ภาพคนไทยในอนาคตน่าห่วง: แก่ จน และโดดเดี่ยว ยิ่งกว่าญี่ปุ่น
นักวิจัยชี้ตรงกัน อนาคตประเทศไทยจะมีคนแก่และจน 60-70 เปอร์เซ็นต์ ที่ต้องการความช่วยเหลือ เนื่องจากมีความเหลื่อมล้ำด้านฐานะ ซึ่งสวัสดิการรัฐอาจไม่เพียงพอต่อการกระจายความช่วยเหลือ
ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ (Complete Aged Society) และกำลังจะกลายเป็น สังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super-Aged Society) ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งหมายความว่าสัดส่วนของประชากรสูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ปัจจุบันผู้สูงอายุไทยมีสัดส่วนถึงร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในอนาคต โดยคาดว่าในปี 2583 ผู้สูงอายุจะเพิ่มถึง 31.4% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งเวลานั้นก็เหลือเพียงสิบกว่าปีเท่านั้นเอง
แม้ว่าสัดส่วนคนจนโดยรวมของประเทศไทยจะลดลง แต่ในกลุ่มผู้สูงอายุบางส่วนยังคงเผชิญกับปัญหาความยากจน ผู้สูงอายุราว 34% มีรายได้ต่ำกว่า "เส้นความยากจน" ซึ่งส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในภาคเกษตรกรรม ที่มีรายได้เฉลี่ยค่อนข้างต่ำ
คนไทยมากกว่า 1 ใน 3 ของคนจนหลายมิติทั้งหมด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเปราะบางในมิติอื่น ๆ ด้วย เช่น การเข้าถึงบริการสาธารณะ สุขภาพ และคุณภาพชีวิต ภาพของคนแก่ที่ป่วยจากโรคเรื้อรัง เดินทางไปโรงพยาบาลลำบาก หรือติดเตียงเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ตรงนี้ต่างจากคนแก่ที่ญี่ปุ่นมาก เนื่องจากภาพคนแก่ในญี่ปุ่นมักพบว่ามีสุขภาพดีและอายุยืน
ผู้สูงอายุไทยส่วนใหญ่มีเงินออมไม่เพียงพอ ผู้สูงอายุชาวไทยจำนวนมาก (มากถึง 2 ใน 3) ไม่มีเงินออม และมีเพียง 5% เท่านั้นที่มีเงินออมมากกว่า 1 ล้านบาท ทำให้เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุแล้วไม่มีรายได้ประจำ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพและค่าใช้จ่ายที่จำเป็น โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ต่างจากญี่ปุ่นที่มีเงินออมมากพอ เพราะคนญี่ปุ่นมีนิสัยอดออมมาตั้งแต่อยู่ในวัยทำงาน
สาเหตุและผลกระทบ
- โครงสร้างเศรษฐกิจ: งานในประเทศไทยส่วนใหญ่ยังคงต้องการแรงงาน ทำให้เป็นปัญหาสำหรับผู้สูงอายุที่มีข้อจำกัดด้านสุขภาพและแรงกาย งานที่ภาคธุรกิจพยายามจะเพิ่มให้ผู้สูงอายุ จริงๆไม่ได้มีมากเพียงพอ นอกจากนั้น ผู้สูงอายุไทยยังป่วยด้วยโรคเรื้อรังจำนวนมากที่เป็นข้อจำกัดของแรงงาน แตกต่างจากคนญี่ปุ่น
- การขาดแคลนแรงงาน: การที่ประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นและอัตราการเกิดลดลง ส่งผลให้เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงานในอนาคต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตและบริการ ภาพธุรกิจและการบริโภคในประเทศถดถอย ภาพนี้ ไทยน่าจะรุนแรงกว่าในญี่ปุ่น
- การบริโภคในประเทศชะลอตัว: จำนวนผู้สูงเพิ่มขึ้นและมีกำลังซื้อจำกัด อาจทำให้การบริโภคในประเทศเติบโตช้าลง
- ภาระทางการคลังเพิ่มขึ้น: รัฐบาลมีภาระในการจัดสวัสดิการและเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น
แนวทางแก้ไขและนโยบาย: ภาพที่ดูเลื่อนลอยและยากที่จะแก้ไข เนื่องจากในยุคข้างหน้าการใช้แรงงานคนจะยิ่งน้อยลงไปอีกจากการเข้ามาของเอไอและหุ่นยนต์ ซึ่งต้องยอมรับตามตรงว่า ผู้สูงอายุไม่สามารถทำงานในยุคอนาคตได้ แม้ว่ารัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามแก้ไขปัญหาเหล่านี้ผ่านนโยบายและโครงการต่างๆ เช่น
- ระบบบำนาญและเบี้ยยังชีพ: มีโครงการบำนาญหลายโครงการ รวมถึงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เพื่อช่วยลดความยากจนในกลุ่มผู้สูงอายุ แต่ต้องยอมรับกันว่า แม้รัฐบาลจะช่วยแค่ไหนก็ไม่มีวันเพียงพอและทันต่อเงินเฟ้อ
- การส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุ: มีความพยายามส่งเสริมให้ผู้สูงอายุสามารถทำงานต่อได้ หรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม
- การพัฒนาคุณภาพชีวิต: รวมถึงการเข้าถึงบริการสุขภาพ การดูแลผู้สูงอายุ และการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ
- การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ: เพื่อให้มีการจ้างงานที่หลากหลายมากขึ้น เหมาะสมกับวัยและศักยภาพของผู้สูงอายุ


















