ภูเขาไฟไอซ์แลนด์ปะทุ ครั้งที่ 12 เจ้าหน้าที่ได้อพยพผู้คนออกจากเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงอย่างเร่งด่วน

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาไอซ์แลนด์รายงานว่า เกิดการปะทุของภูเขาไฟบนคาบสมุทรเรคยาเนส ทางตะวันตกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ในวันที่16กรกฎาคมที่ผ่านมา นอกจากควันหนาทึบจำนวนมากและลาวาสีเหลืองส้มที่พุ่งขึ้นจากพื้นผิวแล้ว เปลือกโลกที่แตกออกยังก่อตัวเป็นรอยแตกขนาดใหญ่ยาว 700 ถึง 1,000 เมตรอีกด้วย ภาพเหตุการณ์นี้น่าตกใจอย่างยิ่ง

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าไอซ์แลนด์เป็นที่รู้จักในนาม "ดินแดนแห่งน้ำแข็งและไฟ" และมีธารน้ำแข็งและภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่จำนวนมาก ก่อให้เกิดกระแสลาวาที่มีลักษณะเฉพาะตัวคล้ายรอยแยกบนพื้นดิน กลุ่มภูเขาไฟบนคาบสมุทรคยาเนสกำลังเคลื่อนตัวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นี่เป็นการปะทุของภูเขาไฟครั้งที่ 12 นับตั้งแต่ระบบธรณีวิทยาเริ่มปะทุอีกครั้งในปี พ.ศ. 2564 สำนักงานอุตุนิยมวิทยาไอซ์แลนด์ระบุว่ารอยแตกของลาวาในเปลือกโลกครั้งนี้มีความยาวระหว่าง 700 ถึง 1,000 เมตร และยังไม่ก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อโครงสร้างพื้นฐานใดๆ จากข้อมูล GPS และสัญญาณการเสียรูปของเปลือกโลก ระบุว่านี่เป็นการปะทุของภูเขาไฟขนาดเล็ก

กรุงเรคยาวิก เมืองหลวงของไอซ์แลนด์ ไม่ได้รับผลกระทบจากการปะทุของภูเขาไฟ และเที่ยวบินที่สนามบินนานาชาติเคฟลาวิกยังคงให้บริการตามปกติและไม่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังคงดำเนินมาตรการอพยพเชิงป้องกันสำหรับบลูลากูน แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม และเมืองกรินดาวิกที่อยู่ใกล้เคียง

กรินดาวิกถูกอพยพทั้งหมดในปี พ.ศ. 2566 เนื่องจากภัยคุกคามจากภูเขาไฟ เดิมทีเมืองนี้มีผู้อยู่อาศัยเกือบ 4,000 คน แต่กลับถูกปล่อยทิ้งร้างเกือบตลอดเวลาเพื่อป้องกันอันตรายจากการระเบิดของภูเขาไฟ ผู้เชี่ยวชาญชี้ให้เห็นว่าการระเบิดของภูเขาไฟบนคาบสมุทรเรคยาเนสอาจกินเวลานานหลายทศวรรษหรือหลายร้อยปี การปะทุครั้งนี้เป็นการระเบิดแบบรอยแยก โดยมีลาวาพุ่งออกมาจากรอยแตกบนพื้นผิวแทนที่จะพุ่งออกมาจากปล่องภูเขาไฟกลาง แม้ว่าจะปะทุบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ได้ปล่อยเถ้าภูเขาไฟจำนวนมากขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศสตราโตสเฟียร์ ดังนั้นการบินจึงไม่ถูกรบกวน