ตำนานแชร์แม่ชม้อย คดีฉ้อโกงสะเทือนประเทศที่ไม่มีใครลืม
ย้อนรอยไปเมื่อปี พ.ศ. 2520 ถึง 2528 ประเทศไทยต้องเผชิญกับคดีฉ้อโกงประชาชนครั้งมโหฬารที่รู้จักกันในนาม "แชร์แม่ชม้อย" ซึ่งนำโดยนางชม้อย ทิพย์โส คดีนี้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงแก่ประชาชนกว่า 18,281 คน และมีผู้ให้กู้ยืมเงินถึง 23,519 ครั้ง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 8 พันล้านบาท
นางชม้อย ทิพย์โส เริ่มต้นจากการชักชวนเพื่อนร่วมงานที่องค์การเชื้อเพลิงให้มาลงทุนค้าน้ำมัน โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูง และสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการบอกว่าจะมีการจัดตั้งบริษัทค้าน้ำมันชื่อ "ปิโตรเลียม แอนด์ มารีน เซอร์วิส จำกัด" พร้อมมีเรือขนส่งน้ำมันเป็นของตัวเอง
กลโกงของเธอคือการรับกู้ยืมเงินจากประชาชน โดยให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยที่สูงลิ่ว เช่น การลงทุนใน "รถบรรทุก" จะได้รับผลตอบแทนร้อยละ 6.5 ต่อเดือน หรือร้อยละ 78 ต่อปี ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของธนาคารอย่างมาก ด้วยผลประโยชน์ที่งดงามและการจ่ายเงินดอกเบี้ยตรงเวลาในช่วงแรก ทำให้ชื่อเสียงของนางชม้อยโด่งดังและประชาชนต่างพากันศรัทธา ยอมขายบ้านขายรถเพื่อนำเงินมาลงทุนในบริษัทน้ำมัน
แชร์แม่ชม้อยขยายตัวอย่างรวดเร็ว มีเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 8 พันล้านบาทภายใน 3 ปีแรก แต่หลังจากนั้นไม่นาน การจ่ายเงินเริ่มล่าช้า กรมสรรพากรเริ่มเข้ามาตรวจสอบบัญชีของนางชม้อย และพบความผิดปกติในการหมุนเวียนเงินที่นำเงินของนักลงทุนรายใหม่มาจ่ายปันผลให้กับรายเก่า ความยิ่งใหญ่ของแชร์น้ำมันถึงขั้นสั่นสะเทือนระบบเศรษฐกิจของประเทศ
หนังสือพิมพ์เริ่มขุดคุ้ยความจริงจนกลายเป็นข่าวโด่งดัง รัฐบาลพยายามหาทางเอาผิดนางชม้อย แต่ในขณะนั้นยังไม่มีข้อกฎหมายเกี่ยวกับการเล่นแชร์ที่ครอบคลุม ทำให้เธอรอดทุกข้อกล่าวหา จนกระทั่งรัฐบาลต้องเร่งผลักดันพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินเป็นการฉ้อโกงให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2527
ก่อนที่กฎหมายจะออกมาบังคับใช้ นางชม้อยได้ใช้ช่วงเวลานี้กอบโกยเงินเข้ากระเป๋าตัวเองให้ได้มากที่สุด โดยให้พวกของเธอช่วยเปิดบัญชีในธนาคารต่างๆ เพื่อทำการหมุนเวียนเงิน แต่ในที่สุด เธอก็เข้ามอบตัวก่อนเส้นตายเพียงวันเดียว พร้อมประกาศว่าจะเลิกเล่นแชร์และจะคืนเงินให้กับลูกแชร์
หลังจากที่พระราชกำหนดมีผลบังคับใช้ นางชม้อยไม่สามารถหาเงินมาจ่ายคืนลูกแชร์ได้ เธอล้มเหลวในการจ่ายเงินตามสัญญา และพยายามหลบหนีไปซ่อนตัว ผู้เสียหายกว่า 18,281 คน จึงพากันไปร้องทุกข์ต่อตำรวจ จนนำไปสู่การจับกุมนางชม้อยและพวก
จากการค้นบ้านพักของนางชม้อย ตำรวจพบเงินทองคำแท่ง แหวนเพชรพลอย และเงินสดที่ซุกซ่อนไว้ รวมมูลค่ากว่า 60 ล้านบาท คดีแชร์แม่ชม้อยใช้เวลาในการพิจารณาในชั้นศาลกว่า 4 ปี ในที่สุด เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2532 จำเลยทั้ง 8 คน รวมถึงนางชม้อย ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน รวม 23,519 กระทง แม้ว่าโทษจำคุกรวมจะสูงถึง 154,005 ปี แต่นางชม้อยติดคุกจริงเพียง 7 ปี 11 เดือน กับอีก 5 วัน เนื่องจากได้รับการลดโทษสองครั้ง ก่อนจะพ้นโทษเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2536
หลังจากเกิดคดีแชร์แม่ชม้อย รัฐบาลได้ออก พระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 เพื่อควบคุมการเล่นแชร์ให้ถูกกฎหมาย โดยมีข้อกำหนด เช่น ห้ามนิติบุคคลเป็นนายวงแชร์ ห้ามตั้งวงเกินสามวง จำกัดสมาชิกไม่เกิน 30 คน และเงินกองกลางต้องไม่เกิน 30,000 บาท
คดีแชร์แม่ชม้อยนับเป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงภัยของการหลอกลวงที่อาศัยความโลภ และนำไปสู่การออกกฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก
















