รีวิว “Brick (2025)” ภาพยนตร์ระทึกขวัญไซไฟจาก Netflix

Brick (2025) เป็นเรื่องราวของโอลิเวีย และ ทิม คู่รักคู่หนึ่งที่ประสบปัญหาด้านความสัมพันธ์และกำลังจะเลิกกัน ก่อนหน้านั้นโอลิเวียชวนทิมให้ลาออกจากงานและไป road trip กัน แต่ทิมก็ขอพลัดไปก่อน ซึ่งนั่นทำให้โอลิเวียตัดสินใจที่จะไปคนเดียวในเช้าวันถัดมา แต่จู่ ๆ ประตูและหน้าต่างที่ห้องของเขาก็มีกำแพงบางอย่างมากั้นไว้ มันเป็นกำแพงสีดำ ทั้งแข็งแรงและทนทาน ไม่ว่าจะใช้อะไรทุบทำงายมัยมันก็ไม่บุบสลายเลยแม้แต่น้อย ทั้งคู่พยายามที่จะติดต่อใครก็ตามที่อยู่ข้างนอก แต่มือถือของเขาก็กลับใช้งานไม่ได้ ขณะที่เขากำลังหาทางออกไปนั้น จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงข้างห้องกำลังทะเลาะกันอยู่ ทิมจึงทุบกำแพงและพยายามจะเข้าไปช่วย จึงพบว่าห้องข้าง ๆ นั้นมีคู่รักคู่หนึ่งอาศัยอยู่ ตอนนี้ทั้ง 4 คนต้องช่วยกันหาทางออกไปจากที่แห่งนี้ โอลิเวียจึงเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาว่า พวกเขาจะต้องลงไปที่ชั้นใต้ดินเพื่อที่จะออกจากตึกนี้ทางประตูฉุกเฉิน เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว ทิมจึงทำการทุบพื้นห้องเพื่อที่จะลงไปห้องด้านล่าง นอกจากนี้เขายังทุบห้องเพื่อเข้าไปหาเจ้าของตึกเพื่อที่จะถามเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นอีกด้วย แต่ทันทีที่เข้าได้เข้าไปในห้องของเจ้าของตึก พวกเขาก็กลับพบว่าเจ้าของตึกถูกฆ่าตาย ซึ่งลักษณะการตายของเขาคือแขนถูกตัดขาดทั้งสองข้าง..!! 

เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นกับพวกเขาตอนนี้ไม่ใช่เหตุการณ์ปกติ และกำแพงที่จู่ ๆ ก็โผล่ขึ้นมาปิดทางเข้าออกนั้นมาจากไหน และทุกคนในตึกนี้จะออกไปจากกำแพงปิดตายนี้ได้หรือไม่ ร่วมลุ้นและไปไขรหัสกับ Brick (2025) ได้แล้วที่ Netflix มีพากย์ไทย

รีวิว 

ตอนที่ดูตอนแรกทำให้เรานึกถึงหนังสยองขวัญเรื่องนึง ชื่อเรื่อง Vivarium (2019) : หมู่บ้านวิวา(ห์)เรียม เป็นเรื่องราวของคู่รักคู่หนึ่งที่ติดอยู่ในหมู่บ้านหมู่บ้านหนึ่ง โดยในหมู่บ้านนั้นมีบ้านหลายร้อยหลังและบ้านทุกหลังก็หน้าตาเหมือนกันหมด อาหารที่เขากินก็มาจากกล่องปริศนา ซึ่งรสชาติห่วยแตกมาก ความสยองขวัญของเรื่องนี้ก็คือเขาติดอยู่ในหมู่บ้านนั้นพร้อมกับเด็กปริศนาหนึ่งคน ไม่ว่าเขาพยายามจะออกไปจากที่นั่นยังไงก็ไม่สามารถออกไปได้ และเด็กปริศนาที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่เป็นทารกจนโตก็ไม่ใช่มนุษย์.. 

ตอนที่เราดูเรื่อง กำแพง ตอนแรก ๆ เราคิดว่าเนื้อเรื่องมันจะมาประมาณนี้ แต่พอดูไปสักพักก็คือไม่ใช่เลย เอาจริง ๆ มันก็ไม่ได้น่ากลัวถ้าเทียบกัน เป็นหนังที่ออกแนวเอาตัวรอดเสียมากกว่า เนื้อเรื่องก็สนุกแต่ไม่ถึงกับลุ้นจนนั่งไม่ติด อุปสรรคของการออกไปจากตึกไม่ใช่การไขปริศนากำแพง แต่มันคือผูชายเบียวสงครามคนนึง 555555 แต่เอาจริง ๆ ตัวละครนั้นมันก็แอบทำให้คนดูไขว้เขวนิดหน่อยนะว่าสิ่งที่ตัวละครคนนั้นพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ใครที่ยังไม่ได้ดู ก็อยากแนะนำให้ดูค่ะ คะแนนอยู่ประมาณ 6.8/10