ย้อนระลึกถึงเมื่อ 2600 ปีก่อน ขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากสาลวโรทยาน สู่สถานที่ถวายพระเพลิงมกุฎพันธนเจดีย์
งานยิ่งใหญ่ตระการตา สู่สายตาของชาวอินเดียกุสินารา
ครั้งหนึ่งย้อนไปเมื่อหลายพันปี จำนวนมหาชนมาที่นี่ด้วยศรัทธา
เช้าของวันแห่ขบวน มีการเตรียมริ้วขบวนกันตั้งแต่ตอนเช้า ทุกคนเตรียมเพื่อจะแห่ประมาณบ่ายสาม นางรำนั้นเดินทางมาจากเชียงใหม่ คณะนางรำที่มืออาชีพ แต่งต้วกันตั้งแต่เช้ามืด ในวัดคึกคักเราเองก็ตื่นเต้นเพราะว่าเป็นครั้งแรกแต่จริงแล้วมีมานาน แต่ปีนี้เป็นปีที่จัดยิ่งใหญ่เพราะว่าครบ 2600 ปีในการปรินิพพานของพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าเลือกปรินิพพานที่นี่มาจากหลายสาเหตุวันนี้แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาของชาวพุทธมากคนอินเดียมองตลอดสองข้างทาง ประมาณเจ็ดร้อยเมตรถึงสถานที่ถวายพระเพลิพระสรีระ
ขบวนนำยิ่งใหญ่ ในอินเดียนั้นไม่ว่าเราจะจัดงานอะไร หากว่ามีความยิ่งใหญ่นั้นจะต้องมีช้างมาร่วมในงานด้วย การรำบวงสรวงเริ่มขึ้นจากคณะนางรำมากกว่าร้อยชีวิตที่มีการรำบวงสรวงเจดีย์ในยามค่ำคืนสวยงามมาก รถส่วนมากที่มีการตกแต่งนั้นดอกไม้จะเป็นดอกดาวเรือง
ตรงนี้คือพระสรีระที่เป็นปางปรินิพพาน โดยทหารและชาวพม่าที่นำมาถวาย สวยงามมากทำให้นึกถึงในครั้งพุทธกาลเมื่อสองพันหกร้อยปีให้กลัง เหมือนทุกประการเป็นการจำลอง
ภาพที่เห็นเบื้องหน้าพระพุทธรูปแกะสลักนี้ที่มีค่ามาก ในการเดินแห่ขบวนจึงมีคณะรักษาความปลอดภัยของอินเดีย มีแต่คนสูงๆ เพื่อไม่ให้มหาชนนั้นเดินเข้าไปสัมผัส พราหมณ์ที่เดินนำหน้านั้นจะเป็นพรหมณ์ที่ทำพิธีซึ่งมีการระบุ ระดับปรมาจารย์ของอินเดียเลย
คนที่นั่งด้านบนเก้าอี้มีการแบกนั้นจะถือสิ่งที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปสิ่งของที่จะใช้ในการทำพิธีในสถานที่ปรินิพพาน ประมาณว่าเป็นเจ้าเมืองยิ่่งใหญ่มาก ส่วนชาวอินเดียนั้นจะมีการร่วมเดินในขบวนด้วยความศรัทธา คนส่วนใหญ่ในขบวนอัญเชิญนั้นจะเป็นคนไทยแต่คนอินเดียที่มายืนด้วยอยากร่วมด้วยก็เลยเดินกันเป็นแถวตามไปตลอดสองข้างทาง เป็นภาพที่น่ารักมาก
เจ้าอาวาสวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์และคณะพระสายธรรมทูตอินเดีย เนปาลทรงยิ้มด้วยความปิติ รถประดับด้วยดอกไม้สดทั้งงาน ไม่มีดอกไม้ปลอม ชอบการจัดงานที่อินเดียมาก ดอกไม้เครื่องหอมทุกอย่างขนมาจากประเทศไทย เหมาลำ
พิธีนี้ยื่งใหญ่และได้รับการอัญเชิญมาทุกพระองค์ร่วมในงาน มีคณะจากในวังมาเป็นตัวแทนพระองค์ ตอนนี้รายรอบไปด้วยผู้คน แต่คนที่จะเข้ามาด้านในนั้นจะจำกัด คนอื่นรอด้านนอกเพราะว่าจะมีการทำพิธีกรรมสวดมนต์ประมาณครึ่งชั่วโมง ส่วนเราตอนนี้คือเดินชมบริเวณงานและเก็บภาพบางอย่างที่จะนำมาเล่าเรื่องในสารคดีเพิ่มเติม
เรามาที่นี่แทบจะทุกวันในหนึ่งอาทิตย์จนรู้ว่าทางเดินตรงไหนที่สามารถลัดมาได้ถึงเร็ว แต่ในการร่วมขบวนนั้นเราทำหน้าที่ในการถือขากล้องวิ่งตามตากล้องลัดหัวขบวนบ้าง ท้ายขบวนหรือกลางขบวนคือจะต้องเก็บให้ครบเพื่อที่ให้คนที่ร่วมในขบวนนั้นได้ภาพทั้งหมด ใครบ้างชื่ออะไรนั่งบนรถ เรียงตาม ขบวนนั้นยาวประมาณหนึ่งกิโลเป็นการวิ่งที่สนุกมาก เพราะว่าเรานั้นแบ่งกันเป็นสองกลุ่มเลยเก็บครบ และต้องมานั่งดูภาพ ที่วิ่งนั้นคือวีดีโอ ขากล้องนั้นไม่ใช่เบาต้องฝึกในการกาง การเก็บอยู่นานกว่าจะวิ่งงานนี้
แต่ว่ามีความสุขแม้ว่าจะได้วิ่งตามตากล้องหากว่าเก็บไม่หมดนี่โดนเทศนาแต่ว่าสำเร็จ คืนนี้ต้องนอนแบบหลับสนิทแน่นอน
ด้านหลังเข้มมาก แต่ว่าตอนนี้แดดเริ่มมาแล้ว ขอมาหลบแดดใต้รถดอกไม้ การทำพิธีโดยคณะสงฆ์จากพม่า ศรีลังกา ไทย และอินเดียงานนั้นจะดำเนินไปจนถึงเวลาที่ที่นี่จะปิด ประมาณห้าโมงเย็นช้าสุด ในสถานที่นี้เมื่อครั้งพุทธกาลก็เช่นกัน ความโศกเศร้าเสียใจยังมีเช่นเดิม
ความยิ่งใหญ่และความศรัทธาจากคณะชาวพุทธจากหลายๆ ประเทศโดยเฉพาะประเทศไทยที่เป็นแม่งานทำให้งานนี้สำเร็จและยิ่งใหญ่มากเพิ่งจะเคยมาร่วมงานนี้ และทราบว่างานนี้มี ความศรัทธาจากคนอินเดียก็มากล้น ต่างให้ความสนใจกันตลอดเส้นทาง
















