิ้งร้างเพื่อเอา DNA จากไดโนเสาร์ 3 สายพันธุ์มาใช้เป็นยารักษาโรคหัวใจ

 

งานนี้ต้องพึ่ง Dr.Henry Loomis ผู้เชี่ยวชาญพฤติกรรมไดโนเสาร์ และ Duncan Kincaid กัปตันเรือในการหาทางเข้าพื้นที่หวงห้ามสุดอันตราย

 

ขณะเดียวกันครอบครัวเม็กซิกันดวงซวยอย่างคุณพ่อ Reuben Delgado พาลูกสาวคนโต Teressa

พร้อมแฟนหนุ่ม Xavier และลูกสาวคนเล็ก Isabella มาล่องเรือกลางทะเลก็เจอกับไดโนเสาร์บุกทำร้าย นั่นทำให้พวกเขาต้องเอาตัวรอด แม้จะได้รับการช่วยเหลือจาก Zora Bennett แต่พวกเขาก็แยกไปอีกทางอยู่ดี พวกเขาพร้อมทำทุกอย่างเพื่อชีวิตรอด แม้ไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะสิ้นสุดที่ตรงไหน

 

 

นักแสดงนำ

• Scarlett Johansson รับบทเป็น Zora Bennett
• Jonathan Bailey รับบทเป็น Henry Loomis
• Mahershala Ali รับบทเป็น Duncan Kincaid
• Rupert Friend รับบทเป็น Martin Krebs
• Manuel Garcia-Rulfo รับบทเป็น Reuben Delgado
• Luna Blaise รับบทเป็น Teresa Delgado
• David Iacono รับบทเป็น Xavier Dobbs
• Audrina Miranda รับบทเป็น Isabella Delgado
• Ed Skrein รับบทเป็น Bobby Atwater
• Bechir Sylvain รับบทเป็น LeClerc

 

 

 

ความชื่นชอบและประทับใจของครีเอเตอร์

1.บทหนังแบ่งออกเป็นสองส่วน คือกลุ่มของ Zora ในการตามหาไดโนเสาร์ อีกกลุ่มคือครอบครัวเม็กซิกันที่ออกมาล่องเรือเที่ยวกัน 4 คน เมื่อได้พบเจอก็มีแยกกลุ่มเอาตัวรอด คล้ายๆกับภาค DOMINION (2022) ที่สุดท้ายก็มาเจอบรรจบกันในตอนท้าย

 

2.แม้ความพยายามที่จะให้เรื่องราวของหนังมีความน่าสนใจ แต่กลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ออกจะน่าเบื่อด้วยซ้ำ โดยเฉพาะช่วงองค์แรกของเรื่องที่มีบทสนทนากันบนเรือเพื่ออารัมภบทที่มาตัวละครก่อนจะแล่นเรือไปถึงเกาะ เป็นการทำลาย First Impression อย่างน่าเสียดาย แม้ว่าหนังจะเข้าเรื่องแล้ว แต่ก็ไม่สามารถทำให้อินกับการผจญภัยได้มากพอ เพราะยังทำได้ดีกว่านี้อีก

 

3.สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้คือหนังไม่มีเรื่องจะเล่า การถ่ายทอดจึงดำเนินไปอย่างล่าช้า แม้จะไม่ถึงกับอืดอาดมาก แต่ก็สร้างความเบื่อขึ้นมาได้โดยไม่ตั้งใจ ยอมรับว่าตัวหนังพยายามแล้วจริงๆจึงโฟกัสสร้างความแตกต่างในส่วนขององค์ประกอบย่อยแทน เช่น T-rex ไม่ใช่ตัวแปรในการแก้ปัญหาตอนจบเหมือนที่ผ่านมา ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่สร้างปัญหาไม่ได้ลงเอยด้วยการจบชีวิตเสมอไป ฯลฯ

 

 

4.มุมกล้องการถ่ายภาพทำออกมาได้ดี โดยเฉพาะฉากปีนหน้าผาจนต้องไปเจอกับ Quetzalcoatlus ช่วยให้คนดูรู้สึกว่ากำลังปีนหน้าผาลงไปจริงๆ บวกกับ Visual Effect ที่ดีทำให้ไดโนเสาร์ดูสมจริงมากขึ้นไปอีก

 

5.ทุกภาคของ Jurassic World มีแผลในตัวของมันเอง ภาคนี้ก็เช่นกัน ข้อดีภาคนี้คือปรับแก้ตอนจบไม่ให้คาดเดาได้เหมือนภาคก่อนๆ ไม่ออกทะเลและผจญภัยกับไดโนเสาร์ในป่าจริงๆ ปัญหาของภาคนี้คือการดำเนินเรื่องที่ช้าเกินไป มีบทสนทนาบางช่วงที่ไม่เกี่ยวข้องกับแก่นเรื่องหลักมากเกินไป ควรเปลี่ยนชื่อ JURASSIC WORLD REBIRTH ที่สื่อถึงการแก้ไขกระแสเชิงลบของภาค DOMINION เปลี่ยนเป็น JURASSIC WORLD MUTATION จะเหมาะและเข้ากับบริบทของหนังที่มีไดโนเสาร์กลายพันธุ์มากกว่า

 

6.การประพันธ์ดนตรีประกอบของ Alexandre Desplat ค่อนข้างแบนราบ ดีมาหน่อยก็คือการเอาดนตรีจากภาค JURASSIC PARK มาใช้ได้ถูกจังหวะ ชวนให้คิดถึงอดีตอันรุ่งโรจน์ แต่ก็เหมือนลอกงานดนตรีมาทั้งดุ้น

 

 

7.ทีมนักแสดงนำอย่าง Scarlett Johansson, Jonathan Bailey, Mahershala Ali และ Rupert Friend สามารถแสดงได้ดี แต่ผู้กำกับ Gareth Edwards คงไม่ถนัดในการสร้างมิติตัวละคร ขาดความผูกพันกับคนดู ต่างจาก Owen Grady และ Clare Dearing ที่เราชอบจนยอมดูครบไตรภาคกันเลยทีเดียว

 

8.ส่วนที่ผู้กำกับถนัดคือการสร้างไดโนเสาร์มีพฤติกรรมที่ชัดเจน ทั้งการดุร้ายหวงอาณาเขตโดยไม่ได้เขมือบคนโดยไร้สาเหตุ กระนั้น ความสนุกของหนังยังห่างชั้นจากต้นฉบับพอสมควร ไม่เหมือน THE LOST WORLD JURASSIC PARK (1997) ที่สามารถตอบโจทย์ความมันทั้งในป่าและในตัวเมือง ซึ่งสร้างมาตรฐานความสนุกเอาไว้สูงมากๆ

 

9.Frank Marshall ผู้อำนวยการสร้างเคยกล่าวว่าไม่มีใครชอบไดโนเสาร์ในยุคนี้แล้ว ผมขอปฎิเสธเลยว่าไม่เป็นความจริง ปัญหาของมันอยู่ที่การนำเสนอต่างหากที่ขาดรสชาติ การผจญภัยแบบเอาตัวรอดแบบเฉียดตายและการต่อสู้พร้อมประเด็นที่น่าสนใจตลอดทั้งเรื่องแบบไม่มีเบื่อคือสิ่งที่คนดูโหยหามาตลอด

 

ปิดท้ายด้วยคำคมจาก Reuben Delgado ในนาทีที่ 68 เขากล่าวประโยคหนึ่งที่ปลอบใจ Xavier ลูกเขยของเขาแบบกระตุกจิตกระชากใจว่า..."ชีวิตนี้ให้คนอื่นด่าเราก็พอ ไม่ต้องไปช่วยคนอื่นมาด่าหรอก ไม่งั้นมันจะเป็นจริง"