มนุษย์ทุกคนอยากอยู่ในโลกของความรัก น่าเสียดาย ธรรมชาติของมนุษย์เกลียดง่ายกว่ารัก
มนุษย์ทุกคนอยากอยู่ในโลกของความรัก น่าเสียดาย ธรรมชาติของมนุษย์เกลียดง่ายกว่ารัก
ยกตัวอย่างเช่น
พูดให้เกลียดกันนั้นง่าย
แค่ใส่ความว่า เขาด่าเธอแน่ะ
เท่านี้ความเกลียดก็ ‘เกิดง่ายหายยาก’ แล้ว
ขณะที่พูดให้รักกันนั้นยาก
แม้มาเล่าว่าเขาชมเธอนะ
ก็ไม่ได้ประกันว่าปลื้มแล้ว
จะนึกรักนึกเอ็นดูกัน
แล้วสายตาคนเรา
ก็เห็นข้อบกพร่องของคนอื่นง่าย
หมายความว่าถ้าขัดหูขัดตา
ก็พร้อมจะหมั่นไส้
พร้อมจะรู้สึกไม่ถูกชะตา
หรือพร้อมจะระแวงแคลงใจกัน
คล้ายมีม่านดำกั้นกางไว้ไม่ให้เห็นกันดีๆ
นอกจากนั้น
คนอื่นจะทำเรื่องขัดอกขัดใจเราก็ง่าย
แค่คาดหวังใครไว้
แล้วเขาไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
อารมณ์ขัดเคือง หรือกระทั่งนึกชิงชัง
ก็เกิดขึ้นได้แล้ว
แถมอารมณ์ขัดเคืองหนักๆแค่วูบเดียว
ก็มีสิทธิ์ลบล้างอารมณ์ชื่นใจกันมายาวนานได้อีก
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
เพื่อรู้จักความรักได้จริงก่อนตาย
เราจำเป็นต้องมีความสุขกับตัวเอง
แบบไม่ต้องรอเหตุปัจจัยภายนอก
มาทำให้เป็นสุข
เป็นเรื่องของความสุขทางใจ
เป็นสุขที่ต้องสังเกตว่า
ทำใจไว้อย่างไร
แล้วเบาสบายได้อย่างนั้น
เริ่มจากการสังเกตเปรียบเทียบว่า
อย่างไหนลดระดับความเกลียด
หรือเพิ่มระดับความรัก
ระหว่างด่วนเชื่อคำยุยง
กับเผื่อใจฟังหูไว้หู
ระหว่างมองหาข้อดี
กับเพ่งโทษให้เจอข้อเสีย
ระหว่างคาดหวังน้อยๆ
กับคาดหวังมากๆ
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ใจที่เป็นสุข มีความปลอดโปร่ง
จากวิธีคิดวิธีมองดีๆเท่านั้น
ที่มีสิทธิ์คิดดี รู้สึกดี
ในแบบที่จะรักมากกว่าเกลียด
นอกนั้นจะเป็นไปตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ คือ
ธรรมชาติของจิตเหมือนน้ำ
โน้มเอียงที่จะไหลลงต่ำ
ไม่อาจทวนขึ้นสูงได้เอง
โดยไม่ต้องออกแรง!













