เรื่องจริงหรือคิดไปเอง…
สวัสดีที่เข้ามาอ่าน....ก่อนอื่นขอย้อนเวลากลับไปอยู่ในช่วงหลายปีก่อนที่ไม่เคยที่จะมีความแปลกประหลาดเกิดขึ้นแต่อย่างใด ความปกติสุขที่คิดว่าน่าจะมีมากที่สุดแล้วในช่วงเวลานั้น ทุกอย่างดูจะเรียบง่ายไม่ได้วุ่นวาย จนกระทั่งเกิดจุดเปลี่ยนบางอย่างในเส้นชีวิตเส้นทางของการได้พบกับความแปลกประหลาดบางอย่างเกี่ยวกับการรับรู้ การได้ยิน การมองเห็นถึงอะไรที่เป็นการเกิดภาพ ซ้อนกันกับสิ่งที่อยู่ปัจจุบัน คำพูดจากใครสักคนที่เป็นไปตามเรื่องราวที่กำลังจะได้พบเจอในเวลาต่อไป ที่จะคอยบอก คอยเตือน คอยพูดถึงหลายสิ่งอย่างที่เกี่ยวกับชีวิตเราในปีต่อๆไปและในวันข้างหน้า....ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลกในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ เพียงแค่ให้รับรู้ว่าการมาของใครสักคนในชีวิตที่ไม่เคยได้พบเจอ เขาจะเข้ามาทำลายหรือเข้ามาทำดีนั้นเป็นเพราะ บางคนเคยเป็นคนที่ทำไม่ดีกับชีวิตในตอนเด็กไม่ว่าจะเป็นการดูถูก พูดว่าด่าสาระพัดที่คอยเอาเปรียบในทุกๆอย่าง สลับสับเปลี่ยนเรื่องราวของเราในชีวิตกับคนอีกคนด้วยการพูดแบบเอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่น จนผลการกระทำของพวกเขาถูกเข้าใจผิด ถึงขนาดทำสิ่งไม่ดีที่เกี่ยวกับพิธีอะไรบางอย่าง ที่รับรู้ได้เลยว่า
อาการที่เป็นนั้นก็เกิดมาจากคนที่เคยไปรับรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่งมา ไปเอาของคนอื่นมา ไปในที่ๆไม่ดีมา
นำสิ่งไม่ดีเข้ามาทำร้ายคนในครอบครัว ความเชื่อที่ดูเหมือนจะเป็นทุกอย่างในชีวิตพวกเขา เชื่อแม้กระทั่งการนำอะไรบางอย่างเข้ามาบูชา วัตถุประหลาด หรือการเอามาผสมให้คนในบ้านกินเพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งดีสิ่งมงคล มันเป็นเพียงการพูดของใครบางคนที่ให้น้ำเอาสิ่งที่อัปมงคลเข้าบ้าน ซึ่งเชื่อกันว่าถ้ามีสิ่งนี้อยู่ในบ้านจะเป็นกาลกินีหรือเป็นภัยต่อตัวเองและครอบครัว แต่ความจริงแล้ว เขาอยากที่จะได้และนำของสิ่งนั้นไปเป็นของตน พูดจากล่าวหาสาระพัดสรุปแล้วไม่ได้ทำให้ดีขึ้น แต่ทำให้คนในครอบครัวเกิดความเข้าใจกันผิดมากกว่าเก่า พูดกันไม่รู้เรื่อง ทำให้ครอบครัวแต่แยก ด้วยการเอาความเชื่อของคนอื่นมาใช้ในครอบครัวตัวเอง ถือปฏิบัติกันมาคนละอย่าง แต่ละคนก็ร้อยพ่อพันแม่ ดีร้ายอยู่ที่ว่าคุณเลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ หากเชื่อเขาแผนการต่อไปก็จะดำเนินไปเรื่อยๆ เอาสิ่งนี้ไปแทนตรงนั้นซื้อสิ่งนั้นเข้ามาไว้ตรงนี้ มองเห็นลู่ทางในการปรับเปลี่ยนชีวิตคนอื่นให้ดูแย่ลงไปเรื่อยๆด้วย ความเชื่อความไว้ใจของคน สร้างความน่าเชื่อด้วยการแสดงละครบทบาทในการทำมาหากินให้คนเกิดความเคารพ ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องที่ตั้งใจสมมุติขึ้นมา ทำให้คนในครอบครัวป่วย เจ็บ หรือเกิดอะไรที่เราเองไม่ได้คลาดคิด ซึ่งจริงๆแล้วเขาที่คิดสิ่งที่เกิดขึ้นเอาไว้ได้ทำตามปากของพวกเขาเองทั้งหมด เพื่อให้สิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นจริง มันคือการทำโดยที่บอกไว้ก่อนแต่เนิ่นๆและย้ำว่าแต่ไม่รู้ว่าจะดีขึ้นมั้ยหากไม่ทำแบบนี้แบบนั้น ไม่รับปากว่าจะหายหรือเป็นอะไรต่อไปอีก พูดให้เกิดความหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา ให้คนมีจิตใจที่ไม่ดี คิดตก คิดกังวล ช่วงอายุที่น่ากลัวมากๆคือ 15 ขึ้นไปมันคือวัยที่คนในครอบครัวโดยเฉพาะพ่อแม่ ต้องให้เขารู้สึกว่าครอบครัวคือที่ๆดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด คุณคอยระวังดูแลพวกเขาให้ดีตั้งแต่วัยนี้ขึ้นไป มันจะได้ไม่เกิดผลในความไม่รู้ของพวกคุณ มันจะถูกส่งต่อให้ได้รับเรื่องต่างๆในแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่จงรู้เอาไว้ว่ามันจะเกิดขึ้นกับทุกๆคน เมื่อมีความผิดปกติไม่ใช่ว่าเอาแต่คิดว่าเขาไม่ดี หรือไปทำอะไรมาถึงเป็นแบบนั้น การเกิดขึ้นของอาการบางอย่างอาจจะบอกไม่ได้เลยว่าเกิดจากอะไร หรืออาจจะพิสูจน์ไม่ได้ แต่มันง่ายนิดเดียวจริงๆที่จะรักษาหรือไม่ให้มีการเกิดขึ้นของอาการประหลาดหลายๆอย่าง ให้รู้ไว้อย่างเดียวว่าทุกการกระทำของคนใกล้ตัวนั้นมีผลทั้งหมดอยู่ที่มีความเข้าใจมากแค่ไหน แยกคนที่ดีกับชีวิตและไม่ดีให้ออก
ผลทุกอย่างมันมาจากคนนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ
ส่วนหนึ่งมันอาจจะเกิดจากการใช้จิตวิทยาที่เขาได้เรียนมากับสรรพคุณยาและผลการออกฤทธิ์ สารเคมี สารกระตุ้น สารแปลกปลอม สารที่ทำให้หลับ สารที่ทำให้ไม่หลับ ยาที่ทำให้เกิดความไม่รู้ตัว พวกเขาจะนำเอามาใช้หมดทุกอย่างเมื่อถึงเวลา ที่ความเชื่อของพวกมันต้องเป็นไปตามที่มันได้รับมาจากคนคนหนึ่งเพื่อไปทำลายชีวิตใครสักคน ที่มันได้ตั้งใจเอาไว้และเคยทำไม่ดีกับเขาเอาไว้ เพราะทุกๆครั้งเรื่องแปลกๆต่างๆเหล่านั้นมักจะเกิดขึ้นกับความเชื่อที่เห็นต่างกัน มันคือการทำร้ายกันด้วยวิธีที่บางคนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี โดยที่ไม่คิดไตร่ตรองเสียก่อน จำไว้ว่าอย่านำคนไปรักษาด้วยวิธีคิดที่พิศดาร น่ากลัว ถ้าไม่รู้จะรักษาเขาด้วยอะไรในตอนที่รู้สึกว่ามีความผิดปกติ
ช่วยสร้างความสบายใจและพูดคุยกับเขาให้เข้าใจ
ไม่ว่าคนที่กำลังป่วยอยู่ตอนนี้เป็นใครที่กำลังมีความคิดที่อยากจะจบเรื่องราวในชีวิต
ให้รู้เอาไว้ว่า มีความพิเศษบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในร่างกาย มันเกิดการปรับเปลี่ยนหากไม่ได้ไปถูกสิ่งต่างๆที่ได้กล่าวมาในข้างต้น
มันมีการเพิ่มขึ้น ลดลง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิต มันเหมือนเดินเข้าไปอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่ควรอยู่แต่เขาจะให้เราได้รับรู้ว่าเรามีพลังงานแบบนี้อยู่ในตัว หากไม่ได้เป็นเพราะสารเคมีในยาชนิดใด นั่นคือความแน่ใจได้เลยว่าเขามาให้ได้เห็น ได้ฟังถึงสิ่งที่เขาต้องการสื่อบอก
โลกที่ปัจจุบันดูเหมือนจะมีความเจริญก้าวหน้ามาก แต่จะยังคงมีอีกโลก อีกมุม หรืออีกมิติ ที่ยังต้องศึกษา ถึงการเชื่อมต่อกันโดยที่จะมีคนที่เข้าใจอยู่ไม่กี่คนบนโลก ซึ่งข้อมูลก็ยากที่จะเข้าใจและนำมาเปิดเผย เรื่องที่คนที่เข้าใจมักจะไม่พูดแต่ถ้าการอ่านและได้รับรู้ถึงบางอย่างจะเข้าใจในเรื่องที่ตรงกัน












