เปิดตำนาน 5 คำสาปสะท้านโลก เรื่องเล่าอาถรรพ์จากอียิปต์สู่ลังกาวี
1. คำสาปฟาโรห์ตุตันคาเมน ความลี้ลับในสุสานโบราณ
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นที่อียิปต์โบราณกว่า 3,000 ปีที่แล้ว กับ ฟาโรห์ตุตันคาเมน ผู้ขึ้นครองราชย์ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ และเสียชีวิตอย่างปริศนาตอนอายุ 18 ปี สุสานของพระองค์ที่ถูกค้นพบโดย โฮเวิร์ด คาร์เตอร์ นักโบราณคดีชาวอังกฤษ ในปี 1922 เป็นสุสานที่สมบูรณ์ที่สุด แต่กลับเต็มไปด้วยเรื่องราวชวนขนหัวลุก
ภายในสุสาน พบมัมมี่ฟาโรห์ถูกทาด้วยสีดำและไม่มีหัวใจ ซึ่งผิดปกติจากมัมมี่ทั่วไป การตายของพระองค์ยังคงเป็นปริศนา มีทั้งทฤษฎีถูกลอบปลงพระชนม์ อุบัติเหตุ หรือโรคประจำตัว
สิ่งที่ทำให้เรื่องราวคำสาปโด่งดังคือ แผ่นหินจารึก ที่คาร์เตอร์พบในสุสาน มีข้อความว่า "มรณะจะโบยบินมาสังหารสู่ผู้บังอาจรังควานสันติสุขแห่งองค์ฟาโรห์" หลังจากนั้นไม่นาน เหตุการณ์ประหลาดก็เริ่มขึ้น นกขมิ้นของคาร์เตอร์ถูกงูเห่าฉกตาย ซึ่งงูเห่าเป็นสัญลักษณ์ของฟาโรห์
ลอร์ด คาร์นาร์วอน นายทุนผู้สนับสนุนการขุดค้น เสียชีวิตกะทันหันจากยุงกัดที่แก้มซ้ายและติดเชื้อในกระแสเลือด ที่น่าแปลกคือฟาโรห์ตุตันคาเมนก็มีรอยแผลเป็นที่แก้มซ้ายเช่นกัน ภายในปีนั้น มีผู้เกี่ยวข้องกับการขุดสุสานเสียชีวิตถึง 5 คน รวมถึงชาวอังกฤษคนหนึ่งที่ร่วมสำรวจและตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง โดยเขียนด้วยเลือดว่าพ่ายแพ้ต่อคำสาป
คาร์เตอร์ส่ง ข้อมือมัมมี่ ให้เพื่อนเป็นของขวัญ ซึ่งมีข้อความสลักว่า "คำสาปจะอยู่กับผู้ที่เคลื่อนย้ายกายา จงพบกับไฟ น้ำ และโรคระบาด" ไม่นานบ้านเพื่อนก็ถูกไฟไหม้และน้ำท่วม
เลขาของคาร์เตอร์เสียชีวิต และยังมีอีกหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็เสียชีวิตด้วยเช่นกัน รวมแล้ว 22 คน
แม้จะมีการเสียชีวิตของคนรอบตัว แต่คาร์เตอร์ก็ยังมีอายุยืนยาวที่สุด โดยเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในอีก 10 ปีต่อมา ปัจจุบันสุสานของฟาโรห์ตุตันคาเมนเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม และมีการสันนิษฐานว่าสาเหตุการเสียชีวิตอาจเกิดจากเชื้อราภายในสุสาน
2. คำสาปโฮปไดมอนด์ อัญมณีแห่งหายนะ
เพชรโฮป (Hope Diamond) เป็นเพชรสีน้ำเงินเข้มขนาด 45.52 กะรัต ถูกค้นพบที่อินเดีย มีตำนานเล่าว่าถูกขโมยมาจากรูปปั้นเทพเจ้าในศาสนาฮินดู ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของคำสาป
ชอง บาปติสต์ ตาเวอร์เนียร์ พ่อค้าเพชรชาวฝรั่งเศส เป็นผู้ครอบครองเพชรคนแรกที่นำออกจากอินเดีย เขานำเพชรไปถวาย พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และเพชรก็ถูกส่งต่อมายัง พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 และ 16 พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระมเหสีมารี อ็องตัวแน็ต ถูกประหารชีวิตด้วยกิโยติน ในช่วงปฏิวัติฝรั่งเศส ซึ่งเพชรโฮปก็ถูกขโมยหายไปกว่า 20 ปี
เพชรปรากฏขึ้นอีกครั้งในลอนดอน โดยถูกขายให้กับ พระเจ้าจอร์จที่ 4 แห่งราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งทรงใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจนราชบัลลังก์ล้มละลาย ต้องขายเพชรเพื่อชำระหนี้ เพชรถูกขายต่อให้ เฮนรี่ ฟิลิป โฮป นักสะสมเพชร และเป็นที่มาของชื่อ "โฮปไดมอนด์" หลังจากนั้นตระกูลโฮปก็ล้มละลายลง เพชรถูกขายทอดตลาดมาเรื่อย ๆ จนมาถึงมือของ ปีแอร์ คาร์เทียร์ นักออกแบบเครื่องประดับชื่อดัง ผู้ที่ทำให้ตำนานคำสาปของเพชรโฮปโด่งดังไปทั่วโลก คาร์เทียร์นำเพชรไปขายให้ เอเวลีน วอลช์ แมคลีน เศรษฐีนีชาวอเมริกัน ผู้ที่หลงใหลในเรื่องลึกลับ หลังจากเอเวลีนครอบครองเพชรโฮป ลูกชายของเธอก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ธุรกิจล้มละลาย และเธอเสียชีวิตด้วยอาการทางจิตเวช
เพชรถูกขายทอดตลาดอีกครั้ง จนมาถึง เฮนรี่ วินสตัน ผู้ที่นำเพชรออกแสดงทั่วโลกเพื่อการกุศลเป็นเวลา 10 ปี และเชื่อว่าเป็นการลบล้างอาถรรพ์ ก่อนที่เพชรจะถูกนำไปจัดแสดงที่สถาบันสมิธโซเนียน บุรุษไปรษณีย์ที่นำส่งเพชรก็ประสบอุบัติเหตุรถยนต์จนเสียขา ภรรยาและสุนัขของเขาก็เสียชีวิตกะทันหัน
ปัจจุบันเพชรโฮปจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ในสหรัฐอเมริกามานานกว่า 60 ปี และมีการกล่าวอ้างว่าเพชรเม็ดนี้ปลอดคำสาปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้
- คำสาปอัศวินเทมพลาร์ การล้างแค้นของนักรบ
อัศวินเทมพลาร์ (Knights Templar) เป็นองค์กรอัศวินที่มีชื่อเสียงในช่วงสงครามครูเสด มีหน้าที่พิทักษ์นครศักดิ์สิทธิ์เยรูซาเล็ม ทำศึกกับชาวมุสลิม และคุ้มครองชาวคริสต์ที่เดินทางมาแสวงบุญ พวกเขากลายเป็นองค์กรที่มั่งคั่งจากการค้นพบทรัพย์สมบัติมากมายในเยรูซาเล็ม และทำธุรกิจธนาคารระหว่างประเทศ
พระเจ้าฟิลิปที่ 4 แห่งฝรั่งเศส เป็นลูกหนี้รายใหญ่ของอัศวินเทมพลาร์ แต่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ จึงหาเรื่องใส่ร้ายเหล่าอัศวินว่าเป็นพวกนอกรีต ดูหมิ่นศาสนาคริสต์ บูชาซาตาน และร่วมเพศเดียวกัน ในปี 1307 พระเจ้าฟิลิปที่ 4 ร่วมมือกับ สมเด็จพระสันตะปาปาเคลเมนต์ที่ 5 สั่งจับกุมอัศวินเทมพลาร์ทั้งหมดกว่า 140 คน และทรมานให้สารภาพ
ฌาคส์ เดอ โมเลย์ (Jacques de Molay) หัวหน้าอัศวินเทมพลาร์ ถูกประหารชีวิตด้วยการเผาทั้งเป็น ในปี 1314 ก่อนเสียชีวิต เขาได้ สาปแช่งพระเจ้าฟิลิปที่ 4 และสมเด็จพระสันตะปาปาเคลเมนต์ที่ 5 ว่าถ้าองค์กรเทมพลาร์บริสุทธิ์จริง ขอให้ลูกหลานของพระองค์มีอายุสั้น และขอให้ราชวงศ์ของพระองค์ถึงกาลพินาศ
หลังจากนั้นไม่นาน พระเจ้าฟิลิปที่ 4 สวรรคตด้วยโรคหัวใจ และ สมเด็จพระสันตะปาปาเคลเมนต์ที่ 5 เสียชีวิตด้วยโรคปริศนา ตามกันไปติด ๆ ราชวงศ์ฝรั่งเศสที่สืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าฟิลิปที่ 4 ก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน โดยส่วนใหญ่เสียชีวิตในวัยหนุ่ม จนทำให้สายราชวงศ์สิ้นสุดลง ฌาคส์ เดอ โมเลย์ กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความกล้าหาญและศรัทธา คำสาปของเขายังคงถูกเล่าขานมาจนถึงปัจจุบัน
4. คำสาปละครแม็คเบธ โศกนาฏกรรมที่ไม่สิ้นสุด
"แม็คเบธ" (Macbeth) เป็นหนึ่งในสี่ละครโศกนาฏกรรมชื่อดังของ วิลเลียม เชกสเปียร์ เชื่อกันว่าเนื้อหาบางส่วนของละครเป็นการเปิดเผยความลับของแม่มดมากเกินไป ทำให้แม่มดโกรธแค้นและสาปละครเรื่องนี้ให้พบกับภัยพิบัติทุกครั้งที่มีการออกแสดง
เรื่องย่อของละครแม็คเบธ แม็คเบธ นักรบผู้ปราบกบฏ ได้รับการทำนายจากแม่มด 3 ตนว่าจะได้เป็นอัศวินและกษัตริย์ในท้ายที่สุด เมื่อเขากลับไปเล่าให้ภรรยาฟัง นางก็ยุยงให้เขาลอบสังหารกษัตริย์เพื่อขึ้นครองราชย์ แม็คเบธทำสำเร็จและขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งสกอตแลนด์ แต่เขาก็ไม่เป็นสุข เพราะถูกผีหลอกหลอนตลอดเวลา ภรรยาของเขาก็เสียสติไป แม่มดปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมคำทำนายว่าเขาจะไม่ถูกมนุษย์ที่เกิดจากครรภ์มารดาฆ่าตาย แต่สุดท้ายแม็คเบธก็ต้องจบชีวิตลงด้วยฝีมือของแมคดัฟฟ์ ซึ่งไม่ได้เกิดจากการคลอดปกติ แต่ถูกผ่าออกมาจากช่องท้อง
อาถรรพ์ของละครแม็คเบธ คำสาปเริ่มทำงานตั้งแต่การแสดงรอบแรกในปี 1606 ผู้แสดงบทเลดี้แม็คเบธเสียชีวิตหลังเวที ทำให้เชกสเปียร์ต้องแสดงแทน อับราฮัม ลินคอล์น ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้อ่านบทละครเรื่องแม็คเบธให้เพื่อนฟังก่อนถูกลอบสังหารในโรงละครในปี 1865 ตลอดเกือบ 400 ปีที่ผ่านมา ละครเรื่องนี้ก็มีอาถรรพ์เกิดขึ้นกับนักแสดงมาตลอด มีทั้ง อุบัติเหตุบาดเจ็บล้มตาย บางคนฆ่าตัวตาย
ในปี 1947 นักแสดงที่รับบทแม็คเบธเสียชีวิต จากการถูกดาบจริงแทงระหว่างแสดงฉากดวลดาบ เนื่องจากคู่ต่อสู้ลืมสวมที่ครอบปลายดาบ ด้วยเหตุนี้ คนในวงการละครจึงมักจะ ห้ามพูดชื่อ "แม็คเบธ" ในโรงละคร โดยจะเรียกแทนว่า "The Scottish Play" หรือ "ละครสกอต" และมีวิธีแก้เคล็ดหากเผลอพูดชื่อไป คือต้องรีบออกจากโรงละคร หมุนตัว 3 รอบทวนเข็มนาฬิกา ถ่มน้ำลาย สบถคำหยาบ และเคาะประตูโรงละครเพื่อขออนุญาตกลับเข้ามาใหม่
5. คำสาปพระนางมัสสุหรี โลหิตสีขาวและเกาะลังกาวีที่รกร้าง
เรื่องราวของ พระนางมัสสุหรี หรือ พระนางเลือดขาว หญิงสาวชาวภูเก็ตที่เสียชีวิต ณ เกาะลังกาวี นำไปสู่ตำนานอาถรรพ์หาดทรายสีดำและคำสาป 7 ชั่วอายุคน
พระนางมัสสุหรีได้เป็นพระชายาองค์รองของอนุชาแห่งองค์สุลต่านลังกาวี และเมื่อคลอดบุตรชายชื่อวันฮาเกม ก็ได้เลื่อนขั้นเป็นพระมเหสีลำดับที่ 1 ทำให้พระมเหสีองค์เดิมเกิดความริษยา เมื่อพระสวามีของพระนางออกรบ ผู้ปองร้ายก็สร้างสถานการณ์ว่าพระนางคบชู้กับขุนนาง ทำให้พระนางถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยกริช
ก่อนสิ้นพระชนม์ พระนางมัสสุหรีได้อธิษฐานว่า "ถ้านางไม่มีความผิด ขอให้โลหิตที่หลั่งออกมาเป็นสีขาว เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง และขอให้เกาะลังกาวีไร้ซึ่งความเจริญไป 7 ชั่วอายุคน" เมื่อเพชฌฆาตลงกริช ก็ไม่ระคายผิวนาง พระนางจึงบอกให้ใช้กริชประจำตระกูลของพระนาง เมื่อกริชจรดลงบนคอ โลหิตสีขาวก็พุ่งขึ้นราวกับร่มโดยไม่ตกลงบนพื้น นับตั้งแต่วันนั้น เกาะลังกาวีก็เชื่อว่าตกอยู่ภายใต้คำสาป มีความเงียบเหงา ผู้คนอยู่กันอย่างไม่เป็นสุขเป็นเวลา 7 ชั่วอายุคน
เรื่องราวของพระนางมัสสุหรีเป็นตำนานปรัมปราที่ผสมผสานความเชื่อและข้อเท็จจริง และยังคงถูกเล่าขานมาจนถึงปัจจุบัน





















