รีวิวหนังดัง DIE HARD นรกระฟ้า
ปี 1988 ตำรวจลุยเดี่ยวในสถานการณ์คับขันเป็นอะไรที่มันสะใจคอหนัง Action อย่างยิ่ง เรียกว่า One man show ในยุค 80 อะไรๆก็ดูตื่นตาตื่นใจหลายเรื่อง และ DIE HARD คือหนึ่งในนั้น
ผลงานการกำกับของ John McTiernan ผู้กำกับที่มีชื่อเสียงที่ฝากผลงานไว้หลายสไตล์ในสมัยนั้น ไม่ว่าจะเป็น PREDATOR (1987), THE HUNT FOR RED OCTOBER (1990), THE LAST ACTION HERO (1993) ก็ล้วนเป็นผลงานของเขาทั้งสิ้น
นำแสดงโดย Bruce Willis พระเอกชื่อดังที่ทำให้หนังเรื่องนี้สามารถสร้างภาคต่อตามมาได้ถึง 5 ภาค ตลอดเกือบ 30 ปี
เรื่องย่อ
John McClane เดินทางมายังตึก Nakatomi Plaza เพื่อร่วมงานบริษัทที่ภรรยาของเขาอย่าง Holly Gennaro McClane ร่วมงานอยู่ งานเฉลิมฉลองของบริษัทดำเนินไปได้ด้วยดีจนกระทั่งเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้น
Hans Gruber พร้อมกับทีมผู้ก่อการร้ายฝีมือเกือบ 30 คนบุกยึดตึกดังกล่าว ทั้งอาคารมีเพียงงานเลี้ยงที่ชั้น 30 เพียงชั้นเดียว ทำให้บุกยึดได้ง่าย พร้อมข้อต่อรองอย่างเดียว คือการรีดเค้นพนักงานระดับสูงบอกรหัสเข้าเซฟของอาคาร เพื่อเอาพันธบัตร (หุ้นกู้) ของบริษัทมูลค่า 640 ล้านเหรียญ ไม่งั้นเขาจะฆ่ารายบุคคล
John ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยภรรยาของเขา ยุติสถานการณ์ ยื้อเวลาให้ได้มากที่สุด เพื่อตามเก็บคนร้ายทีละคนตลอดทั้งคืน โดยไม่รู้เลยว่ามันจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน
นักแสดงนำ
- Bruce Willis รับบทเป็น John McClane
- Alan Rickman รับบทเป็น Hans Gruber
- Bonnie Bedelia รับบทเป็น Holly Gennaro McClane
- Reginald VelJohnson รับบทเป็น Al Powell
- Paul Gleason รับบทเป็น Dwayne T. Robinson
- De'voreaux White รับบทเป็น Argyle
- Alexander Godunov รับบทเป็น Karl
- Hart Bochner รับบทเป็น Ellis
- William Atherton รับบทเป็น Thornburg
- Clarence Gilyard Jr. รับบทเป็น Theo
ความชื่นชอบและประทับใจของครีเอเตอร์
1.เป็นภาพยนตร์ Action ลุยเดี่ยวในยุค 80 ที่โด่งดัง ด้วยเอกลักษณ์ตัวผู้ร้ายที่ดูเท่ พร้อมมุมกล้องที่ช่วยให้รู้สึกถึงความมัน ความระห่ำที่ยากจะต่อกรด้วย สิ่งนี้ทำให้พระเอกดูเสียเปรียบและทำให้อยากรู้ถึงตอนจบมันจะไปสุดได้ถึงไหน
2.หนังสมัยก่อนต้องยอมรับว่าเข้าเรื่องช้า เดินเรื่องนาน แต่ก็เหมือนจะมีอะไรให้ติดตามอยู่เรื่อยๆจึงทำให้ไม่เบื่อซะก่อน แต่โดยรวม pacing ก็ยังช้าอยู่บ้าง ทั้งที่หนังมันสามารถทำให้กระชับได้มากกว่านี้ มันคงเป็นความรู้สึกของคนรุ่นใหม่ไปตัดสินหนังจากยุคเก่า การจะตัดสินจึงต้องให้คนยุคนั้นตัดสินเองจะยุติธรรมกว่า
3.หนังมีความเป็น Thriller ชิงไหวชิงพริบในการเอาตัวรอดเป็นระยะ ทำให้หนังมีอะไรที่มากกว่าแค่การสู้ประชิดตัวและการยิงตอบโต้
4.สไตล์การต่อสู้ในพื้นที่ปิดของอาคารที่เกิดขึ้น ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นต้นตำรับของหนังเรื่องอื่นๆที่มีลักษณะเดียวกัน และเรียกกันว่า Die hard style นับแต่นั้นมา หนังเรื่องอื่นที่มีลักษณะคล้ายอย่าง DIE HARD ก็เช่น WHITE HOUSE DOWN (2013)
5.Bruce Willis แจ้งเกิดจากผลงานการแสดงของเรื่องนี้ก็เป็นได้ มันมีความบ้าดีเดือดในสภาพที่ไม่พร้อม ยียวนกวนประสาทให้ศัตรูต้องหัวเสีย ดิ้นรนแก้ปัญหาเฉพาะหน้าพร้อมฉากที่เล่นเอาลุ้นให้หวาดเสียวเป็นระยะ นี่คือเอกลักษณ์ของหนังเรื่องนี้ที่ยากจะทำให้ภาคต่อเอาชนะได้
6.การแสดงของ Alan Rickman เป็นสิ่งที่ครีเอเตอร์ชอบเป็นการส่วนตัวเอามากๆ ความเท่ในฐานะผู้นำก่อการร้ายและน้ำเสียงของเขาเป็นที่น่าจดจำเอามากๆ หลายคนอาจจะรู้จักเขาในบทบาทของศาสตราจารย์สเนปในแฟรนไชส์ Harry Potter
7.Yippee-Ki-Yay วลีอมตะจากภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้สร้างปรากฏการณ์ใน Hollywood อย่างเป็นทางการแล้ว มันเป็นประโยคไว้พูดท้าทายหรือบ่นแบบสบถให้ฮึดสู้ อะไรทำนองนั้น ไม่มีใครรู้ความหมายที่แท้จริง แต่มันกลายเป็น Signature ของ DIE HARD ที่ทุกภาคต้องมีไปโดยปริยาย





















