ชาน ดูบารี จากสถานเริงรมย์สู่ราชสำนักแวร์ซาย พระสนมผู้เปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์
ชาน ดูบารี หรือ ชาน เบคู เกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 1743 เธอเป็นบุตรสาวนอกสมรสที่แม้จะมีพื้นเพต่ำต้อย แต่กลับได้รับพรสวรรค์ด้านรูปโฉมงดงามจากบรรพบุรุษ ทำให้เธอเป็นที่เอ็นดูของผู้คนรอบข้างตั้งแต่เด็ก ชานได้รับการศึกษาที่ดีในโรงเรียนคอนแวนต์ และแสดงความสามารถพิเศษด้านศิลปะ
เมื่ออายุ 15 ปี ชานต้องออกหางานทำเพื่อช่วยครอบครัว เธอเคยเป็นเซลล์ขายตรง, ผู้ช่วยร้านทำผม, พยาบาลส่วนตัว, และพนักงานขายในร้านหมวก ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้เธอได้พบกับ ชอง บัพติส ดูบารี ผู้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต ชอง บัพติส พาชานเข้าบ้านในฐานะอนุภรรยาและเป็นนายหน้าจัดหาลูกค้าชนชั้นสูงให้เธอ ชานทำหน้าที่เป็น "เด็กเอ็น" คอยสร้างความบันเทิงและกระตุ้นให้ขุนนางเล่นการพนัน
หลังจาก 4-5 ปีในวงการ ชอง บัพติส ก็ "ขาย" ชานให้กับ ดยุกแห่ง ริริว ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เพื่อแลกกับตำแหน่งในราชสำนักสำหรับลูกชายของเขา แม้ดยุกจะไม่ได้หลงใหลในความงามของชานมากนัก แต่เขาก็เมตตาและพาเธอไปยังพระราชวังแวร์ซาย ที่ซึ่งเธอได้พบกับ พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 เป็นครั้งแรก
พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ในวัยใกล้ 60 ปี ผู้ซึ่งเพิ่งสูญเสียพระมเหสีและพระสนมเอกไป ได้ค้นพบความกระชุ่มกระชวยและความสุขที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนจากชาน พระเจ้าหลุยส์ทรงหลงใหลในเสน่ห์เย้ายวนของเธออย่างมาก จนตัดสินใจยกเธอขึ้นเป็น เมเทรซ ทิทเรอ หรือพระสนมเอกอย่างเป็นทางการ
การขึ้นสู่ตำแหน่งนี้ไม่ง่าย เพราะชานไม่มีคุณสมบัติครบถ้วน ชอง บัพติส จึงจัดการให้ชานแต่งงานกับน้องชายของตน กิโยม ดูบารี และสร้างประวัติปลอมว่าเธอสืบเชื้อสายขุนนาง นอกจากนี้ยังติดสินบนให้มาดาม เบอน์ดี้ พาชานเข้าเฝ้าและแนะนำตัวต่อราชสำนักอย่างเป็นทางการ
ชานใช้ชีวิตในฐานะพระสนมเอกตามที่ใฝ่ฝัน พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ทรงรักและประทานทรัพย์สินมีค่าให้เธอมากมาย ห้องนอนของเธออยู่ใกล้กับห้องของพระองค์มากที่สุด ถือเป็นเกียรติสูงสุดในแวร์ซาย เธอยังได้รับทาสชาวเบงกอลีชื่อ ซามอร์ ซึ่งเธอรักและดูแลเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ชีวิตในราชสำนักไม่ได้ราบรื่น ชานมีศัตรูมากมาย ทั้งขุนนางที่พยายามขึ้นมาเป็นพระสนมแต่ไม่สำเร็จ และพระธิดาทั้งสามของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 รวมถึง พระนางมารี อ็องตัวเน็ต พระราชินีในเวลาต่อมา ผู้ที่ถูกเป่าหูให้เกลียดชาน นอกจากนี้ ประชาชนชาวฝรั่งเศส ก็เริ่มไม่พอใจชาน เนื่องจากเธอใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยในขณะที่ประเทศประสบปัญหาความยากจนอย่างหนัก
ชานดำรงตำแหน่งพระสนมเอกอยู่ได้เพียง 5 ปี พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ทรงประชวรด้วยโรคฝีดาษและเสด็จสวรรคตในวันที่ 10 พฤษภาคม 1774 ทำให้ พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ขึ้นครองราชย์
พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารี อ็องตัวเน็ต ไม่โปรดชาน ทั้งคู่เนรเทศเธอออกจากราชสำนักและส่งเธอไปอยู่ที่สำนักนางชี ซึ่งชานก็ปฏิบัติตามโดยดีและปรับตัวเข้ากับชีวิตนักบวชได้อย่างรวดเร็ว ในที่สุดเธอก็ได้รับอนุญาตให้ออกจากสำนักนางชีและกลับมาใช้ชีวิตอิสระอีกครั้งที่ชาโต เซนต์ ซึ่งเป็นปราสาทที่ได้รับพระราชทานจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 เธอยังคงใช้ชีวิตหรูหราและสนับสนุนนักปรัชญาและศิลปิน
ในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศสปี 1789 ชานยังคงใช้ชีวิตตามปกติ แต่เมื่อเครื่องเพชรบางส่วนของเธอถูกขโมยไป เธอเดินทางไปอังกฤษเพื่อตามเครื่องเพชรคืนหลายครั้ง การเดินทางเข้าออกฝรั่งเศสในขณะที่ราชวงศ์และขุนนางถูกจับกุม ทำให้เธอตกเป็นเป้าหมาย
ในที่สุด ชานถูกจับกุมในวันที่ 22 กันยายน 1793 ในข้อหาให้ความช่วยเหลือศัตรูของคณะปฏิวัติ แม้จะยืนยันในความบริสุทธิ์ แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ เธอพยายามต่อรองจะบอกที่ซ่อนอัญมณีทั้งหมดเพื่อแลกกับอิสรภาพ แต่หลังจากที่เธอเปิดเผยสมบัติทั้งหมดแล้ว เธอก็ถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยกิโยตินในวันที่ 8 ธันวาคม 1793 ว่ากันว่าเธอเป็นคนที่ทำให้เพชรฆาตหนักใจที่สุด เพราะเธอต่อรองและอ้อนวอนขอเวลาจากเพชรฆาตจนถึงนาทีสุดท้าย
















