เปิดตำนานชาวไหหลำ จากเกาะสู่โพ้นทะเล เส้นทางการอพยพและหลากวัฒนธรรม
ชาวไหหลำหรือที่รู้จักกันในภาษาจีนว่า "ไห่หนาน" มีประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานและการอพยพอันยาวนานที่น่าสนใจ ซึ่งหล่อหลอมวัฒนธรรมและภาษาอันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา การเดินทางของบรรพบุรุษชาวไหหลำนั้นเต็มไปด้วยการเคลื่อนย้ายผู้คนจากแผ่นดินใหญ่สู่เกาะเขตร้อนแห่งนี้ เพื่อแสวงหาสันติภาพ โอกาส และชีวิตที่ดีขึ้น
เรื่องราวของชาวไหหลำเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่สมัย ชุนชิวและจ้านกั๋ว (770-220 ปีก่อนคริสตกาล) ในยุคที่รัฐเล็กๆ เริ่มก่อตัวขึ้นบนเกาะไหหลำ หนึ่งในนั้นคือ "จางกั๋ว" ผู้คนบนเกาะในยุคแรกๆ คือบรรพบุรุษของ ชนกลุ่มน้อยหลี ซึ่งเป็นหนึ่งใน 56 ชนกลุ่มน้อยของจีนในปัจจุบัน เชื่อกันว่าผู้ตั้งถิ่นฐานกลุ่มแรกเหล่านี้อพยพมาจากบริเวณชายฝั่งมณฑลกวางตุ้งและกวางสีทางเรือ เพื่อหลีกหนีความขัดแย้งและสงครามที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งบนแผ่นดินใหญ่
ในสมัย ราชวงศ์ฮั่น (202 ปีก่อนคริสตกาล - 220 คริสต์ศักราช) อาณาจักรฮั่นได้ขยายอิทธิพลมายังเกาะไหหลำ มีการส่งทหาร ข้าราชการ และประชาชนเข้ามาพัฒนาเกาะ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ความขัดแย้งระหว่างผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่กับชนพื้นเมืองก็ปะทุขึ้น ทำให้ราชวงศ์ฮั่นต้องถอนกำลังออกจากไหหลำ เกาะแห่งนี้จึงอยู่ภายใต้การปกครองตนเองโดยกลุ่มต่างๆ เป็นเวลากว่า 600 ปี
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นในสมัย ราชวงศ์สุย (581-618 คริสต์ศักราช) เมื่อมีกลุ่มที่เรียกว่า "หลี่" ถือกำเนิดขึ้น ผู้นำหญิงที่โดดเด่นนามว่า เซียนฟูเหริน ซึ่งเป็นนักยุทธศาสตร์และผู้นำทางทหารผู้เก่งกาจ ได้มีบทบาทสำคัญในการเสนอให้ราชวงศ์สุยจัดตั้งหน่วยงานบริหารบนเกาะไหหลำ เพื่อป้องกันความขัดแย้ง เธอได้นำผู้คนและทหารเข้ามาร่วมพัฒนาเกาะ ปัจจุบัน ตระกูลเซียนและเฟิงยังคงเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงบนเกาะไหหลำ และมีการจัดเทศกาลเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของเซียนฟูเหริน
ในสมัย ราชวงศ์ถัง (618-907 คริสต์ศักราช) ผู้คนหลั่งไหลเข้ามายังไหหลำอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการที่ถูกย้ายมาจากภาคกลางของจีนพร้อมครอบครัว รวมถึงประชาชนทั่วไปที่หลบหนีความวุ่นวาย หลายตระกูล เช่น ตระกูลหลิง, ฟู่ และเซียว ได้มาตั้งรกรากบนเกาะในช่วงเวลานี้ ทำให้ประชากรบนเกาะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ราชวงศ์ซ่ง (960-1279 คริสต์ศักราช) เป็นยุคที่ชาวไหหลำส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดมาจาก ฝูเจี้ยน (ชาวฮกเกี้ยน) สงครามที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งบนแผ่นดินใหญ่ในช่วงราชวงศ์ซ่งทำให้ชาวฮั่นจำนวนมากอพยพไปยังภูมิภาคต่างๆ รวมถึงฝูเจี้ยน และเนื่องจากพื้นที่ในฝูเจี้ยนส่วนใหญ่เป็นภูเขาและไม่เหมาะกับการเกษตร ผู้คนจำนวนมากจึงย้ายถิ่นฐานต่อไปยังไหหลำเพื่อหาแหล่งทำกินที่ดีกว่า เมื่อราชวงศ์ซ่งล่มสลาย ผู้คน รวมถึงทหารและพลเรือนจำนวนหนึ่งได้ติดตามจักรพรรดิมายังไหหลำและตั้งถิ่นฐานที่นั่น ด้วยเหตุนี้เอง ชาวฮกเกี้ยนและลูกหลานจึงเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ที่สุดบนเกาะไหหลำในปัจจุบัน ซึ่งอธิบายถึงความคล้ายคลึงกันทางภาษาอย่างชัดเจนระหว่างภาษาฮกเกี้ยนและภาษาไหหลำ
ในสมัย ราชวงศ์หมิง (1368-1644 คริสต์ศักราช) รัฐบาลให้ความสำคัญกับไหหลำในเชิงยุทธศาสตร์ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เผชิญกับการโจมตีของโจรสลัดญี่ปุ่นบ่อยครั้ง เพื่อปกป้องเกาะและป้องกันความขัดแย้งกับกลุ่มชาติพันธุ์ท้องถิ่น ราชวงศ์หมิงได้ส่งทหารและครอบครัวจำนวนมาก (ประมาณ 40,000-50,000 คน) มายังไหหลำ การอพยพครั้งนี้ยังรวมถึงผู้คนจากกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ เช่น ชาวม้ง
ช่วง ราชวงศ์ชิง (1636-1912 คริสต์ศักราช) ชาว ฮากกา จำนวนมากได้อพยพมายังไหหลำ พวกเขาเป็นที่รู้จักจากการเดินทางอย่างต่อเนื่องเพื่อแสวงหาสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เมื่อสิ้นสุดราชวงศ์ชิง ประชากรผู้อพยพทั้งหมดบนเกาะไหหลำมีมากกว่า 2 ล้านคน และภายหลังการก่อตั้งประเทศจีนสมัยใหม่ในปี 1949 ผู้คนยังคงเดินทางมายังไหหลำเพื่อธุรกิจและทรัพยากรธรรมชาติ สรุปได้ว่าบรรพบุรุษของชาวไหหลำในปัจจุบันมีรากฐานมาจากกลุ่มหลักๆ คือ ฮกเกี้ยน ฮากกา และแต้จิ๋ว
เมื่อประชากรบนเกาะไหหลำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการอพยพ ผู้คนบางส่วนจึงเริ่มมองหาโอกาสใหม่ๆ นอกเกาะ การอพยพครั้งใหญ่นี้รู้จักกันในชื่อ "เซี่ยหนานหยาง" หรือ "การเดินทางสู่ทะเลใต้" ซึ่งหมายถึงการเดินทางไปยังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การอพยพนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่ง และเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากในช่วงราชวงศ์หมิงและชิง โดยเฉพาะในสมัยราชวงศ์ชิง
ในช่วงราชวงศ์ชิง ไม่เพียงแต่ชาวไหหลำเท่านั้น แต่ชาวฮากกา ฮกเกี้ยน และแต้จิ๋วจากพื้นที่ชายฝั่งก็อพยพออกไปด้วย เนื่องจากสภาพความเป็นอยู่ที่ยากลำบากและการบริหารงานของรัฐบาลที่ไร้ประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ชาติตะวันตกยังได้นำชาวจีนจำนวนมากไปทำงานเป็นแรงงานในต่างประเทศ การอพยพครั้งใหญ่นี้จึงเป็นการเปิดบทใหม่ในประวัติศาสตร์ของชาวไหหลำ ที่กระจายตัวไปสร้างชุมชนในหลายประเทศทั่วโลก
BBC ยกให้ "กรุงพนมเปญ" ติด TOP20..ปลายทางที่ดีที่สุดในโลก
เจาะสถิติสลากกินแบ่งรัฐบาล ย้อนหลัง 10 ปี (งวด 2 มกราคม)
อาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ไทยซื้อระบบป้องกันทางอากาศใหม่ !
APC M113 รถเกราะ 60 ปี ลุยสมรภูมิช่องอานม้า เสริม "เกราะไม้" กันจรวดสุดแกร่ง
เขมรไม่มีคิดหยุด แต่คิดว่าจะรบไทยให้ชนะด้วย F-35 ได้อย่างไรในอนาคต
จากหาบเร่สู่รถเข็นป๊อกๆ: ตำนานอาหารเคลื่อนที่และบรรพบุรุษเดลิเวอรีไทย
เลขเด่นงวดต้นปี: เจาะลึกคำชะโนดและสำนักดัง 2/1/69
วิมานบนดินที่ไร้เงาเจ้าของ เจาะปมคฤหาสน์ลอยฟ้า 658 ล้านที่กลายเป็นเพียงอนุสรณ์แห่งความล้มเหลว
สถิติหวย ย้อนหลัง 10 ปี เลขท้าย 2 ตัว งวด 30 ธันวาคม
กัมพูชา ส่งจดหมายถึงทั่วโลก ลั่นไม่ได้อ่อนแอ แต่ถูกไทยบีบให้จนมุม
ขนมตดหมา: เสน่ห์จากพืชสมุนไพรสู่ขนมพื้นบ้านสุดแปลก
ไทยซื้อระบบป้องกันทางอากาศใหม่ !
BBC ยกให้ "กรุงพนมเปญ" ติด TOP20..ปลายทางที่ดีที่สุดในโลก
10 สิ่งต้องห้ามในรถยนต์ ที่อาจทำเงินรั่วและดึงดูดอุบัติเหตุ สายมูต้องห้ามพลาด
วง FÜLÜ เตรียมยกวง มาโชว์ดนตรีที่เขมร
ทรัมป์ กล่าวหา ไทย เริ่มสงครามกับกัมพูชาก่อน
เคลียร์ชัด! ร้านแจงดราม่าสุนัขนั่งร่วมโต๊ะบุฟเฟต์








