"7 หลักฐาน" การมีอยู่ของพระเจ้า ของจริง!!!
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และ ประวัติศาสตร์ที่สนับสนุนการมีอยู่ของพระเจ้า และ พระเยซูคริสต์
- ผ้าห่อพระศพแห่งตูริน (Shroud of Turin)
ผ้าห่อพระศพแห่งตูรินถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1354 เป็นผ้าลินินที่มีภาพกลับด้านของบุรุษที่เชื่อกันว่าเป็นพระเยซูแห่งนาซาเร็ธ แม้เคยถูกปฏิเสธว่าเป็นของปลอมในปี 1389 และผลการวิเคราะห์คาร์บอนในปี 1988 ชี้ว่ามีอายุอยู่ในช่วงปี 1260 - 1390 ซึ่งเป็นยุคกลาง แต่ในปี 2013 พระสันตะปาปาฟรังซิสได้กล่าวถึงภาพนี้ว่าเป็นรูปของบุรุษที่ถูกเฆี่ยนตีและตรึงกางเขน ทำให้เกิดกระแสการพูดถึงอีกครั้ง
ล่าสุดในช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคมที่ผ่านมา (คาดว่าคือปี 2024 ตามที่ผู้บรรยายกล่าว) นักวิทยาศาสตร์ได้ใช้เทคโนโลยี AI ในการสแกนและตรวจสอบภาพบนผืนผ้าอีกครั้ง ผลลัพธ์ที่ได้คือภาพใบหน้าของชายคนหนึ่งที่คล้ายกับภาพพระเยซูตามที่ปรากฏในพระคัมภีร์และศาสนภัณฑ์ต่าง ๆ ทำให้ผู้คนจำนวนมากรวมถึงนักวิทยาศาสตร์มั่นใจในการมีอยู่ของพระเยซูคริสต์มากขึ้นอย่างมาก นี่ถือเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของปี 2024 ในแง่ของคริสต์ศาสนา
- สุสานสวน (Garden Tomb) และ โกลโกธา (Golgotha)
สุสานสวน เป็นสุสานโบราณในรูปแบบของหินตัดที่ตั้งอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม ถูกค้นพบในปี 1867 ใกล้กับ โกลโกธา ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระเยซูถูกตรึงกางเขนตามพระวรสารทั้งสี่เล่ม แม้ว่าสุสานจะถูกค้นพบภายหลัง แต่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากนักธรณีวิทยา นักประวัติศาสตร์ และนักเทววิทยาคริสเตียน ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่แสวงบุญ
- หลักฐานจากภูเขาซีนาย (Mount Sinai)
ตามพระคัมภีร์พันธสัญญาเก่า (หนังสืออพยพ) เมื่อโมเสสนำชาวอิสราเอลหนีออกจากอียิปต์ พระองค์ได้ขึ้นไปบนเขาซีนายเพื่อรับบัญญัติ 10 ประการจากพระเจ้า ในอพยพ 19:18 ระบุว่าภูเขาซีนายมีควันหุ้มอยู่ทั้งหมดและภูเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จากภาพถ่าย ภูเขาซีนายมีลักษณะบริเวณยอดเขาที่ไม่เหมือนที่อื่น และมีหลักฐานทางธรณีวิทยาว่า เคยถูกไฟไหม้มาแล้วจริงๆ นอกจากนี้ ในอพยพ 17:5-6 ยังกล่าวถึงเหตุการณ์ที่โมเสสตีศิลาบนภูเขาโฮเรบแล้วมีน้ำไหลออกมา
หลักฐานจากพื้นที่ในบริเวณข้างๆ ภู เขาซีนาย ได้มีการค้นพบ หินขนาดใหญ่ที่ถูกผ่าครึ่ง ซึ่งตามหลักธรณีวิทยาแล้ว ด้วยเทคโนโลยีในสมัยโบราณไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะผ่าหินได้ด้วยไม้เท้า แม้ว่านักวิทยาศาสตร์จะอธิบายว่าเกิดจากการกัดเซาะของหินหลวม แต่ก็ยังไม่สามารถหาหลักฐานที่แน่ชัดถึงรอยตัดที่เป็นร่องรอยอย่างจงใจเช่นนี้ได้
- หีบแห่งพันธสัญญา (Ark of the Covenant)
หีบแห่งพันธสัญญาถูกกล่าวถึงในหนังสืออพยพว่าเป็นหีบที่บรรจุแผ่นศิลาพระโอวาทบัญญัติ 10 ประการ และสิ่งของศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ในอดีตหีบนี้ถูกกล่าวถึงว่าเป็นของลี้ลับและหายสาบสูญไปในสมัยของกษัตริย์ซาโลมอน
การค้นพบในปัจจุบัน ในเดือนมกราคมปี 1982 นักโบราณคดีชื่อ รอน แวต (Ron Wyatt) อ้างว่าได้ค้นพบหีบแห่งพันธสัญญา ซึ่งภายในบรรจุแผ่นศิลาบัญญัติ 10 ประการ โดยบังเอิญผ่านซอกหินในไซต์งานใกล้กับสถานที่ที่คาดว่าพระเยซูถูกตรึงกางเขน เขายังเชื่อว่าเลือดของพระเยซูได้ไหลลงไปอาบหีบพันธสัญญาและโดนศิลาพระบัญญัติ และพบรอยเลือดที่แห้งอยู่บริเวณหีบ ทีมงานของรอนนำไปตรวจสอบและพบว่าเป็น โลหิตที่มีอายุเกือบ 2,000 ปีแล้วจริง
- โอฟานิม (Ophanim) และปรากฏการณ์บนท้องฟ้า
โอฟานิม คือชื่อของเทวทูตประเภทหนึ่งในระดับชั้นที่ 1 ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้ามากที่สุด มีลักษณะเป็นกงล้อขนาดใหญ่ มีดวงตามากมาย และมีประกายไฟ ถูกกล่าวถึงในเอเสเคียล รวมถึงคัมภีร์นอกระบบอย่างคัมภีร์เอโนค ปรากฏการณ์ปัจจุบัน เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา (คาดว่าคือปี 2024) ทั่วโลกและส่วนใหญ่ของสหรัฐอเมริกาบริเวณตอนกลาง ได้พบเจอกับ ปรากฏการณ์ประหลาดที่ผู้คนเห็นวงกงล้อขนาดใหญ่สองแสงกลางวันและกลางคืนอยู่บนฟากฟ้า คลิปเหล่านี้แพร่กระจายในอินเทอร์เน็ตอย่างมาก แม้ว่าจะยังไม่มีการยืนยันใดๆ จากวาติกัน แต่หลายภาคส่วนเชื่อว่าลักษณะดังกล่าวอาจเป็นโอฟานิมตามที่ระบุไว้ในพระคัมภีร์
- DNA ของมนุษย์และการถอดรหัสพระนามพระเจ้า
DNA หรือกรดดีออกซีไรโบนิวคลีอิก เป็นคำสั่งพันธุกรรมที่ใช้ในการพัฒนาและการทำหน้าที่ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ ในช่วงต้นเดือนธันวาคมปี 2024 ได้มีการกล่าวถึงการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์เมื่อปี 2023 ที่ระบุว่า เมื่อถอดรหัส DNA ของมนุษย์ในกรดอะมิโน (A, T, C, G) ให้กลายเป็นตัวเลข จะได้ลำดับตัวเลข 10 5 6 5 สลับไปมา และเมื่อแปลกลับเป็นภาษาฮีบรู จะได้ตัวอักษรภาษาอังกฤษว่า YHVH (YHWH) ซึ่งเป็นต้นฉบับของพระนามพระเจ้าในพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิมคือ ยาห์เวห์ (Yahweh)
นอกจากนี้ YHVH ยังสามารถแปลเป็นภาษาอังกฤษได้อีกว่า "Behold The Hand, behold The Nail" (ดูที่มือเถิด ดูที่ตะปูเถิด) ซึ่งตรงกับการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์บนไม้กางเขนที่ถูกตรึงด้วยตะปู การค้นพบนี้ถูกนำเสนอว่าเป็นหลักฐานที่อธิบายถึงการมีตัวตนของพระเยซูและพระเจ้าด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และธรณีวิทยาอย่างแท้จริง และหมายถึงพระเจ้าสถิตอยู่กับเราและสถิตอยู่ทุกที่
- พระเมษโปดก (The Lamb of God)
ในศาสนาคริสต์ คำว่า "พระเมษโปดก" (The Lamb of God) หรือที่รู้จักในภาษาไทยว่า "ลูกแกะของพระเจ้า" เป็นพระนามสำคัญที่สุดพระนามหนึ่งของพระเยซูคริสต์ พระเมษโปดกไม่ใช่เพียงแค่สัญลักษณ์หรือคำเปรียบเปรย แต่คือ การเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงและลึกซึ้งที่สุดของพระเยซู




















