“ผ่าตัดไส้ติ่งครั้งแรกในชีวิต… จากแค่อาการปวดท้องธรรมดา กลายเป็นเรื่องไม่ธรรมดา”
“ผ่าตัดไส้ติ่งครั้งแรกในชีวิต… จากแค่อาการปวดท้องธรรมดา กลายเป็นเรื่องไม่ธรรมดา”
มันเริ่มจากอาการปวดท้องข้างขวาแบบตุ่ยๆ
ตอนแรกฉันคิดว่าแค่กินอะไรไม่ย่อย หรืออาจจะท้องอืด
เลยพยายามดื่มน้ำเยอะๆ เข้าห้องน้ำบ่อยๆ
แต่แปลกตรงที่...ยิ่งนั่ง ยิ่งเดิน ยิ่งขยับ…มันยิ่งเจ็บแปล๊บขึ้นเรื่อยๆ
ช่วงเย็น อาการเริ่มหนัก ปวดจนนั่งไม่ได้ ต้องนอนขดตัว
และที่แย่กว่าคือเริ่มมีไข้ คลื่นไส้ เบื่ออาหาร
เลยตัดสินใจไปหาหมอที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน
หมอกดหน้าท้องเบาๆ ฉันถึงกับร้อง
หมอเงียบไปสักพัก แล้วบอกว่า
"อาการเหมือนไส้ติ่งอักเสบนะครับ ต้องแอดมิทเลย"
ใจฉันตอนนั้นตกไปอยู่ตาตุ่ม
ไม่เคยเข้ารพ. ไม่เคยนอนห้องพัก ไม่เคยผ่าตัดใดๆ ทั้งนั้น
และนี่คือครั้งแรก…ที่ต้องนอนโรงพยาบาลจริงๆ
คืนนั้นฉันนอนไม่หลับเลย
กลัวทุกอย่าง ทั้งการดมยา กลัวเจ็บตอนฟื้น กลัวจะตื่นมาแล้วปวด
แต่พยาบาลกับคุณหมอพูดดีมาก บอกว่าเป็นเคสที่ทำบ่อยและปลอดภัย
จะผ่าด้วย การส่องกล้อง แผลเล็ก ฟื้นตัวไว
ฉันค่อยๆ ผ่อนคลายลง
และปล่อยให้ตัวเองหลับไปภายใต้เสียงเครื่องช่วยหายใจเบาๆ
ตื่นมาพร้อมอาการมึนๆ หนักหัว แต่ไม่เจ็บอย่างที่คิด
มีแผลเล็กๆ 3 จุดตรงหน้าท้อง ปิดพลาสเตอร์ไว้
รู้สึกตึงๆ แต่ไม่ทรมาน
พยาบาลให้ลุกเดินภายใน 6 ชั่วโมงแรก
และให้เริ่มจิบน้ำซุปอุ่นๆ เพื่อให้ลำไส้เริ่มทำงาน
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์นี้
อย่ามองข้ามอาการปวดท้องด้านขวาล่าง ถ้าปวดนานผิดปกติ รีบพบแพทย์
การผ่าตัดไส้ติ่งไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ยิ่งสมัยนี้เทคโนโลยีดีขึ้นมาก
ร่างกายเตือนเราเสมอ แค่เราต้อง "ฟังมันให้เป็น"
หลังจากนั้นประมาณ 5-7 วัน ฉันก็หายดี กลับมาใช้ชีวิตปกติ
แค่ต้องเลี่ยงอาหารมันจัด เผ็ดจัด และต้องพักร่างกายให้เพียงพอ
วันนี้มองย้อนกลับไป ยังขอบคุณตัวเองที่ “ไม่ดื้อ” และตัดสินใจมาหาหมอตั้งแต่เนิ่นๆ
เพราะถ้าปล่อยไว้จนไส้ติ่งแตก เรื่องคงไม่จบง่ายแบบนี้
หากคุณกำลังเจออาการปวดท้องแบบไม่ทราบสาเหตุ อย่ารอจนสายร่างกายเรามีแค่ชุดเดียว ดูแลมันดีๆ นะคะ

















