How to วิธีเขียนเรซูเม่ (Resume) ให้ได้งาน คนเรียกสัมภาษณ์เพียบ ฉบับอัปเดตล่าสุด!
ไม่ว่าจะปีไหน ๆ งานมันก็หายากตลอด อัตราการแข่งขันสูง เดี๋ยวเราขออนุญาตมาแชร์ "วิธีเขียนเรซูเม่สมัครงาน" ให้โดนหยิบไปเรียกสัมภาษณ์ ฉบับของเราเองนะคะ สามารถเอาไปปรับใช้ได้เลยค่ะ มีทริคอะไรบ้างไปดูกัน
เขียนเรซูเม่ยังไงให้ได้งาน
1. ใส่ข้อมูลส่วนตัวเท่าที่จำเป็น
ไม่จำเป็นจะต้องแจงรายละเอียดข้อมูลส่วนตัว ถึงขั้นใส่เลขที่บ้านเกิดหรือสถานที่เกิดขนาดนั้น เราคัดเฉพาะมาแค่สิ่งที่เขาควรรู้พอ อาทิ ชื่อ-นามสกุล ชื่อเล่น (เผื่อชื่อจริงอ่านยาก) เบอร์โทร อีเมล์ จังหวัดที่อยู่ปัจจุบัน อายุ วันเกิด (บางบริษัทถือเรื่องโหวงเฮ้ง) ศาสนา สัญชาติ หากใครขับรถได้ สามารถโน๊ตไว้เลยว่ามีใบขับขี่ได้เลย เป็นแต้มต่อสำหรับสายงานที่ต้องใช้รถออกไปหาลูกค้า เป็นต้น
2. ประวัติการศึกษา
หากเป็นเด็กจบใหม่ หรือ First Jobber ประวัติการศึกษาค่อนข้างสำคัญ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ทำงานระหว่างเรียนอยู่ อาจจะใส่ย้อนหลังมาถึงมัธยมก็ได้ค่ะ ไล่เรียงจากสถานศึกษาที่เรียนจบล่าสุดลงมา ไม่แน่คนที่สัมภาษณ์เราอยู่อาจจะจบจากสถาบันเดียวกับเราก็ได้ค่ะ โลกมันกลมค่ะ ไม่แน่เราอาจจะได้งานจากรุ่นพี่ที่เรียนที่เดียวกันก็ได้นะ
3. Hard skill / Soft skill
อธิบายกันแบบง่าย ๆ Hard skill คือ ทักษะทางเทคนิคที่เราสามารถทำสิ่งนั้น ๆ ได้ดี สามารถใส่เป็นชื่อโปรแกรมได้ เช่น Microsoft office (Word, Excel, Powerpoint, Outlook etc.) Adobe Photoshop, Illustrator หรือใครมีเขียนโค้ดได้ก็ใส่ไปเลยค่ะ เอาให้เหมาะกับสายงานที่เราอยากสมัครด้วยนะคะ ส่วน Soft skill นั้น แปลแบบเข้าใจง่ายสุดคือ ทักษะทางอารมณ์ในการอยู่ร่วมกับมนุษย์ค่ะ อย่างเช่น การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า, การสื่อสาร, การทำงานเป็นทีม, ความคิดสร้างสรรค์, การเป็นผู้นำ เป็นต้น ซึ่งสกิลเหล่านี้ เราเลือกมาเฉพาะที่เราเป็นจริง ๆ สักอย่างละ 3-5 ข้อพอค่ะ เก็บพื้นที่ว่างไว้ใส่ประวัติการทำงานดีกว่า
4. ใส่ข้อดี - ข้อเสียแบบสั้น ๆ
เชื่อว่าหลายคนคงน่าจะไม่ได้คิดถึงข้อนี้แน่ ๆ เราขอแนะนำว่าใส่สั้น ๆ แทนคำอธิบายตัวเองที่เป็นพารากราฟจะดีกว่า อาจจะใส่อย่างละ 3 ข้อก็ได้ ไม่เยอะไม่น้อยเกินไป เพราะ Hr ไม่ได้มีเวลามานั่งอ่านเรซูเม่ขนาดนั้น เราต้องทำให้กระชับ ดึงดูดกับคนอ่านให้ได้มากที่สุด
5. ประวัติการทำงาน
เรียกได้ว่าน่าจะเป็นส่วนที่ Hr ให้ความสนใจมากสุดอีกพาร์ทหนึ่งที่คน เขียนเรซูเม่ อย่างเราไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด เวลาเราจะเขียนประวัติการทำงานนั้น สิ่งสำคัญคือ เขียนเรซูเม่ ตามความเป็นจริง และต้องเขียนให้กระชับ เข้าใจง่าย ตรงประเด็น ส่วนคนที่เคยทำงานหลายบริษัท อาจจะต้องระวังนิดนึง บางครั้งเราอาจจะเขียนบอกไม่ครบทุกที่ที่เคยทำมา แต่เขามีวิธีเช็คของเขา ถ้าเรารับตรงจุดนี้ได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรเป็นพิเศษค่ะ แนะนำเพิ่มเติมว่าใส่ระยะเวลากี่ปีที่ทำงานแต่ละบริษัทด้วยจะดีมากค่ะ
6. Masterpiece / ผลงานชิ้นเอก
หากเคยทำผลงานไว้ดี เคยได้รางวัล เกียรติบัตรหรือ เลื่อนตำแหน่งต่าง ๆ สามารถเอามาใส่ไว้ได้เลยค่ะ เช่น สามารถทำยอดขายได้ 1 ล้านบาทแรกในระยะเวลา 3 เดือน เป็นต้น เชื่อว่าคนอ่านเรซูเม่ต้องสนใจเรามากแน่ ๆ เพราะน้อยคนมาก ๆ ที่จะเขียนหัวข้อนี้ค่ะ
7. เบ็ดเตล็ด
ข้อมูลอื่น ๆ สามารถเลือกได้เลยค่ะว่าจะใส่หรือไม่ใส่ แต่แนะนำว่าใส่ไว้ดีกว่าค่ะ จะมีพวก งานอดิเรก ความสามารถพิเศษ ค่ายอาสา กิจกรรมที่เคยเข้าร่วมต่าง ๆ เพราะรายละเอียดเหล่านี้จะทำให้ Resume profile ของเราดูน่าสนใจมากขึ้นค่ะ
8. ผลงาน / Portfolio
สำหรับสาย Creative, Graphic หรือสายงานดีไซน์ ออกอีเว้นท์ ฯลฯ ต้องมีแฟ้มสะสมผลงานแนบไปด้วย ซึ่ง ไอเดียทำพอร์ต นั้น มีหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็น แบบสอดแฟ้ม, พรีเซ็นต์เทชั่น (Presentation), เว็บไซต์ (Website) หรือบางคนก็ทำเป็นเล่มหนังสือออกมาก็มี ยิ่งทำออกมาดีเท่าไหร่ โอกาสยิ่งได้งานยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
เขียนเรซูเม่ใช้โปรแกรมอะไรดี
1. แคนวา (Canva)
เดี๋ยวนี้แคนวาเขามีเทมเพลตสำหรับ ทำเรซูเม่ฟรี เยอะมาก (กอไก่ล้านตัว) ไม่ต้องเก่งกราฟิกก็สามารถทำได้ เพียงแค่เราใส่รายละเอียดแล้วเอาเทมเพลตมาปรับแต่งนิดหน่อย ไม่ต้องเสียเงินจ้างแล้ว
2. Microsoft word
กลับมาที่ Back to basic กันค่ะ หลายคนอาจจะไม่ค่อยถนัดกับโปรแกรมอื่นสักเท่าไหร่ ก็มีโปรแกรมเวิร์ดนี่แหละค่ะ ที่จะช่วยเรา ทำเรซูเม่ ให้ออกมาดีได้ไม่แพ้โปรแกรมอื่นเลย อย่าลืมว่าสิ่งสำคัญคือ ข้อมูลต้องเป็นความจริง และตรงตามกับสายงานที่เราต้องการ
3. Adobe Photoshop / Illustrator
หากใครอยากเป็นคนแอดวานซ์ อยากแต่งเติมโน่นนี่นั่น แนะนำสองโปรแกรมนี้เลยค่ะ แต่งได้ตามใจ เซฟไฟล์ได้หลายแบบ แถมโปรแกรมนี้คนยังใช้ ทำพอร์ต Portfolio อีกด้วย
สุดท้ายนี้ ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนเลยนะคะ ขอให้เจองานที่ใช่ และตอบโจทย์กับเงื่อนไขชีวิตของทุกคนเลยค่ะ อย่าลืมแชร์ออกไปเยอะ ๆ เลยนะคะ ถ้าอยากอ่านบทความแนวนี้อีกกดติดตามไว้ได้เลยค่ะ See you next chapter ka






