A Concert by Suanplu Chorus (เทศกาลดนตรีสองแผ่นดิน)
เสียงดนตรียังดังก้องกังวาน ดนตรีขับขานทำนองสวรรค์
ร้อยโน๊ตประกอบชุดประสานกัน ฟังเพลิดเพลินสุขสันต์วันดนตรี
ครั้งนี้ได้รับเชิญจากสถานทูตไทยได้ไปเป็นแขกรับเชิญในการชมเทศกาลดนตรีขับร้องประสานเสียง และการแสดงสองแผ่นดิน ซึ่งในครั้งนี้มีความพิเศษคือ พระมหากษัตริย์สีหมุนีและพระราชินีมาร่วมด้วย ถือว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ เอกอครราชทูตไทยในพนมเปญให้นำนักศึกษาเข้าร่วมด้วย กลายเป็นแขกผู้มีบัตรเชิญ ในงานมีอาหารในแบบบุฟเฟ่ต์ แต่ว่าสไตล์ฝรั่งเศสที่อาหารเล็กๆ พอดีคำ
น่าจะเป็นครั้งที่สองที่ได้ไปในหอศิลป์วัฒนธรรมของกัมพูชาในกรุงพนมเปญ ครั้งแรกคือไปดูการแสดงดนตรีพื้นบ้านของกัมพูชาที่หาได้ยากจากศิลปินแห่งชาติมาบรรเลงและขับขานให้ฟัง ส่วนในครั้งนี้เป็นการแสดงดนตรีสองแผ่นดินไฟเราะมาก ชอบสุดคือการประสานเสียงนักร้องทั้งหมดบนเวทีนั้นเสียงเหมือนคนคนเดียวร้อง ไพเราะที่สุด
พิเศษมากกว่านั้นคือเป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสต้อนรับสมเด็จพระราชินี และกษัตริย์สีหมุนี เจอพระพักตร์แบบใกล้มาก มองใบหน้าเอิบอิ่มมีความสุขมาก เป็นกันเองมากดูแล้วน่ารัก ท่านยิ่งใหญ่มาจากภายใน จิตใจงดงามมาก สิ่งที่เหมือนกับยพระมหากษัตริย์รัชกาลที่เก้าของเราคือท่านทรงรักในเสียงดนตรี รักในการเล่นดนตรี และขับร้องเพลงแต่งเพลงเช่นกัน สุนทรีย์ในดนตรีจะแสดงความสุขจากภายในออกมา
ช่วงนี้จะเป็นช่วงของการแสดงจบ การลุกขึ้นแล้วปรบมือแสดงการขอบคุณและชื่นชมในการแสดงที่ยิ่งใหญ่เมื่อนักแสดงถวายความเคารพคำนับทุกคนจะลุกขึ้นอย่างที่ไม่ได้นัดกันเลย การมาของพระมหากษัตริย์นั้นมีความเรียบง่าย ไม่ต้องจัดขบวนหรือปิดถนนอะไร แต่หากว่าก่อนที่ท่านจะมาถึงทุกคนจะต้องเข้ามาในสถานที่แสดงเรียบร้อย ท่านมาตรงเวลามากก่อนเวลาสามสิบนาทีก่อนที่จะมีการแสดง
ครั้งนี้เราเองนั่งแถวที่สามนับจากข้างหน้า หลังจากการแสดงจบลง ถ่ายภาพรวมกับนักแสดง ชุดในการเข้าร่วมรับชมการแสดงนั้นจะค่อนข้างที่จะเป็นทางการหน่อย อาจจะใส่สูทรชุดประจำชาติ ส่วนเด็กๆ นั้นชุดนักศึกษา อากาศด้านในเย็นฉ่ำมาก เป็นภาพที่สวยงามที่มีเราอยู่ในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์
อาคารนี้เป็นสถานที่แสงสีเสียงที่พร้อมหมดในเรื่องของเทคนิคเวลาที่มีการแสดงนั้น สุดยอดบริเวณโดยรอบนั้นเงียบไม่มีแม้แสงไฟ ก่อนที่จะเข้าไปนั้นจะต้องเตรียมตัวในการทำธุระส่วนตัว ระยะเวลาในสามชั่วโมงในการแสดงนั้นเรียกได้ว่าละสายตาไม่ได้เลย
การแสดงทั้งหมดนั้นเป็นการแสดงที่กว่าทุกคนบนเวทีจะมาถึงวันนี้ได้คือต้องผ่านอะไรมาเยอะ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในการชมการแสดงดนตรี และเป็นครั้งที่ประทับใจมาก มีบทเพลงหนึ่งที่เป็นเพลงที่แต่งร่วมกันระหว่างพระมหากษัตริย์ไทยและพระมหากษัตริย์ของกัมพูชา ไพเราะมากเสียงโน๊ตผสมกันได้อย่างลงตัว พิธีกรในงานนี้ภาษาที่ใช้คือภาษาเขมรและภาษาอังกฤษ
การบรรเลงบทเพลงสองแผ่นดิน ที่ประพันธ์โดยพระมหากษัตริย์ทั้งสองแผ่นดิน ซออู้ และฉิ่งที่ผสานบวกความไพเราะและควบคุมทำนอง สุดยอดความไพเราะมาก เวลาประมาณสามนาทีในการบรรเลงสะกดทั้งสายตาและความสนใจไปที่กลางเวที
เข้าแถวเพื่อตรวจบัตรเชิญ การเข้าไปในหอศิลปวัฒนธรรมนั้นเราจะต้องมีบัตรเข้าร่วมงานด้วย เข้าแถวเพื่อที่จะสแกนรอบตัวหน่อยว่าเรานั้นนำอะไรเข้าไปด้านในบ้าง พวกเรานั้นเดินทางไปถึงตั้งแต่สี่โมงเย็น หลังจากเข้าไปในงาน จัดที่นั่งให้กับนักศึกษาครบแล้ว วางกระเป๋าลงไปที่ห้องอาหารเพื่อที่จะทานอาหารก่อนที่จะเริ่มทำการแสดง เพราะว่ากว่าจะจบงานคือประมาณสองถึงสามทุ่ม
ครั้งนี้เราไปในชุดไทยลูกไม้ กระโปรงผ้าสุโขทัยยาว
ความสุขในเสียงดนตรีนั้นไม่ว่าจะเป็นใครเมื่อรักในเสียงดนตรี จะเป็นบุคคลที่มีจังหวะในชีวิต ชีวิตของคนเรานั้นมีขึ้นมีลงเหมือนดนตรีบางครั้งสวยงาม บางครั้งตัวโน๊ตต่ำ และสูงตาช่วงเวลา ไม่ต่างอะไรกับช่วงชีวิตของคนเรา ใช้ชีวิตให้เหมือนดนตรีแล้วเราจะมีความสุข













