ทำไมโรงหนังในประเทศไทยถึงมีแค่ SF และ Major? ถอดบทเรียนธุรกิจภาพยนตร์ไทย
คุณสงสัยไหมว่าทำไมโรงภาพยนตร์ในบ้านเราถึงมีแต่ชื่อ SF Cinema และ Major Cineplex? บทความนี้จะพาคุณไปหาคำตอบ พร้อมเปิดมุมมองธุรกิจของสองยักษ์ใหญ่ที่เข้ามาพลิกโฉมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย
การหายไปของโรงหนัง Stand-alone
ในอดีต โรงภาพยนตร์แบบ stand-alone เคยเป็นแหล่งบันเทิงสำคัญ แต่ปัจจุบันกลับเลือนหายไป เหตุผลหลักมาจาก:
- พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป: คนรุ่นใหม่ต้องการทำกิจกรรมหลากหลายในที่เดียว ไม่ได้แค่ดูหนังอย่างเดียว
- การพัฒนาเมือง: พื้นที่ในเมืองมีมูลค่าสูงขึ้น การสร้างห้างสรรพสินค้าให้ผลตอบแทนมากกว่าการมีแค่โรงหนัง
- การมาของ Streaming: แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Netflix ทำให้คนดูหนังจากบ้านได้สะดวกและคุ้มค่ากว่า
- เศรษฐศาสตร์โรงหนัง: โรงหนัง stand-alone มีต้นทุนสูง ทั้งค่าเช่า ค่าไฟ ค่าแรง และค่าบำรุงรักษา ซึ่งไม่สามารถแชร์ค่าใช้จ่ายเหมือนโรงหนังในห้างได้
กลยุทธ์ที่ทำให้ SF และ Major ครองตลาด
ในขณะที่โรงหนังเก่าแก่ทยอยปิดตัว SF และ Major ก็ก้าวขึ้นมาครองตลาดด้วยกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด:
- ผสานโรงภาพยนตร์เข้ากับศูนย์การค้า: การตั้งโรงหนังในห้างสรรพสินค้าช่วยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่คนต้องการทำกิจกรรมครบวงจรในที่เดียว ทั้งช้อปปิ้ง กินข้าว และดูหนัง
- ยกระดับประสบการณ์พรีเมียม: ทั้งสองค่ายลงทุนในเทคโนโลยีและบริการเหนือระดับ เช่น IMAX, 4DX, โรงหนัง VIP และเก้าอี้สุดหรู เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาได้จากการดูที่บ้าน
- นำระบบดิจิทัลมาใช้: การจองตั๋วออนไลน์ ระบบสะสมคะแนน (M Gen ของ Major, SF Plus ของ SF) และการชำระเงินแบบไร้สัมผัส ทำให้ลูกค้าสะดวกสบายยิ่งขึ้น
- ขยายประสบการณ์ด้านไลฟ์สไตล์: ไม่ใช่แค่ดูหนัง แต่ยังจัดกิจกรรมพิเศษ พื้นที่สังสรรค์ และ Co-working Space เพื่อตอบโจทย์ชีวิตประจำวันของผู้บริโภค
- สร้างพันธมิตรทางธุรกิจ: การร่วมมือกับสตูดิโอภาพยนตร์ และแบรนด์สินค้า ช่วยเพิ่มยอดขายและสร้างแคมเปญที่น่าสนใจ
- ขยายสาขาสู่ต่างจังหวัด: ทั้งสองค่ายขยายสาขาไปทั่วประเทศ โดยเน้นเปิดในศูนย์การค้าขนาดใหญ่ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในเมืองหลักและเมืองรอง
เบื้องหลังความสำเร็จของสองยักษ์ใหญ่
Major Cineplex ก่อตั้งโดย คุณวิชา พูลวรลักษณ์ ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลในการเปลี่ยนโรงภาพยนตร์ให้เป็นสถานที่ไลฟ์สไตล์ครบวงจร และนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ รวมถึงการปรับตัวที่รวดเร็วในช่วงวิกฤตโควิด-19 ด้วยการขายหุ้นและสร้างธุรกิจเสริม
SF Cinema เริ่มต้นจากความฝันของคุณ สมาน ทองร่มโพธิ์ ผู้ก่อตั้ง "ศรีตราดรามา" ก่อนที่คุณ สุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์ ลูกชายจะเข้ามาสานต่อและตัดสินใจลงทุนในระบบมัลติเพล็กซ์ พร้อมกับการส่งต่อวิสัยทัศน์สู่ทายาทรุ่นที่สองอย่าง คุณพานุวัฒน์ (บอส) และ คุณพิมศิริ (มิ้นท์) ที่เน้นการใช้เทคโนโลยี การให้ความสำคัญกับบุคลากร และการสร้างประสบการณ์เฉพาะตัว
บทเรียนสำหรับเจ้าของธุรกิจ:
ความสำเร็จของ SF และ Major มาจากการ สร้างมูลค่าเพิ่ม ให้ลูกค้าเห็นว่าคุ้มค่าที่จะจ่าย การใช้ จิตวิทยาราคา ที่ทำให้ลูกค้าเลือกได้หลากหลายระดับ และการสร้าง ความแตกต่างที่จับต้องได้ ซึ่งทำให้ลูกค้าเต็มใจที่จะจ่ายแม้ในราคาสูงกว่า
ธุรกิจโรงภาพยนตร์ไม่ใช่แค่การฉายหนัง แต่เต็มไปด้วยกลยุทธ์ วิสัยทัศน์ และการปรับตัวเพื่อก้าวข้ามทุกความท้าทาย พิสูจน์ให้เห็นว่าแม้ในวิกฤตก็สามารถกลับมาสร้างกำไรและเติบโตได้อย่างยั่งยืน













