ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด
ช่วงนี้เห็นข่าวสถานการณ์ที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ ดูจากสื่อก็เห็นว่ามีการขยับกำลังทหาร มีการส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ แน่นอนค่ะ คนไทยส่วนใหญ่ก็เริ่มวิตกกังวลกันบ้าง เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว
ในโลกโซเชียลเอง ดิฉันเห็นคนรุ่นใหม่หลายคนติดแฮชแท็ก #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด ซึ่งก็เข้าใจนะคะว่าเป็นคำที่สะท้อนความรู้สึกของคนไทยได้ดี เราไม่เคยคิดรุกรานใครก่อน แต่ถ้าจะให้ยอมเฉย ๆ กับการถูกยั่วยุหรือถูกละเมิดสิทธิ ก็คงไม่ใช่
แต่ในฐานะคนรุ่นเก่า ดิฉันก็อดรู้สึกห่วงไม่ได้ค่ะ ไม่ใช่เพราะไม่ไว้ใจกองทัพหรือไม่รักชาติอะไรหรอกนะคะ แต่เพราะรู้ดีว่า “สงคราม” ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ มันไม่มีใครชนะจริง ๆ ค่ะ สุดท้ายผู้คนที่เดือดร้อนก็คือชาวบ้านโดยตรง และคนรุ่นหลังที่จะต้องอยู่กับผลกระทบต่อไปอีกนาน
ที่น่าสนใจคือ บทบาทของกองทัพตอนนี้เริ่มถูกพูดถึงมากขึ้น ทั้งในแง่การเตรียมความพร้อม การดูแลความสงบเรียบร้อย หรือแม้แต่ในเชิงจิตวิทยาเพื่อปลุกใจประชาชน ดิฉันก็เข้าใจว่านี่เป็นหน้าที่ของทหารโดยตรง แต่ก็หวังว่าเราจะใช้เหตุผล ความเยือกเย็น และการเจรจาเป็นเครื่องมือลำดับแรก ๆ ก่อนจะต้องใช้กำลัง
ในใจลึก ๆ ดิฉันอยากให้บ้านเมืองเรายังสงบ อยากให้ลูกหลานได้โตในแผ่นดินที่ไม่ต้องกลัวเสียงปืน อยากให้ไทย-เขมรยังพออยู่ร่วมกันได้ในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ใช่ศัตรู
ตอนนี้จึงอยากชวนกันตั้งสติ และติดตามข่าวจากหลายด้านอย่างรอบคอบ ไม่ตกใจตามกระแสโซเชียลอย่างเดียว และไม่ปล่อยให้ใครปลุกเร้าอารมณ์ชาตินิยมแบบสุดโต่งจนเกินไป
บ้านเราผ่านเหตุการณ์ร้ายแรงมามากแล้วค่ะ หวังว่าเหตุการณ์นี้จะไม่บานปลายไปถึงจุดที่ย้อนกลับไม่ได้อีก





















