ข้าวเหนียวมูนหม้อข้าวหม้อแกงลิง
หม้อข้าวหม้อแกงลิง (Nepenthes) คือ พืชไม้ป่าที่กินแมลงเป็นอาหาร ที่มีใบพัฒนามาเป็นกับดักเพื่อใช้ในการดักจับแมลง ซึ่งหม้อข้าวหม้อแกงลิงส่วนใหญ่ มักจะมีการกระจายตัวในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนั้นยังมีการกระจายตัวไปถึงทางตะวันออกของอินเดีย ศรีลังกา มาดากัสการ์ หมู่เกาะ Seychelles ทางตอนใต้ของจีน และทางตอนเหนือของออสเตรเลีย ซึ่งปัจจุบันมีการรวบรวมสายพันธ์แท้ทั่วโลกได้มากถึง 100 กว่าชนิด
เป็นพืชป่าที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ และในไทยจะเจอตามป่าดิบชื้นป่าพรุทางภาคใต้ของประเทศไทย แต่ปัจจุบันเมื่อนำมาเป็นวัตถุดิบหลักทางการตลาด จึงนิยมนำมาเพาะเลี้ยงตามโรงเรือนต่างๆ
หม้อข้าวหม้อแกงลิงสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ตามระดับความสูงของน้ำทะเล ดังนี้
1. กลุ่ม Lowland
เป็นสายพันธุ์ที่สามารถพบได้ที่ระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 0 – 1000 เมตร ซึ่งไม้ในกลุ่มนี้สามารถเลี้ยงได้ในสภาพอากาศแบบบ้านเรา กลุ่มนี้มีประมาณ 40 กว่าสายพันธุ์ ไม้กลุ่มนี้พบได้ในป่าพรุและพื้นที่สภาพดินขาดธาตุอาหาร หรือป่าเสื่อมโทรม
2. กลุ่ม Highland
เป็นสายพันธุ์ที่สามารถพบได้ที่ระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 1000 เมตรขึ้นไป ซึ่งไม้กลุ่มนี้มีความต้องการความชื้นค่อนข้างสูง และสภาพอากาศต้องค่อนข้างเย็น ยากต่อการเลี้ยงในสภาพอากาศแบบบ้านเรา แต่บางชนิดอาจสามารถปรับตัวจนเติบโตได้แต่ขนาดของหม้ออาจจะไม่ใหญ่เหมือนกับการเลี้ยงในสภาพ Highland กลุ่มนี้มีมากกว่า 60 ชนิด
หม้อข้าวหม้อแกงลิงเป็นไม้ที่ชอบแสงระหว่าง 50-80 % และควรได้แสงแดดไม่น้อยกว่า 5 ชม. ต่อวัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงด้วย
สำหรับหม้อข้าวหม้อแกงลิงดินเปียกชื้นอยู่เสมอ ถ้าดินแห้งแม้แต่วันเดียวระบบรากอาจจะเสียไป เนื่องจากหม้อข้าวหม้อแกงลิงเป็นพืชที่ชอบน้ำมาก
เมื่อได้รู้จักวัตถุดิบหลักอย่างหม้อข้าวหม้อแกงลิงแล้ว ผู้เขียนจะชวนทุกคนนำหม้อข้าวหม้อแกงลิงมาทำเป็นเมนูเด็ด หอมอร่อยลงตัว ในเมนูที่ชื่อว่า "ข้าวเหนียวมูลหม้อข้าวหม้อแกงลิง"
วัตถุดิบมีดังนี้
1. ข้าวเหนียว 1/2 กิโลกรัม
2.หัวกะทิ 1/2 กิโลกรัม
3. น้ำตาลทรายขาว 100 กรัม
4.เกลือ 1/2 ช้อนชา
5. ผลหม้อข้าวหม้อแกงลิง
ขั้นตอนการทำก็ไม่ได้ยุ่งยาก ไปทำพร้อมกันน้า
1. ตัดผลหม้อข้าวหม้อแกงลิง ซึ่งแต่ละผลมีสีที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการได้รับแสงและความชื้น รวมถึงแมลงที่ดักจับกิน แต่ใช้ได้หมดไม่มีอันตรายจ้า เมื่อตัดมาแล้วก็นำมาตัดก้านผล ฝาปิดผล หรือเรียกอีกอย่างว่าฝาปิดหม้อ แต่หากใครอยากให้หม้อมีฝาปิด ไม่ตัดก็สวยเก๋ไปอีกแบบ
2. จากนั้นนำมาล้างทำความสะอาด ภายในหม้อหรือภายในผล ตะใช้ก่านมะพร้าวหารือไม้เสียบลูกชิ้นพันด้วยสำลีเพื่อคว้านเบาๆทำความสะอาด เพราะอาจจะมีเศษของซากแมลงติดอยู่ หรือใครต้องการสะดวกรวดเร็ว อาจล้างโดยใช้ก๊อกน้ำโดยตรงได้ค่ะ จากนั้นก็สะบัดให้สะเด็ดน้ำ
3. ข้าวเหนียวสามารถใช้ได้ทั้งข้างเหนียวสีขาวหรือสีดำ โดยนำข้าวเหนียวมาจัดกับสารส้มเบาๆ ข้าวเหนียวจะได้เมล็ดใสและสวย ขั้นตอนนี้ควรล้างข้างสารอย่างน้อย 7 น้ำ เพื่อข้าวเหนียวที่ไม่มีกลิ่นสาบ สีใส และยืดระยะเวลาดารบูดให้ช้าลง จากนั้นให้แช่ข้าวเหนียวไว้อย่างต่ำ 3 ชม.หรือข้ามคืนก็จะดียิ่ง ใครชอบสีสัน สามารถทำเป็นข้าวเหนียวใบเตยหรือข้าวน้ำอัญชัญได้ยะคะ โดยนำน้ำใบเตยหรืออัญชัญแช่ข้าวเหนียวไว้ข้ามคืน เมื่อครบกำหนดพักข้าวเหนียวให้สะเด็ดน้ำ
4. มาถึงขั้นตอนการมูนข้าวเหนียว เราจะใช้ไฟกลางค่อนอ่อน ใส่หัวกะทิลงไป ผู้เขียนใช้กระทิสด มันจะได้รสชาติหวานและหอมสดใหม่ แต่ใครไม่สะดวกใจสามารถใช้กระทิสำเร็จรูปก็ได้เช่นกัน
5.เติมน้ำตาลลงไป
6.ใส่เกลือตามสมทบ
7. คนทุกอย่างให้ละลายเข้ากัน จากนั้นตามด้วยข้าวเหนียว
8. ใช้ทัพพีคนเบาๆ ไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อไม่ให้เมล็ดข้าวเหนียวแตกหัก และควรคนตลอดเวลาป้องกันข้าวเหนียวของเราไหมก็ติดก้นหม้อ
9. เมื่อข้าวเหนียวมูนเริ่มสุก ก็ปิดเตา พักข้าวเหนียวไว้ประมาณ 15 นาที เพื่อให้ข้าวเหนียวดูดซึมน้ำกะทิเข้าไป
10. เราใช้ช้อนขนาดเล็กตักข้าวเหนียวมูนกรอกหม้อข้าวห้อแกงลิงที่เตรียมไว้ โดยพอเหมาะ ไม่ต้องอัดจนข้าวเหนียวแน่นจนเกินไป
11. เมื่อกรอกเข้าเหนียวมูนจนครบหม้อก็นำไปย่างเตาถ่านด้วยไฟอ่อน หรือจะใส่รางถึง/ซึ้ง นึ่งอีก 15 นาที ก็เป็นอันเรียบร้อย
หรืออีกวิธีที่ชาวบ้านทางใต้นิยมทำ คือทำคล้ายข้าวหลาม แค่เปลี่ยนจากกระบอกไม้ไผ่ มาเป็นผลหม้อข้าวหม้อแกงลิง โดยลัดขั้นตอนให้ง่ายและรวดเร็วขึ้น โดยไม่ค้องมูนข้าวเหนียวก่อน แต่พวกเขาจะทำแบบขั้นตอนเรียบง่ายดังต่อไป
1. นำสารข้าวเหนียวตามวิธีข้าวต้น มากรอกใส่ผลหม้อข้าวหม้อแกงลิง ประมาณครึ่งหม้อ ห้ามกระเทาะก้มหม้อข้าวหม้อแกงลิงเพื่อให้ข้าวสารเหนียวอัดแน่น
2. นำหัวกะทิ ที่ใส่น้ำตาลทราย เกลือ ผสมละลายเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว กรอกใส่หม้อตามลงไป ประมาณคอหม้อ
3. จัดเรียงผลหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่บรรจุข้าวสารและหัวกะทิเรียบร้อยแล้ว จัดให้อยู่ในแนวตั้งป้องกันการไหลออกของกะทิ
แล้วนำไปนึ่งด้วยไฟกลาง ใช้เวลานึ่งวิธีนี้ประมาณ 45 นาที เมื่อเสร็จกะจัดยกเสิร์ฟลงจาน ดูน่าทานกินได้ทั้งหม้อ ภูมิปัญญาชาวบ้านนี่เลิศล้ำ สามารถนำไปจำหน่ายสร้างรายได้ให้ครัวเรือน














