ผู้ชายที่หล่อที่สุดในกัมพูชาโพรไฟล์เหนือหัว ชาติกำเนิดสูง
หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักชื่อ “นโรดม สีหมุนี” ดี แต่สำหรับคนกัมพูชาแล้ว พระองค์ไม่ใช่แค่กษัตริย์ของชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นเหมือนตัวแทนของศิลปะ ความอ่อนโยน และความสง่างามอย่างแท้จริง
ตอนสมัยหนุ่ม ๆ พระองค์เคยถูกพูดถึงว่า “เป็นชายที่หล่อที่สุดในกัมพูชา” เลยทีเดียวค่ะ และไม่ได้หล่อแค่หน้าตา แต่หล่อแบบมีชาติกำเนิดสูงส่ง สมบูรณ์พร้อมทุกด้าน ทั้งรูปร่าง หน้าตา ความสามารถ และท่าทีอ่อนน้อม
พระองค์ทรงพระราชสมภพเมื่อปี 1953 เป็นโอรสของ สมเด็จพระนโรดม สีหนุ กับ พระราชินีโมนีก ที่มีเชื้อสายฝรั่งเศส คอร์ซิกัน และอิตาลี ทำให้พระองค์มีลักษณะงดงามแบบผสมผสาน ทั้งความหล่อแบบชาวยุโรปกับความสงบสุขุมแบบชาวตะวันออก
ตั้งแต่ยังเล็ก พระองค์ก็มีหัวทางศิลปะ จึงถูกส่งไปเรียนบัลเลต์และดนตรีที่กรุงปราก ประเทศเชโกสโลวาเกีย (ปัจจุบันคือสาธารณรัฐเช็ก)
พระองค์เรียนด้านการแสดง ศิลปะ และบัลเลต์อย่างจริงจัง เป็นคนรักศิลปะโดยสายเลือด เคยเป็นครูสอนบัลเลต์อยู่ที่ฝรั่งเศส มีคณะบัลเลต์ของตัวเองชื่อว่า “Deva” และยังเคยทำงานเป็นทูตของกัมพูชาประจำยูเนสโกอีกด้วย เรียกได้ว่า ทั้งเก่ง ทั้งหล่อ ทั้งสุภาพ จนใคร ๆ ก็ยกย่อง
แม้จะเคยเผชิญช่วงชีวิตลำบากในช่วงการปกครองของเขมรแดง แต่พระองค์ก็ไม่เคยละทิ้งความรักในศิลปะ และเมื่อมีโอกาสก็กลับมาสานต่อความตั้งใจเดิม คือการฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมกัมพูชา
ในปี 2004 พระบรมราชชนก (กษัตริย์สีหนุ) ทรงสละราชสมบัติ และสภามงกุฎมีมติเห็นชอบให้นโรดม สีหมุนีขึ้นครองราชย์เป็น กษัตริย์พระองค์ที่ 4 ของกัมพูชาในยุคปัจจุบัน
แม้พระองค์จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่ก็ทรงได้รับความเคารพจากประชาชน เพราะความอ่อนโยน สมถะ มีจิตใจรักสงบ และวางพระองค์แบบไม่ถือพระองค์เลย
และพระองค์สามารถพูดได้ถึง 5 ภาษา ได้แก่ ขแมร์ ฝรั่งเศส อังกฤษ เช็ก และรัสเซีย แถมยังเล่นเปียโนเก่ง เต้นบัลเลต์ได้ และเคยทำหนังด้วยค่ะ
บางคนเรียกพระองค์ว่าเป็น “กษัตริย์นักเต้น” หรือ “กษัตริย์นักศิลปะ” เพราะพระองค์ทุ่มเทกับงานด้านวัฒนธรรมมาก ๆ จริง ๆ
คนกัมพูชาเขารักพระองค์ท่านมากค่ะ ไม่ใช่แค่เพราะพระองค์เป็นกษัตริย์ แต่เพราะพระองค์มีหัวใจที่รักประชาชน รักวัฒนธรรม มีความเป็นศิลปินเต็มตัว และยังมีความอ่อนโยนจนใคร ๆ ก็หลงรัก
ถ้าจะบอกว่า “เป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดในกัมพูชา” ก็คงไม่เกินจริงเลย เพราะพระองค์ ไม่ได้หล่อแค่หน้าตา แต่หล่อไปถึงจิตใจ
ใครที่ชอบประวัติศาสตร์ ชอบวัฒนธรรม ดิฉันขอแนะนำให้ลองศึกษาเรื่องราวของพระองค์ดูค่ะ อ่านแล้วทั้งอบอุ่น ทั้งน่าทึ่งจริง ๆ







