“วรรณกรรมใคร? ทำไมกัมพูชาจึงกล้าเคลมงานเขียนของไทยขึ้นยูเนสโก”
“บางครั้งเรื่องเล่าไม่ได้ถูกจดจำเพราะใครเขียน แต่เพราะใครกล้าเล่า”
คำพูดนี้อาจอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ได้ดีกว่าที่คิด...
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ชื่อของวรรณกรรมไทยกว่า 20 เรื่อง กลายเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางบนโลกออนไลน์ แต่ไม่ใช่เพราะมีการจัดงานแสดง หรือนำกลับมาพิมพ์ใหม่ในรูปแบบร่วมสมัยแต่อย่างใด...แต่เพราะ "กัมพูชา" นำไปขึ้นทะเบียนกับยูเนสโกในนามของตนเอง
วรรณกรรมอย่าง ไกรทอง อิเหนา รามเกียรติ์ พระเวสสันดร พระสังข์ จันทโครพ ฯลฯ ซึ่งเป็นที่รู้จักดีว่าแต่งขึ้นโดยกวีไทยหรือราชวงศ์ไทย กลับไปปรากฏในรายการ Cultural Heritage of Cambodia อย่างน่าตกใจ
หลายคนตั้งคำถามว่า...
“เขากล้าได้ยังไง?”
“นี่มันของไทยชัด ๆ แล้วยูเนสโก้ยอมได้ยังไง?”
แต่ในมุมกลับกัน ลองเปลี่ยนคำถามว่า...
“อะไรที่ทำให้เขาต้องกล้าทำแบบนี้?”
กัมพูชากำลังพยายามอะไรบางอย่าง
ประเด็นนี้อาจไม่ได้เริ่มต้นจากเจตนา “แย่งชิง” แต่เป็นเรื่องของ การต่อสู้เพื่อยืนยันอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม ในระดับสากล
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กัมพูชามีความพยายามอย่างจริงจังในการผลักดัน Soft Power ผ่านศิลปะ ละคร โขน ดนตรี และโดยเฉพาะการแสดง Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำคัญของชาติ
และในความพยายามผลักดันดังกล่าว พวกเขาจำเป็นต้อง “ต่อเติม” โครงสร้างเรื่องราวให้แสดงได้อย่างหลากหลาย เข้มข้น และเข้าถึงคนดูมากขึ้น
นี่คือเหตุผลที่วรรณกรรมไทยหลายเรื่องถูกนำไปผสมผสานและสอดแทรกในบทการแสดงของเขา
และเมื่อมีการใช้งานต่อเนื่อง สืบสาน ถ่ายทอดในเวทีวัฒนธรรมระดับประเทศ กัมพูชาจึงถือว่านี่คือ “มรดกที่มีชีวิต” ของเขา และสามารถนำไปยื่นต่อยูเนสโกในนามของตนเองได้
📚 ความจริงที่ไม่อยากยอมรับ: ไทยเราไม่เคยผลักดันวรรณคดีของตัวเองในเวทีโลก
ต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า วรรณคดีไทยจำนวนมากแม้จะมีคุณค่าทางวัฒนธรรมอย่างสูง แต่กลับถูกจำกัดอยู่ในห้องเรียน เป็นบทเรียนที่ถูกท่องจำ หรือเป็นแค่ข้อสอบโอเน็ต
เราไม่ได้มีการแสดงวรรณกรรมไทยแบบจริงจังในเวทีนานาชาติ
เราไม่ได้มีนโยบายวัฒนธรรมเชิงรุกเพื่อผลักดันวรรณกรรมของชาติสู่เวทีโลก
และที่สำคัญ เราไม่เคยเห็นวรรณกรรมของเราเป็น “ทรัพย์สินทางการทูต”
นี่คือ “ช่องว่าง” ที่กัมพูชามองเห็น และกล้าที่จะ “เล่าเรื่องแทนเรา” บนเวทีโลก
🤝 เขาไม่ได้แค่กล้า... เขามีเหตุผลที่จะกล้าทำ
- เขาใช้มันต่อในชีวิตจริง — ไม่ใช่แค่เก็บไว้ในหนังสือเรียน
หลักฐาน:
- Royal Ballet of Cambodia ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ไปตั้งแต่ปี 2003 (และได้รับการยืนยันอีกครั้งในปี 2017 ว่ามีการสืบสานต่อเนื่อง)
- ในเนื้อหาการแสดงของ Royal Ballet นั้น มักมีการนำตัวละครจากวรรณกรรม เช่น พระราม สีดา ทศกัณฐ์ มาแสดง ซึ่งสอดคล้องกับเรื่อง รามเกียรติ์ ของไทย
- มีงานวิจัยจำนวนมากที่ชี้ว่า บทการแสดงของกัมพูชา "ดัดแปลง" มาจากเรื่องเล่าในสมัยเขมรโบราณที่ มีรากฐานร่วมกับสุวรรณภูมิ แต่รายละเอียดนั้นใกล้เคียงกับฉบับไทยมากกว่าฉบับอื่น
✅ กล่าวคือ กัมพูชา "มีรูปธรรม" ที่จับต้องได้ในการใช้วรรณกรรมเหล่านั้นในชีวิตจริง เช่น ในโรงละคร วังหลวง งานวัฒนธรรมระดับชาติ
- เขามีระบบสนับสนุนด้านวัฒนธรรม — มากกว่างานประกวดคือยุทธศาสตร์ชาติ
หลักฐาน:
- กัมพูชามีกระทรวงวัฒนธรรมและศิลปะ (Ministry of Culture and Fine Arts of Cambodia) ที่ทำหน้าที่สนับสนุนทุน สร้างเนื้อหา และรวบรวมหลักฐานเพื่อเสนอเข้าสู่ UNESCO อย่างต่อเนื่อง
- ในแผนแม่บทวัฒนธรรมของเขมรา มีเป้าหมายระบุชัดเจนว่า “ภายในปี 2030 กัมพูชาต้องมีรายการมรดกวัฒนธรรมระดับโลกเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 5 รายการ”
- งบประมาณด้านวัฒนธรรมของกัมพูชา ถูกใช้ไปกับการเก็บข้อมูลภาคสนาม สัมภาษณ์คนในชุมชน และสร้างการมีส่วนร่วมของเยาวชน เพื่อให้ดูเหมือนว่า “วรรณกรรมหรือวัฒนธรรมนั้นยังมีชีวิตอยู่”
✅ นี่คือระบบวัฒนธรรมที่ไม่ได้เน้นแต่ความสวยงาม แต่เน้น การรับรองในระดับโลก อย่างมีเป้าหมาย
- เขาเข้าใจวิธีคุยกับยูเนสโก — ไม่ใช่แค่บอกว่าของใคร แต่บอกว่าใช้ยังไง
หลักฐาน:
- UNESCO มีเงื่อนไขหลักในการรับรอง “มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้” ว่าต้องเป็น
- สิ่งที่ ยังมีการใช้จริง
- มี บทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของชุมชน
- มี กระบวนการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น โดยไม่ขาดตอน
- กัมพูชานำเสนอสิ่งเหล่านี้ในรูปแบบ “การเต้นรำ + การเล่าเรื่องด้วยท่าทาง + คำบรรยาย” ซึ่งอ้างว่าได้รับการสืบทอดหลังยุคเขมรแดง (พ.ศ. 2522–2545) ซึ่งเป็นช่วงที่กัมพูชาฟื้นฟูวัฒนธรรมเก่า
- ตรงข้ามกับไทย ที่มีวรรณคดีมากมาย แต่กลับไม่ได้มีการแสดง หรือแปลงเป็น soft power อย่างเป็นระบบเท่ากัมพูชาในเวที UNESCO
✅ เอกสารที่ยูเนสโกต้องการ ไม่ใช่ “ต้นฉบับหนังสือ” แต่เป็น “หลักฐานการมีอยู่จริงในสังคมร่วมสมัย” ซึ่งกัมพูชาทำได้ดี
- เขารู้ว่าโลกไม่ตัดสินด้วยความรู้สึก — แต่ตัดสินจากข้อมูลและการใช้งาน
หลักฐาน:
- หลักการของ UNESCO คือ “มรดกวัฒนธรรมของใคร” = ของชุมชนที่ยังใช้มัน ไม่ใช่แค่ผู้ประดิษฐ์ดั้งเดิม
- เช่นกรณี “กิมจิ” ที่เกาหลีใต้และจีนเคยขัดแย้งกัน แต่สุดท้าย UNESCO ตัดสินจากว่า ใครใช้กิมจิในวัฒนธรรมประจำวันชัดเจนกว่า
- ฉะนั้น ถ้าไทยไม่สามารถแสดงให้เห็นว่า วรรณคดีไทยเหล่านี้ยังมีบทบาทต่อชุมชนไทย — ก็ไม่สามารถทัดทานการยื่นของกัมพูชาได้อย่างมีน้ำหนัก
✅ โลกไม่ฟังแค่ว่า “ของเรานะ!” แต่ถามว่า “แล้วคุณทำอะไรกับมันในวันนี้?”
📌 สรุป:
- กัมพูชาไม่ได้แค่กล้าเคลมเพราะอยากได้ชื่อเสียง
- แต่เขา “วางระบบ สนับสนุน สืบทอด และส่งออก” วรรณกรรมเหล่านั้นในรูปแบบที่ยูเนสโกเข้าใจและให้ค่าจริง ๆ
- ฝั่งไทย หากยังคงใช้งานวรรณคดีแค่ในข้อสอบ หรือเป็นพิธีกรรมเฉพาะกิจ อาจยากที่จะเรียกคืน narrative เหล่านั้นในเวทีโลก
แล้วไทยควรทำยังไง? ไม่ใช่แค่โกรธ... แต่ต้อง “ลงมือทำ”
หากเราไม่อยากเห็นมรดกของชาติกลายเป็นสมบัติของคนอื่นเพียงเพราะเขายื่นมือไวกว่า ต่อไปนี้คือแนวคิดและแนวทางที่ควรพิจารณา:
- 1. จัดระบบข้อมูลวรรณคดีให้พร้อมยื่นขึ้นทะเบียน
ไม่ใช่แค่เก็บในหอสมุด แต่ต้องแปลงให้เข้าเกณฑ์ยูเนสโก - 2. ฟื้นฟูวรรณคดีให้มีชีวิตอีกครั้ง
ผ่านละครเวทีร่วมสมัย, อนิเมชัน, ดนตรี, หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ให้คนรุ่นใหม่รู้จักและใช้มัน - 3. สร้างความร่วมมือกับนานาชาติ
เช่น จัดแสดงในต่างประเทศ, ส่งนักเรียนไทยไปพูดเรื่องวรรณคดีในเวทีเยาวชนโลก - 4. ตั้งทีมการทูตวัฒนธรรมเฉพาะกิจ
ที่เข้าใจมรดกไทย เข้าใจระบบยูเนสโก และสามารถเจรจา/โต้แย้งอย่างมีหลักฐาน
✨ อย่ารอให้ยูเนสโกบอกเราว่า “อะไรเป็นของเรา”
เพราะถ้าเราไม่เล่าเรื่องของเราเอง... โลกก็จะฟังจากปากคนอื่น
ขอขอบพระคุณภาพประกอบจาก: เพจข่าว https://www.nationtv.tv/news/social/3...
และ จากเพจ "กรรมกรข่าว"
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
“นานา ไรบีนา” เพิ่งพ้นคุกก็เจอดราม่าซ้อน—เพื่อน (เคย) รักแห่ออกมาสวนแรง
สารพิษในร่าง 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา'! ตำรวจเร่งสอบพยาน ตรวจบ้านพักซ้ำ รอญาติจากเชียงราย
“นานา ไรบีนา” เพิ่งพ้นคุกก็เจอดราม่าซ้อน—เพื่อน (เคย) รักแห่ออกมาสวนแรง
"ประธานสหภาพฯ" บริษัทไดกิ้น เปิดใจหลังสั่งปิดงาน! ชี้ ยังต้องได้โบนัส
"เป็กกี้ ศรีธัญญา" โพสต์แซ่บถึง "นิยาย" ที่แสนสนุก ใครคือเจ้าของเรื่องตัวจริง?
กองกำลังพิเศษ BHQ ทรยศฮุนเซน แอบไปซบ อก สมรังสี
เหนือความเชื่อ! "ซูเปอร์ฟูลมูน" เรื่องที่เราอาจไม่เคยรู้...
“ย้อนวันวานอาหารจานละ 2-3 บาท กินอิ่มทั้งบ้านด้วยเงินไม่กี่บาท ราคาน่ารักที่วันนี้หาไม่ได้แล้ว”
ทำไมต้องหย่ากัน หลังถูกคดีความ? เหตุผลที่ฟังดูดราม่า…แต่จริงกว่าที่คิด
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก Redwood และ Sequoia
Unseen ไทยแลนด์ เกาะรูปหัวใจ "ทุ่งทะเลหลวง" สุโขทัย
