5 วิธีอยู่รอดแบบใจไม่พังในออฟฟิศเมื่อเหนื่อยกับคนในที่ทำงาน
แต่ละวัน เราต้องตื่นแต่เช้า ฝ่ารถติด ฝ่าความง่วง และไปทำงานในสถานที่ที่เราไม่ได้เลือกเพื่อนร่วมงานเอง ไม่ได้เลือกหัวหน้าเอง ไม่ได้เลือกวัฒนธรรมองค์กรเอง เราแค่ต้องอยู่ เพราะมันคือหน้าที่ และเพราะบิลค่าไฟไม่เคยเมตตาใคร
บางคนอาจรักในสิ่งที่ทำ แต่ก็ใช่ว่าจะรักทุกคนที่ทำงานด้วย หรือรักทุกงานที่ถูกมอบหมายให้ทำ นานวันเข้า ความเหนื่อยล้าสะสม ความผิดหวัง ความคาดหวังจากคนอื่น หรือแม้แต่จากตัวเอง กลายเป็นภาระที่หนักกว่ากองงานบนโต๊ะเสียอีก
ถ้าคุณรู้สึกว่า ชีวิตการทำงานมันช่างหนักหนา เหนื่อยทั้งกับงาน และเหนื่อยทั้งกับคน คุณไม่ได้อยู่คนเดียว ลองมาดู 5 วิธีนี้ ที่อาจช่วยให้คุณอยู่รอดในออฟฟิศ โดยที่ใจยังไม่พังยับเยินจนไม่เหลือชิ้นดี
1. แยกแยะ “สิ่งที่เราควบคุมได้” กับ “สิ่งที่เราควบคุมไม่ได้”
ปัญหาใหญ่ของคนทำงานจำนวนมาก คือเราเอาทุกอย่างมาใส่หัว ใส่ใจ และเอามันมาเป็นภาระตัวเองทั้งหมด ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง หลายอย่างไม่ใช่ความรับผิดชอบของเราเลย หรือเป็นเรื่องที่เราไม่มีวันควบคุมได้
หัวหน้าจะชอบเราหรือไม่ เพื่อนร่วมงานจะนิสัยยังไง ลูกค้าจะเอาแต่ใจหรือไม่ เศรษฐกิจจะตกต่ำ ทำให้งานขายไม่ได้ สิ่งเหล่านี้ เราอาจพยายามปรับตัวได้บางส่วน แต่เราไม่มีวันควบคุมมันทั้งหมดได้
สิ่งที่เราควบคุมได้จริง คือ
-
งานในมือเราที่จะทำให้เสร็จดีที่สุด
-
ปฏิกิริยาของเรา ว่าจะตอบสนองต่อความกดดันยังไง
-
การดูแลสุขภาพกายใจของเราเอง
การฝึกแยกแยะให้ชัดว่า อะไรอยู่ในอำนาจเรา อะไรไม่อยู่ จะช่วยให้เราไม่เสียพลังงานเปล่าๆ ไปกับเรื่องที่เราเปลี่ยนไม่ได้ ลองท่องในใจว่า
“เราทำได้ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้ ส่วนที่เหลือ ปล่อยมันเป็นเรื่องของโลก”
2. วางขอบเขต (Boundaries) ให้ตัวเองและคนอื่นชัดเจน
ขอบเขต (Boundaries) ไม่ใช่เรื่องเห็นแก่ตัว แต่คือสิ่งจำเป็นต่อสุขภาพจิตอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในโลกการทำงานที่ทุกอย่างถูกเร่งเร้าให้เร็วขึ้น ดีขึ้น ถูกกว่า และเยอะกว่าเดิมเสมอ
บางคนเกรงใจ จนไม่กล้าปฏิเสธงานนอกเวลาหรือวันหยุด จนตัวเองหมดไฟในที่สุด หรือยอมให้คนอื่นโทรมาตามงานดึกๆ โดยคิดว่า “ก็เราอยากให้เขาประทับใจนี่นา” แต่สุดท้าย คนที่เจ็บป่วยทั้งกายและใจ กลับเป็นเราเอง
การวางขอบเขต เริ่มจากเรื่องเล็กๆ เช่น
-
ไม่เช็กอีเมลงานหลัง 2 ทุ่ม
-
ไม่ตอบไลน์งานในวันหยุด (ยกเว้นกรณีฉุกเฉินจริงๆ)
-
กล้าบอกว่า “ตอนนี้ยังจัดการไม่ได้ ขอเวลา X วันนะครับ/ค่ะ”
-
ปฏิเสธงานที่เกินขีดจำกัด โดยให้เหตุผลสุภาพ แต่มั่นคง
ยิ่งเราชัด คนรอบข้างก็จะเรียนรู้ที่จะเคารพขอบเขตเราเอง
3. หาที่พึ่งทางใจ และเครือข่ายสนับสนุน (Support System)
การมีเพื่อนที่ทำงานดีๆ เป็นพรอย่างหนึ่ง เพราะแค่ได้ระบาย ได้หัวเราะ หรือได้บ่นเรื่องหัวหน้า เรื่องลูกค้า ก็ช่วยให้ใจเราสบายขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
แต่ถ้าออฟฟิศคุณไม่มีคนที่คุยแล้วสบายใจ ลองมองหากลุ่มข้างนอก เช่น
-
เพื่อนสมัยเรียน
-
กลุ่มใน Facebook / Discord ที่สนใจเรื่องเดียวกัน
-
กลุ่มวิ่ง กลุ่มปลูกต้นไม้ กลุ่มทำอาหาร
หรือแม้แต่การเขียนระบายในไดอารี ก็เป็นการ support ใจตัวเองในอีกรูปแบบหนึ่ง
อย่าปล่อยให้ตัวเองต้อง “แบกคนเดียว” ทุกเรื่อง เราไม่จำเป็นต้องเป็นคนเข้มแข็งจนหัวใจพัง แค่เข้มแข็งพอจะหาคนจับมือเราไว้ก็พอ
4. กลับมาดูแลร่างกาย ก่อนที่ใจจะพังไปด้วย
สุขภาพกายกับใจคือเรื่องเดียวกัน ถ้าคุณนอนไม่พอ ร่างกายเหนื่อยล้า สมองจะคิดอะไรในแง่ลบง่ายขึ้น 10 เท่า ความอดทนก็น้อยลง ความหงุดหงิดก็สูงขึ้น และปัญหาที่จริงๆ อาจเล็กนิดเดียว จะดูใหญ่โตเกินจริงทันที
ลองดูพื้นฐานง่ายๆ เลย:
-
นอนให้พออย่างน้อย 6-7 ชั่วโมง
-
กินข้าวตรงเวลา เลือกอาหารดีๆ ให้ตัวเองบ้าง
-
ขยับร่างกายสักวันละ 15-30 นาที จะเดิน จะเต้น จะยืดเส้นอะไรก็ได้
อย่ารอให้ร่างพังจนต้องเข้าโรงพยาบาล แล้วถึงหันกลับมาดูแลตัวเอง สุขภาพไม่ใช่ของตาย งานอาจหาใหม่ได้ แต่ร่างกายมีแค่ชิ้นเดียว
5. ทำให้ชีวิตเราใหญ่กว่างานที่ทำ
สุดท้าย อยากชวนคุณกลับมามองว่า งานเป็นเพียง “ส่วนหนึ่ง” ของชีวิต ไม่ใช่ทั้งหมด
หลายคนให้คุณค่า “ตัวเอง” จากผลงานหรือจากการยอมรับในที่ทำงานล้วนๆ พองานล้ม โปรเจกต์พัง หัวหน้าไม่พอใจ ชีวิตก็เหมือนพังไปด้วยทั้งหมด
ลองหาโลกอีกใบที่เป็นของคุณเอง เช่น
-
งานอดิเรกที่คุณรัก ไม่ว่าจะทำอาหาร ร้องเพลง วาดรูป
-
การเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับงาน เช่น ภาษาญี่ปุ่น การทำขนม
-
หรือเวลาอยู่กับครอบครัว กับสัตว์เลี้ยง กับคนรัก
เมื่อเรามีหลายโลกที่หล่อเลี้ยงใจ ต่อให้งานวันหนึ่งไม่เป็นไปตามฝัน มันก็ไม่สามารถทำลายทั้งชีวิตเราได้ทั้งหมด
"ทัพฟ้าไทย" ยืดอกรับ ส่งฝูงบินถล่มคลังแสงพระตะบอง ลั่น "เราไม่ได้เริ่มก่อน" แต่ต้องทำเพื่อปกป้องประชาชน
📜 ภาพเก่าประวัติศาสตร์ “พระตะบอง” จากแผ่นดินสยาม สู่ความทรงจำ
จรวดจีนฟัดจรวดจีน เปิดคลังอาวุธลับสมรภูมิสระแก้ว เมื่อไทย-เขมรต่างงัดไม้เด็ด "สายเลือดมังกร" มาดวลกัน
เขมร ยอมมาโต๊ะเจรจาที่จันทบุรี หลังไทยดัดหลัง "ไม่ย้ายประเทศ"
กฎหมายใหม่"การส่งข้อความลๅมกอนๅจๅร" อาจติดคุก เริ่มใช้ ต้นปี 69
รู้จัก M777 ปืนใหญ่สนามตัวโหด เบา คล่อง ยิงแม่นระดับนำวิถี ตัวเปลี่ยนเกมสงครามยุคใหม่
วิเคราะห์สถิติหวยปีใหม่ 2 มกราคม: เจาะลึกเลขเด่นรับโชควันศุกร์ 2569
APC M113 รถเกราะ 60 ปี ลุยสมรภูมิช่องอานม้า เสริม "เกราะไม้" กันจรวดสุดแกร่ง
10 ประเด็นร้อนฉ่าที่คนไทยให้ความสนใจสูงสุดในปี 2568
ทัพภาค 2 จัดหนัก งัดจรวดไทย DTI-1G รับใช้ชาติ ถล่ม BM-21 เขมรให้กระจาย
เน็ตไทยสวนเจ็บ! วิจารณ์แรงครูสาวเขมร ใช้บทเรียน “นกแร้ง” พาดพิงการเมือง ชี้ครูยังคิดได้ขนาดนี้ อนาคตเด็กจะเหลืออะไร
เน็ตไทยสวนเจ็บ! วิจารณ์แรงครูสาวเขมร ใช้บทเรียน “นกแร้ง” พาดพิงการเมือง ชี้ครูยังคิดได้ขนาดนี้ อนาคตเด็กจะเหลืออะไร
เงินเดือนผู้ประกาศข่าว
ปลาย พรายกระซิบ ยัน "ไม่ใช่ผู้วิเศษ" ต้องหาอาชีพอื่นสำรองไว้ด้วย
พชร์ อานนท์ การันตี "หอแต๋วแตก" ภาคล่าสุด เส้นเรื่องแน่น มุกสดใหม่ทันเหตุการณ์




